โออิตะ

เนโมฟีลา (Nemophila) หรือที่ชาวญี่ปุ่นนิยมเรียกว่า “Baby Blue Eyes” คือดอกไม้ขนาดเล็กสีฟ้าอ่อนที่บานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ โดยเฉพาะช่วงกลางเดือนเมษายนถึงต้นพฤษภาคม เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของฤดูกาลที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติต่างตั้งตารอ ด้วยเฉดสีฟ้าอมเทาอันอ่อนโยน ตัดกับท้องฟ้าและทุ่งเขียว ทำให้เกิดเป็นภาพที่สวยงามราวกับอยู่ในความฝัน หากเรากำลังวางแผนไปชมความงดงามของดอกไม้ชนิดนี้ในปี 2025 สามารถไปจุดแลนด์มาร์ค 5 จุดยอดนิยมได้เลย 5 พิกัด เนโมฟีลา ในญี่ปุ่นที่คนรักดอกไม้ต้องหลงรัก เริ่มต้นที่ สวนฮิตาชิ ซีไซด์พาร์ค (Hitachi Seaside Park) จังหวัดอิบารากิ ที่นี่ถือเป็นจุดชมเนโมฟีลาชื่อดังระดับโลก ด้วยพื้นที่กว่า 4.5 ล้านต้นที่บานสะพรั่งปกคลุมทั่วภูเขา Miharashi Hill จนกลายเป็นทะเลสีฟ้าสุดตระการตา ตามมาด้วย สวนฮานะโนะมิยาโกะ (Hananomiyako Park) ใกล้ทะเลสาบคาวากุจิโกะ จังหวัดยามานาชิ ที่สามารถชมเนโมฟีลาโดยมีฉากหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิอันยิ่งใหญ่  อีกจุดที่ไม่ควรพลาดคือ เกาะอาวาจิ (Awaji Island) จังหวัดเฮียวโงะ ซึ่งมีสวน Awaji Hanasajiki ที่ปลูกเนโมฟีลาเรียงรายตามแนวลาดเนินเขาริมทะเล วิวพาโนรามาของทะเลอินแลนด์ซีช่วยเติมเต็มความโรแมนติกได้อย่างลงตัว ส่วนทางคันไซก็มี สวนเกษตรนันโนะฮานะโนะซาโตะ (Nanno…

หลังจากที่ได้เขียนบทความขับรถตะลอนเที่ยวทั่วเกาะคิวชูไปแล้วทั้ง 7 วัน ปรากกฏว่ามีคนถามกันเข้ามาพอสำควร จึงได้เขียนบทความนี้ขึ้นเป็นเพื่อการสรุปการเดินทางทั่งหมด เพื่อช่วยให้เห็นภาพรวมการเที่ยวทริปนั้นของเราทั้งหมดได้ชัดเจนมากขึ้น     ทริปทั้งหมดของเราจริงๆแล้วจะเป็น 9 วัน 9 คืน เราลงเครื่องที่เมืองฟุกุโอกะตอนเช้า แล้วก็เริ่มต้นเช่ารถวันที่ 1 กันที่สนามบินเลย จากนั้นจึงขับรถไปที่เมืองคุมาโมโต้กัน เหตุผลที่ต้องเช่าจากสนามบินฟุกุโอกะเลย เพราะว่ามีผู้บริการให้เช่ารถให้เลือกเยอะที่สุด จึงสามารถเลือกเจ้าที่เงื่อนไขดีที่สุดได้ และสนามบินฟุกุโอกะก็อยู่ใกล้ๆกับตัวเมืองด้วย การเช่ารถแล้วเลือก รับ/ส่ง รถที่เดียวกันจะประหยัดกว่าการรับ/ส่งรถคนละที่พอสมควร ทำให้เราตัดสินใจขับรถไปเมืองคุมาโมโต้กันแทนการนั่งรถไฟที่จริงๆอาจจะสะดวกกว่าการขับรถด้วยซ้ำ ส่วนในตอนคืนรถเราก็กลับมาคืนที่เดิมแล้วนั่งรถเข้าเมืองซึ่งใช้เวลาไม่ถึง 30 นาที จากนั้นจึงค่อยเที่ยวในเมืองฟุกุโอกะกันอีก 1 วันค่อยกลับเมืองไทย จากรูปแผนที่ด้านล่างนี้ จะเห็นเส้นสีน้ำเงิน จะเป็นเส้นทางคร่าวๆที่เราไปขับกันมา และวงกลมสีน้ำเงินจะเป็นสถานที่ๆเราไปมาคร่าวๆ จะมีไม่ครบทุกที่ โดยตัวเลขจะเป็นวันที่เราไป ส่วนตัวอักษร X คือวันแรกที่เราเริ่มเช่ารถแต่ไม่ได้เอาไปขับเที่ยว เพราะเราขับจากสนามบินฟุกุโอกะ เข้าไปจอดที่โรงแรมกลางเมืองคุมาโมโต้ แล้วนั่งรถราง(tram)เที่ยวเมืองคุมาโมโต้เอาแทน จึงยังไม่นับว่าเป็นการเริ่ม Roadtrip ของเราแบบจริงจัง       สำหรับวันแรกของทริปเราออกจากเมืองคุมาโมโต้ตอนเช้า หลังจากที่ทานอาหารเช้าที่โรงแรมเสร็จก็ขึ้นทางด่วนยิงยาวลงมาทางตอนใต้ของเกาะเพื่อจะไปปีนภูเขาไฟคิริชิม่า(Kirishima)กัน ซึ่งมาถึงประมาณ 11 โมงได้ เราก็เที่ยวกันจนค่ำ แล้วก็มุ่งหน้าลงใต้ต่อเพื่อไปพักที่โรงแรมที่อยู่ใจกลางเมืองคาโกชิม่า(Kagoshima) รีวิวขับรถเที่ยวทั่วเกาะคิวชู…

รีวิวขับรถเที่ยว ทั่วเกาะคิวชูวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายแล้ว หลังจากที่เราไปตะลุยกันมาตั้งแต่จังหวัดคุมาโมโต้(Kumamoto)ฝั่งตะวันตกลงไปที่จังหวัดคาโงชิม่า(Kagoshima)ทางตอนใต้ของเกาะแล้วตัดไปทางตะวันออกที่จังหวัดมิยาซากิ(Miyazaki)แล้วก็วนกลับขึ้นมาทางตอนกลางแถบภูเขาไฟอะโซะ(Aso) เรื่อยมาจนวันนี้ เราจะวนเข้าไปที่เมืองเบปปุก่อนจะไปเมืองดาไซฟุ(Dazaifu)ทางตอนใต้ของจังหวัดฟุกุโอกะ(Fukuoka) แล้วเอารถไปคืนที่สนามบินฟุกุโอกะ ก็เป็นอันจบทริปขับรถเที่ยวทั่วเกาะกันแบบสมบูรณ์ รีวิวขับรถเที่ยวทั่วเกาะคิวชู วันที่ 6 ดูใบไม้แดง ทุ่งดอกหญ้า และเมืองยูฟุอิน เส้นทางการขับรถเที่ยวของเราในวันนี้จะเริ่มกันที่ (A) เมืองยูฟุอินตอนเช้า แล้วขับเข้าเมืองเบปปุไปเที่ยว (B-C) 8 บ่อนรกแห่งเมืองเบปปุ(Beppu)ซึ่งแบ่งเป็น 2 โซนด้วย จากนั้นก็ขับกลับทางเดิมไปที่ (D) เมืองดาไซฟุ(Dazaifu)เที่ยวศาลเจ้าชื่อดังของเมือง แล้วก็ขับไปคืนรถที่ (E) สนามบินฟุกุโอกะ   วันนี้ตื่นแต่เช้าเพราะจองเวลาแช่บ่ออนเซนกลางแจ้งกันไว้ ที่มองเห็นวิวภูเขายูฟุ ซะด้วย อากาศเย็นได้แช่ในออนเซนนี่มันฟินอย่างงี้นี่เองนะ ถ้าได้แช่บ่อกลางแจ้งตอนที่หิมะตกนี่คงจะฟินน่าดูเลย เรียวกังที่เรานอนคือ เรียวกัง ยาวารางิโนะซาโตะ ยาโดยะ (Yawaraginosato Yadoya)   จากนั้นก็แต่งตัว ออกมาเดินรอบๆโรงแรมวนไปด้านหลังที่เป็นที่โล่งๆ ถ่ายรูปโรงแรมเล่นซะหน่อย เช้านี้หมอกก็ยังคงหนาทึบอยู่เหมือนเดิม มองไม่ค่อยจะเห็นอะไรเลย ก็เลยเปลี่ยนไปทานอาหารเช้าแทน เสร็จแล้วก็เก็บกระเป๋า เช็คเอ้าแล้วออกจากเมืองยูฟุอิน(Yufuin) ไปเที่ยวเมืองเบปปุ(Beppu)กันต่อ   เมืองเบปปุ(Beppu)เป็นหนึ่งในเมืองออนเซนที่มีชื่อเสียงของเกาะคิวชู อยู่ชายฝั่งทะเลตะวันออกในเขตจังหวัดโออิตะ(Oita) แต่ว่าวันนี้ที่เราจะไปเที่ยวกันจะเป็น 8 บ่อน้ำพุร้อนที่คนญี่ปุ่นเรียกกว่า…

ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีฤดูกาล 4 ฤดูกาลที่แตกต่างกันค่อนข้างชัดเจน ทำให้แต่ละช่วงเวลาของปีโดยเฉพาะฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน จะมีดอกไม้หลากหลายสายพันธ์สลับกันบานให้ได้ชม เราจึงคัดเลือกสวนดอกไม้และทุ่งดอกไม้ที่สวยงามอลังการทั่วประเทศญี่ปุ่นมาให้ชมกัน เผื่อใครไปเที่ยวจะได้ไม่พลาดใส่เข้าไปในโปรแกรมเที่ยวด้วย   1. ทุ่งดอกชิบะซากุระ Fuji Shibazakura Festival นักท่องเที่ยวจะได้ชมทิวทัศน์ที่งดงามของทุ่งดอกชิบะซากุระอันกว้างใหญ่มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิที่สูงตระหง่านในวันที่ฟ้าโปร่งใส โดยจะบานในฤดูใบไม้ผลิช่วงกลางเดือนพฤษภาคมถึงต้นเดือนมิถุนายน อยู่ที่ทะเลสาบโมโตสุโกะ(Lake Motosuko) ที่เป็นหนึ่งในทะเลสาบทั้ง 5 ของฟูจิ     2. ทุ่งดอกไม้แห่งฟูราโน่ ฟาร์มโทมิตะ Farm Tomita หนึ่งในจุดชมดอกลาเวนเดอร์ที่ดีที่สุดของเกาะฮอกไกโด(Hokkaido)คือ ฟาร์มโทมิตะ(Farm Tomita) ซึ่งมีวิวทิวทัศที่สวยงามจากฉากหลังเป็นภูเขาโทกะชิ(Tokachi mountain) ซึ่งเปิดให้เข้าชมฟรีอย่างอิสระ โดยจะบานในฤดูร้อนช่วงกลางเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคม     3. อุโมงค์ดอกวิสทีเรียที่สวนคาวาชิฟูจิ Kawachi Fuji Garden จุดเด่นภายในสวนแห่งนี้คืออุโมงค์ดอกวิสทีเรียที่ทิ้งกิ่งก้านพร้อมดอกสีม่วงเข้ม ม่วงอ่อน ขาว และชมพูไล่เฉดสีห้อยลงมาจากอุโมงค์ไม้ที่คลุมทางเดิน อยู่ที่เกาะคิวชู(Kyushu) จังหวัดฟูกุโอกะ(Fukuoka) จะบานในฤดูใบไม้ผลิช่วงปลายเดือนเมษายน-กลางเดือนพฤษภาคม     4. เนินเขาโคเชีย สวนฮิตาชิ ซีไซด์ (Kochia Hill at Hitachi Seaside…

รีวิวเที่ยวญี่ปุ่น ขับรถตะลอนทั่วเกาะคิวชู วันที่ 6 เรายังคงไปไม่ไกลจากบริเวณเดิมมากนัก จะยังคงอยู่บริเวณตอนเหนือของเทือกเขาอะโซะโดยจะขับรถข้ามเทือกเขาคูจูไปทางตอนบนแล้วออกไปทางตะวันออกเล็กน้อยไปที่เมืองยูฟุอิน(Yufuin) เมืองออนเซนชื่อดังอีกเมืองหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองเบปปุ(Beppu) รีวิวขับรถเที่ยวทั่วเกาะคิวชู วันที่ 5 สุดโรแมนติค เส้นทางใบไม้เปลี่ยนสี เมืองออนเซนคุโรคาวะ เส้นทางในการขับรถวันนี้ของเราแค่สั้นๆ และทุกสถานที่ท่องเที่ยวของเราก็เป็นทางผ่านทั้งหมดเลย โดยออกจาก (A) เรียวกัง วากาบะ (Ryokan Wakaba) ในเมืองออนเซนคุโรคาวะ(Kurokawa)ตอนเช้าแล้วไปแวะที่ (B) วัดคนโกโฮจิ(Kongōhō-ji)ที่อยู่ห่างจากเมืองมาไม่กี่กิโลเมตรเท่านั้น จากนั้นก็ขับกลับทางเดิมไปที่สี่แยกจุดพักซานาอิ(sanai rest house)จากนั้นก็ขับขึ้นทางตอนเหนือแล้วแวะที่ (C) ทุ่งดอกหญ้าในพื้นที่ชุ่มน้ำ ทาเดวะระ (Tadewara Wetland) เสร็จแล้วถัดมาไม่ไกลก็แวะที่ (D) สะพานแขวนยูเมะ(Yume Suspension Bridge) และสุดท้ายก็ไปที่ (E) เรียวกังยาวารางิโนะซาโตะ ยาโดยะ (Yawaraginosato Yadoya) ในเมืองยูฟุอิน(Yufuin) ไปจอดรถที่โรงแรมของคืนนี้ได้เลยเพราะตั้งอยู่เกือบจะกลางเมืองเลย   วันนี้ รีบตื่นเช้ามาเพราะจองเวลาแช่บ่อออนเซนแบบส่วนตัวเอาไว้ หลังจากแช่เสร็จก็เปลี่ยนชุดออกมาเดินเล่นในเมืองอีกครั้ง ก่อนจะกลับไปทานอาหารเช้าและเช็คเอ้า บรรยากาศช่วงเช้าของเมืองออนเซนคุโรคาวะ(Kurokawa) ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้มีใบเมเปิ้ลเปลี่ยนเป็นสีแดงให้ดูเยอะแยะเลย ช่วงเช้านี้แดดไม่แรง ทำให้ถ่ายใบเมเปิ้ลออกมาได้สีสดในมาก   หลังจากที่เช็คเอ้าเสร็จ เราก็ออกจากเมืองคุโรคาวะ(Kurokawa)มา จนเกือบจะถึงสี่แยกเมื่อวานนี้ ก็จะเห็นวัดคนโกโฮจิ(Kongōhō-ji Temple) ที่อยู่ใกล้กับสะพานที่ข้ามแม่น้ำ…

สวนดอกไม้คูจู(Kuju flower Park) หรือ คูจู ฮานะ โคเอน(Kuju Hana Koen, くじゅう花公園) เป็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเกาะคิวชู บนพื้นที่กว่า 130 ไร่ มีดอกไม้มากกว่า 3 ล้านดอก จากกว่า 500 สายพันธ์ที่จะเบ่งบานตามแต่ฤดูกาลยกเว้นฤดูหนาว อยู่ที่บริเวณเชิงเขาบริเวณทิศใต้ของเทือกเขาคูจู(Kuju Mountain) จังหวัดโออิตะ(Oita) อยู่บนถนน ภายในสวนดอกไม้คูจู(Kuju Hana Park)จะมีทางเดินขนาดใหญ่วนรอบไปทั่วทุ่งดอกไม้หลายชนิด เช่น ดอกลาเวนเดอร์(lavender), บลูเบอร์รี่(blue berries), ดอกทิวลิป(tulips), ดอกทานตะวัน, ดอกป้อปปี้(poppies), ดอกมอสสีชมพู(Pink Moss) หรือภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า ชิบะซากุระ(Chibasakura) และอื่นๆอีกหลายชนิด โดยจะมีการจัดแปลงดอกไม้เอาไว้อย่างดี โดยจะรวมเอาชนิดที่บานพร้อมๆกันมาไว้ด้วยกัน ทำให้กลายเป็นสีสันที่ต่อเนื้อง สดใสสวยงาม นอกจากนี้ก็จะมีเรือนกระจกที่จัดแสดงดอกไม้เมืองร้อนอื่นๆ ร้านขายของที่ระลึก ร้านขนม รวมทั้งร้านอาหารบุฟเฟ่ด้วย และถ้าเป็นในวันหยุดเสาร์อาทิตย์จะมีชาวสวนท้องถิ่นนำสินค้าจากไร่ของตัวเองเช่นผักผลไม้ต่างๆ มาขายด้วย ช่วงระยะเวลาคร่าวๆที่ดอกไม้ต่างๆจะบานที่ สวนดอกไม้คูจู(Kuju flower Park) ฤดูใบไม้ผลิ – ทุ่งดอกทิวลิป(Tulip) ประมาณกลางเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ฤดูร้อน – ทุ่งดอกลาเวนเดอร์(Lavender) ประมาณปลายเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนกรกฏาคม –…

เทือกเขาคูจู (Kuju Moutain หรือ Kujusan, 九重山)อยู่บริเวณตอนกลางทางทิศตะวันออกของเกาะคิวชู(Kyushu) ในเขตจังหวัดโออิตะ(Oita) เป็นเทือกเขาที่มียอดเขานาคาดาเกะ(Nakadake)ที่สูงที่สุดของเกาะคิวชู  มีความสูง 1,791 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล  เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ อะโซะ-คูจู(Aso-Kuju National Park) มีเส้นทางการเดินป่า ปีนเขาครอบคลุมหลายเส้นทาง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่เนินเขาที่เกิดจากภูเขาไฟ ที่มีลักษณะเป็นต้นหญ้า ดอกไม้ป่า หรือลานหินแบบโล่งกว้าง และรูที่มีไอร้อนพุ่งออกมา รวมทั้งที่ด้านบนยอดเขาจะมีทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟด้วย โดยช่วงเวลาที่นิยมมากที่สุดจะเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมจนถึงต้นเดือนพฤศจิการยนที่จะเห็นใบไม้เปลี่ยนสีมากมายตามเทือกเขานี้ จนทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น แต่ถ้ามาในช่วงฤดูร้อนช่วงเดือนพฤษภาคมจะพบกับดอกไม้ป่าหลากหลายชนิดโดยเฉพาะ ดอก Azalea เส้นทางการปีนภูเขาคูจู(Kuju  Trekking) ผู้คนจะนิยมเริ่มจากจุดพักรถของ Makinoto Pass(33.095550, 131.207844 Google Map) ซึ่งจะใกล้กับยอดเขาที่สุด แต่ที่จอดรถจะน้อยทำให้ในช่วงเวลาที่คนเยอะจะต้องไปจอดรถแล้วเริ่มกันที่บริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยวโชจาบารุ(Chojabaru Visitor Center) แทน ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการปีนมากขึ้นประมาณ 1-2 ชั่วโมง ถ้าเริ่มจากจุดพักรถของ Makinoto Pass เส้นทางจะอยู่ทางด้านซ้ายของร้านขายของที่ระลึก โดยจะมีป้ายบอกทางตลอดแต่จะเป็นภาษาญี่ปุ่น ซึ่งจะมีทางแยกไปยอดเขาได้หลายลูกในเส้นทางนี้ จึงแนะนำให้ถ่ายรูปตัวอักษรที่เป็นทางไปยอดเขาไว้ หรือไม่ถ้าไปช่วงวันหยุดคนจะเยอะมาก เดินตามๆกันไปได้เลย  

พื้นที่ชุ่มน้ำ ทาเดวะระ (Tadewara Wetland, タデ原湿原)เป็นหนึ่งในพื้นที่ชุ่มน้ำเพียงไม่กี่แห่งของประเทศญี่ปุ่น มีต้นไม้ และดอกไม้หายากหลายชนิด รวมทถึงสัตว์ต่างๆ เช่นนก หรือตัวแรคคูนด้วย เป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นเส้นทางในการปีนภูเขาคูจู(Kuju) ซึ่งมียอดเขาที่สูงที่สุดของเกาะคิวชู รวมทั้งเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามที่สุดจุดหนึ่งของญี่ปุ่นด้วย โดยนักท่องเที่ยวจะนิยมมากันในช่วงฤดูร้อนที่จะเห็นดอกไม้ป่าหลายชนิดบาน และช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่จะเห็นใบไม้แดงและต้นหญ้าสีเหลือง ด้านหน้าของพื้นที่ชุ่มน้ำ ทาเดวะระ(Tadewara Wetland)จะมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวโชจาบารุ(Chojabaru Visitor Center)ที่เป็นอาคาร 2 ชั้นที่จะให้ข้อมูลต่างๆของพื้นที่ชุ่มน้ำนี้ รวมทั้งเทือกเขาคูจู(Kuju)ด้วย โดยทางเข้าพื้นที่ชุ่มน้ำนี้จะอยู่ที่ทางออกชั้น 1 ของอาคารนี้ หรือสามารถเดินเข้าได้โดยอ้อมอาคารไปก็ได้ โดยมีหลายเส้นทางให้เลือกเดินที่จะใช้เวลาในการเดินประมาณ 20-60 นาที ทางเดินจะทำจากไม้สนยกสูงจากพื้นเพื่อให้สูงพ้นเลยจากต้นหญ้าและสามารถเข้าไปได้ทั่วโดยที่ไม่เปียกเท้า   FREE DOWNLOAD: แผนที่บริเวณของ พื้นที่ชุ่มน้ำ ทาเดวะระ Tadewara Wetland เป็นภาษาญี่ปุ่น PDF