ไอจิ

ทริป 1 วัน ใน นาโกย่า – อินุยามะ เมืองที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวในจังหวัดไอจิ นาโกย่าเป็นเมืองใหญ่ที่มีที่พักให้เลือกมากมาย และยังมีทั้งสนามบินนานาชาติและรถไฟชินคันเซ็น การเดินทางไปอินุยามะจึงสะดวก ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง อินุยามะถึงจะเป็นเมืองเล็ก แต่เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นปราสาทอินุยามะ ล่องเรือแม่น้ำคิโซ และย่านสตรีทฟู้ดชื่อดัง เหมาะสำหรับทริปแบบไปเช้าเย็นกลับจากนาโกย่า บอกเลยว่าทริปวันเดียวคุ้มสุด ๆ ทริป 1 วัน นาโกย่า – อินุยามะ ขอพรที่ศาลเจ้า ชมวิวปราสาท ตะลุยกินสตรีทฟู้ด 9:00 ออกเดินทางจากโรงแรม The Royal Park Canvas Nagoya 9:00 – 9:40 เดินทางไป Inuyama-Yuen station และแวะถ่ายรูปหน้าสถานี 10:00 – 10:30 ขอพรที่ศาลเจ้าซังโค อินาริ (Sanko Inari Shrine) 10:40 – 11:10 เดินชมปราสาทอินุยาะ…

“ ฮิกังบานะ ” ดอกไม้สีแดงชาดที่มาพร้อมเรื่องเล่าเกี่ยวกับความตายของญี่ปุ่น ดอกไม้ชนิดนี้ไม่เพียงแต่สวยเท่านั้นแต่ยังแฝงพิษร้ายที่เป็นอันตรายเอาไว้ด้วย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารูปลักษณ์ของมันสวยงามเป็นอีกดอกไม้ที่น่าชม ทำไมดอกฮิกังบานะถึงขึ้นชื่อว่าเป็นดอกไม้แห่งความตาย ดอกไม้ชนิดนี้มีความหมายอื่นนอกจากนี้อีกไหม วันนี้เราเอามาเล่าให้ฟังกัน! ลักษณะของดอกฮิกังบานะ ดอกฮิกังบานะ (Higanbana) หรือที่รู้จักกันในชื่อภาษาอังกฤษว่า “Red Spider Lily” มีดอกสีแดงสด สีขาวและสีเหลือง รูปร่างของฮิกังบานะจะเป็นกลีบดอกเป็นริ้วเล็กๆ ยาวและบางโค้งงอเข้าด้านใน ทำให้ดอกดูฟูและเหมือนแมงมุมตัวใหญ่ๆ และมีก้านเกสรยาวพุ่งออกมาจากกลางดอก ลำต้นของดอกมีความสูงประมาณ 30-50 เซนติเมตร สิ่งที่ทำให้ฮิกังบานะเป็นดอกไม้ที่น่าสนใจกว่าดอกไม้อื่นๆ ของญี่ปุ่น คือ ดอกและใบจะไม่งอกออกมาพร้อมกัน โดยในฤดูใบไม้ร่วงประมาณเดือนกันยายน จะเป็นช่วงที่ก้านดอกจะแทงขึ้นมาจากดินอย่างรวดเร็วและบานสะพรั่ง เมื่อดอกร่วงโรยไปแล้ว ใบสีเขียวเข้มจึงจะงอกขึ้นมาและอยู่ข้ามฤดูหนาวไปจนถึงฤดูใบไม้ผลิ  และทุกส่วนของต้นฮิกังบานะมีพิษ โดยเฉพาะที่หัวหรือราก ชาวญี่ปุ่นในอดีตมักจะปลูกดอกไม้ชนิดนี้ไว้ตามริมท้องนาเพื่อป้องกันไม่ให้หนูหรือสัตว์ต่างๆ มาทำลายพืชผล เป็นดอกไม้ที่สวยงามแต่แฝงไปด้วยอันตราย ดอกฮิกันบานะจะมีสารพิษที่เรียกว่า “แอลคาลอยด์” พบมากในส่วนหัว ถ้ากินเข้าไปจะทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง แต่หากโดนพิษมากๆ ก็อาการหนักถึงขั้นอัมพาต และเสียชีวิตได้ น่ากลัวสุดๆ เลย  ฮิกังบานะในความเชื่อและวัฒนธรรมญี่ปุ่น ในวัฒนธรรมญี่ปุ่น “ดอกฮิกังบานะ” มีความหมายที่หลากหลายและมักถูกเชื่อมโยงกับเรื่องราวที่ลึกซึ้งมักเป็นตัวแทนของการจากลา การพลัดพราก และความทรงจำที่ไม่อาจลืม…

ทานาบาตะ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “เทศกาลแห่งดวงดาว” (Star Festival) เป็นหนึ่งในเทศกาลญี่ปุ่นที่เปี่ยมด้วยกลิ่นอายโรแมนติก ความฝัน และความหวัง เทศกาลนี้เป็นการผสมผสานระหว่างตำนานรักของโอริฮิเมะกับฮิโกโบชิ และความเชื่อพื้นบ้านที่สืบทอดมายาวนาน ทำให้กลายเป็นหนึ่งในเทศกาลที่มีเอกลักษณ์และเป็นที่รักของชาวญี่ปุ่นมาโดยตลอด โดยทั่วไป ทานาบาตะมักจัดขึ้นในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคม ขึ้นอยู่กับภูมิภาคของญี่ปุ่น บางพื้นที่ยึดตามปฏิทินจันทรคติ เช่น วันที่ 7 เดือน 7 ขณะที่บางเมืองเลือกจัดในเดือนสิงหาคมเพื่อให้ตรงกับช่วงที่มีอากาศดี เหมาะแก่การชมดาวและการจัดกิจกรรมกลางแจ้ง โดยบรรยากาศของงานมักจะอบอวลไปด้วยความสงบ ความเชื่อ และความงดงามทางสายตาจากการประดับตกแต่งหลากสีสันที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณของเทศกาล ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับ ทานาบาตะ เทศกาลทานาบาตะมีต้นกำเนิดจากประเทศจีน โดยมีชื่อเดิมว่า “ฉีซีเจี๋ย” ซึ่งมีความหมายว่า เทศกาลแห่งความรักของคู่รักบนสวรรค์ โดยเป็นตำนานที่เล่าถึงการพบกันปีละครั้งของหญิงทอผ้าโอริฮิเมะและชายเลี้ยงวัวฮิโกโบชิบนทางช้างเผือก เมื่อเทศกาลนี้เข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นในช่วงศตวรรษที่ 8 ได้ถูกนำมาผสมผสานกับแนวคิดแบบชินโต ความเชื่อพื้นบ้านของญี่ปุ่น และอิทธิพลจากศาสนาพุทธ จนกลายมาเป็นเทศกาลที่ไม่เพียงแต่มีความศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยความโรแมนติก จินตนาการ และความหวังที่สะท้อนผ่านสัญลักษณ์ต่าง ๆ ภายในงาน ความพิเศษของทานาบาตะยังอยู่ที่ช่วงเวลาที่จัดขึ้น คือในฤดูร้อน ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้คนในญี่ปุ่นมักออกมาทำกิจกรรมกลางแจ้ง ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว และเฉลิมฉลองกับชุมชน เทศกาลนี้จึงเปรียบเสมือนช่วงเวลาแห่งการพักใจ ทบทวนความฝัน และสร้างความทรงจำร่วมกันกับคนรอบข้าง ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ แสงไฟ และสายลมอ่อนที่พัดผ่านใบไผ่ที่แขวนคำอธิษฐานไว้…

หากพูดถึงการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น หลายคนมักนึกถึงวัดวาอาราม ธรรมชาติ อาหารอร่อย และวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่มีเอกลักษณ์ แต่สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยคือ สวนสนุก ญี่ปุ่น ที่โดดเด่นไม่แพ้ที่ใดในโลก ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยธีมปาร์คระดับโลก ทั้งที่มีชื่อเสียงมายาวนานและธีมปาร์คน้องใหม่ที่เปิดให้บริการในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความพิเศษของสวนสนุกในญี่ปุ่นคือการออกแบบที่ผสมผสานระหว่างความบันเทิง เทคโนโลยีล้ำสมัย และวัฒนธรรมญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นสวนสนุกสไตล์ตะวันตก เช่น Universal Studios Japan หรือสวนสนุกที่สะท้อนความเป็นญี่ปุ่นแท้ๆ เช่น Edo Wonderland หรือ Toei Kyoto Studio Park อีกทั้งยังเหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่เด็กเล็กจนถึงผู้ใหญ่ที่ยังมีหัวใจวัยรุ่น สำหรับปี 2025 นี้ สวนสนุกหลายแห่งได้มีการอัปเกรดเครื่องเล่น เปิดโซนใหม่ หรือแม้กระทั่งเปิดสวนสนุกใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้น เพื่อมอบประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับนักท่องเที่ยว บทความนี้จะพาไปรู้จักกับ 10 สวนสนุกยอดนิยมในญี่ปุ่นปี 2025 พร้อมแนะนำไฮไลต์เด็ดๆ ที่ไม่ควรพลาด หากเราเป็นคนรักความสนุก ตื่นเต้น และชื่นชอบบรรยากาศแห่งความสุข ห้ามพลาดบทความนี้เด็ดขาด แนะนำ 10 ธีมปาร์ค สวนสนุก อัปเดต 2025 มีที่ไหนใหม่ๆน่าเที่ยว …

การได้เห็นดอกวิสทีเรีย (Wisteria) หรือที่คนไทยเรียกกันว่า “ดอกฟูจิ” บานสะพรั่งเต็มต้น เป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่สวยงามและตราตรึงใจที่สุดในช่วงฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่น ดอกไม้ชนิดนี้ไม่เพียงแต่สร้างทัศนียภาพอันน่าทึ่งเท่านั้น แต่ยังมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ทำให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสถึงความสดชื่นและความอ่อนโยนของธรรมชาติอย่างแท้จริง การได้เดินลอดซุ้มดอกวิสทีเรียที่ห้อยระย้าลงมาราวม่านดอกไม้ ทำให้รู้สึกราวกับหลุดเข้าไปในโลกแห่งเทพนิยาย วิสทีเรียจะบานในช่วงปลายเดือนเมษายนถึงกลางเดือนพฤษภาคม โดยช่วงเวลาที่ดอกไม้ผลิบานเต็มที่นั้นสั้นมาก นักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสความงามของดอกฟูจิควรวางแผนเดินทางล่วงหน้า เพื่อไม่ให้พลาดช่วงเวลาสวยที่สุดของปี ทั้งนี้ สภาพอากาศในแต่ละพื้นที่จะส่งผลต่อเวลาบานของดอกไม้เล็กน้อย จึงควรตรวจสอบข้อมูลก่อนออกเดินทางเสมอ บทความนี้จะพาไปสำรวจ 5 จุดชมวิสทีเรียและดอกฟูจิที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น ตั้งแต่สวนดอกไม้ชื่อดังไปจนถึงศาลเจ้ากลางเมือง พร้อมแนะนำเคล็ดลับการเที่ยวให้ได้สัมผัสเสน่ห์ของฤดูใบไม้ผลิอย่างเต็มที่ อย่าพลาดที่จะเลื่อนอ่านต่อ เพราะแต่ละแห่งล้วนมีเสน่ห์เฉพาะตัวที่จะต้องหลงรัก ข้อมูลทั่วไป: วิสทีเรีย บานช่วงไหน ดอกวิสทีเรียเริ่มผลิบานอย่างงดงามตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายนไปจนถึงกลางเดือนพฤษภาคม ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาทองของการชมดอกไม้ชนิดนี้ โดยเฉพาะในภูมิภาคคันโตและคิวชูที่มีชื่อเสียงโด่งดังด้านการจัดเทศกาลชมดอกวิสทีเรีย นักท่องเที่ยวจะได้พบกับบรรยากาศสุดพิเศษ ทั้งซุ้มดอกไม้ที่เลื้อยลงมาเป็นม่านระย้า และสีสันที่ไล่เฉดอย่างสวยงามตั้งแต่ม่วงอ่อน ม่วงเข้ม ไปจนถึงขาวนวลและเหลืองทองอ่อน ทำให้การเดินชมในสวนหรือศาลเจ้าต่าง ๆ เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ราวกับอยู่ในโลกแห่งความฝัน ในบางสถานที่ เช่น สวนดอกไม้อาชิคางะและคาวาจิ ฟูจิ การ์เด้น ยังมีการจัดแสดงไฟไลท์อัพตอนกลางคืน เพิ่มความโรแมนติกให้กับบรรยากาศการชมดอกฟูจิอย่างยิ่ง นักท่องเที่ยวสามารถเดินลอดอุโมงค์ดอกไม้ที่ส่องสว่างเรืองรองในยามค่ำคืน ถ่ายรูป หรือเพียงแค่นั่งชมความสวยงามอย่างเงียบสงบ ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่หลงใหลในเสน่ห์ฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่น ช่วงที่ดอกฟูจิบานเต็มที่มักจะอยู่ระหว่างต้นถึงกลางเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่สัปดาห์…

นาโกย่า(Nagoya) เป็นเมืองที่อยู่ทางตอนกลางของญี่ปุ่น แม้จะไม่ใช่เมืองท้อปฮิตสำหรับนักท่องเที่ยว แต่ก็มีอะไรหลายอย่างน่าสนใจ อัดแน่น และครบครันไม่แพ้เมืองอื่นๆ เพราะนอกจากจะมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานแล้ว ยังเป็นเมืองอุตสาหกรรมรถยนต์ชื่อดังอีกด้วย นั่นก็คือ โตโยต้า นั่นเอง ดังนั้นที่นี่จึงมีทั้งปราสาทนาโกย่าที่สวยงาม, พิพิธภัณฑ์, สวนสนุก และโรงงานโตโยต้า, แหล่งช้อปปิ้ง และธรรมชาติที่สวยงาม ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของภูมิภาคจุบุ(Chubu) จังหวัดไอจิ(Aichi)ก็ต้องอัดแน่นไปด้วยโรงแรมที่พักมากมายให้เลือก ซึ่งย่านหลักที่นักท่องเที่ยวนิยมไปกันก็มีอยู่สองย่านคือ ย่านติดสถานีรถไฟนาโกย่า และย่านซากาเอะ(Sakae) สถานีรถไฟนาโกย่านาโกย่า สถานีที่มีรถไฟอยู่รวมกันหลายสาย ได้แก่ เจอาร์รถไฟใต้ดิน รถไฟคินเท็ตสึ และรถไฟเมเท็ตสึ จุดเริ่มต้นของการเดินทางไปที่ยังสถานที่ต่าง ๆ เมืองที่เต็มไปด้วยความคึกคักของผู้คนที่สัญจรผ่านไปมามากมาย ทั้งชอบปิ้งและท่องเที่ยว อีกทั้ง “โกลบอลเกต” เส้นทางรถไฟฟ้าพลังแม่เหล็ก ScMaglev สายจูโอชินคันเซน สัมผัสความสดชื่นในโอเอซิสใจกลางเมือง อย่าง “ป่าโนะริทะเคะ” และ “พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีการผลิตโตโยต้า” ที่เป็นต้นกำเนิดของรถยนต์โตโยต้า รวมถึงปราสาทนาโกย่า พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ซึ่งย่านนี้ก็มีโรงแรมที่พักมากมายให้เราได้เลือก ซากาเอะ หรือ ซาคาเอะ(Sakae) เป็นย่านที่คึกคักอยู่ในเมืองนาโกย่า(Nagoya) ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งบริเวณนั้นเต็มไปด้วยแหล่งช้อปปิ้ง สถานบันเทิงและแหล่งร้านอาหารมากมายที่รอให้ทุกท่านได้ไปลิ้มลองรสชาติอาหารสุดพิเศษสไตล์นาโกย่ารวมถึงอาหารแบบนานาชาติ เรียกได้ว่าที่นี่มีทุกอย่าง โดยเฉพาะแหล่งท่องราตรีสำหรับสายแฮงก์เอาท์ อาทิเช่น…

เมื่อเอ่ยถึงเมืองท่องเที่ยวนาโกย่า ต้องนึกถึง “สถานีรถไฟนาโกย่านาโกย่า” สถานีที่มีรถไฟอยู่รวมกันหลายสาย ได้แก่ เจอาร์รถไฟใต้ดิน รถไฟคินเท็ตสึ และรถไฟเมเท็ตสึ จุดเริ่มต้นของการเดินทางไปที่ยังสถานที่ต่าง ๆ เมืองที่เต็มไปด้วยความคึกคักของผู้คนที่สัญจรผ่านไปมามากมาย ทั้งชอบปิ้งและท่องเที่ยว อีกทั้ง “โกลบอลเกต” เส้นทางรถไฟฟ้าพลังแม่เหล็ก ScMaglev สายจูโอชินคันเซน สัมผัสความสดชื่นในโอเอซิสใจกลางเมือง อย่าง “ป่าโนะริทะเคะ” และ “พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีการผลิตโตโยต้า” ที่เป็นต้นกำเนิดของรถยนต์โตโยต้า รวมถึงปราสาทนาโกย่า พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ซึ่งย่านนี้ก็มีโรงแรมที่พักมากมายให้เราได้เลือก แนะนำ 15 โรงแรมที่พักนาโกย่า ใกล้สถานีรถไฟนาโกย่า ย่านเด็ด เดินทางสะดวก     โรงแรมที่พักนาโกย่า ติดสถานีรถไฟ ทำเลดี ราคาดี ขอแนะนำ โซเตตสึ เฟรซา อินน์ นาโกยาเอกิ ซากูราโดริงูจิ (Sotetsu Fresa Inn Nagoyaeki Sakuradoriguchi) ที่พักสะดวกสบายระดับ 3 ดาว เตียงกว้าง ไม่อึดอัด เช็คอินเช็คเอาท์​ด้วยเครื่องอัตโนมัติปลอดภัย…

ซากาเอะ หรือ ซาคาเอะ(Sakae) เป็นย่านที่คึกคักอยู่ในเมืองนาโกย่า(Nagoya) ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งบริเวณนั้นเต็มไปด้วยแหล่งช้อปปิ้ง สถานบันเทิงและแหล่งร้านอาหารมากมายที่รอให้ทุกท่านได้ไปลิ้มลองรสชาติอาหารสุดพิเศษสไตล์นาโกย่ารวมถึงอาหารแบบนานาชาติ เรียกได้ว่าที่นี่มีทุกอย่าง โดยเฉพาะแหล่งท่องราตรีสำหรับสายแฮงก์เอาท์ อาทิเช่น คลับและบาร์ อีกทั้งยังมีห้างสรรพสินค้า ที่เป็นแหล่งรวมแฟชั่นและร้านค้าสุดเก๋ โซนขายของกระจุกกระจิกอีกมากมาย และที่สำคัญยังมีจุดชมหอโทรทัศน์นาโกย่าซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของซาคาเอะซึ่งเป็นหอโทรทัศน์ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ต้องบอกเลยว่าในย่านนี้ ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นหรือวัยไหนๆ ก็ต้องชอบอย่างแน่นอน แถมย่านนี้ยังมีโรงแรมที่พักคอยให้บริการอยู่เพียบ แนะนำ 15 โรงแรมที่พักนาโกย่า ย่านซากาเอะ ใกล้สถานีรถไฟ แหล่งช้อปปิ้ง     ที่พักนาโกย่า ย่านซากาเอะ ที่สวยหรู นอนสบาย ทำเลดีที่เราขอแนะนำ คือ โรงแรมฟอร์ซา นาโกย่า ซากาเอะ (Hotel Forza Nagoya Sakae) เป็นโรงแรมที่พักระดับ 3 ดาว ตั้งอยู่ในย่านซากาเอะ ที่พักตั้งอยู่กลางใจเมือง จึงอยู่ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวมากมาย อีกทั้งยังสะดวกต่อการเดินทางไปสถานที่ต่างๆ ที่พักนี้ยังมีห้องอาหารเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เข้าพัก อยู่ห่างจากรถขนส่งสาธารณะ 330 เมตร จากโรงแรมเดินเท้าไปสถานีซาคาเอะ ใช้เวลาประมาณ 10นาที เดินทางไปโอเอซิส21…