โคจิ

ชิโกกุ (Shikoku) คือหนึ่งในสี่เกาะหลักของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะฮอนชู แม้จะมีขนาดเล็กที่สุดในบรรดาเกาะหลัก แต่ชิโกกุกลับเต็มไปด้วยเสน่ห์และธรรมชาติที่ยังคงความบริสุทธิ์ไว้ได้อย่างดี ที่นี่ประกอบด้วย 4 จังหวัด ได้แก่ โทคุชิมะ (Tokushima), คางาวะ (Kagawa), เอฮิเมะ (Ehime) และโคจิ (Kochi) ซึ่งแต่ละจังหวัดล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งวัฒนธรรม ประเพณี อาหารท้องถิ่น และสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นวัดเก่าแก่ในเส้นทางแสวงบุญ 88 วัด, ออนเซ็นที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น, หุบเขาอิยะอันเงียบสงบ ไปจนถึงชายฝั่งทะเลสวยๆ ที่เหมาะแก่การพักผ่อน สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสญี่ปุ่นในแบบเรียบง่ายและเงียบสงบ ชิโกกุถือเป็นจุดหมายที่ตอบโจทย์อย่างแท้จริง ด้วยการเดินทางที่สะดวกขึ้นในปัจจุบัน ทั้งทางรถไฟ เรือ และทางอากาศ ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงภูมิภาคนี้ได้ง่ายขึ้น แม้จะยังไม่เป็นที่นิยมเท่าเมืองใหญ่ในญี่ปุ่น แต่ชิโกกุกลับมีความน่าค้นหาในแบบที่แตกต่าง ด้วยผู้คนที่เป็นมิตร วิถีชีวิตที่เรียบง่าย และธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายจากเมืองใหญ่ แล้วมาค้นหาความสงบงามของญี่ปุ่นในอีกแง่มุมหนึ่ง แนะนำภูมิภาค ชิโกกุ สภาพอากาศ  โดยทั่วไปสภาพอากาศที่แตกต่างกันไปตามฤดูกาล โดยโดยรวมจะอยู่ในเขตอากาศแบบอบอุ่นชื้น ทำให้เที่ยวได้ตลอดทั้งปี  ฤดูใบไม้ผลิ (มี.ค. – พ.ค.) มีอากาศเย็นสบาย…

ปลาโอย่าง(Katsuo no Tataki) เป็นอาหารจานเด็ดของจังหวัดโคจิ โดยการนำปลาโอมาย่างให้สุกเพียงรอบนอกให้กึ่งสุกกึ่งดิบ เสริฟแบบสไลด์คู่กับต้นหอม ขิง กระเทียม และปรุงรสด้วยเกลือหรือซอสถั่วเหลือง น้ำส้มสายชู มะนาว ตามแบบดั้งเดิม เมนูนี้จะนิยมมากในร้านอิซาคายะ(izakaya-ร้านนั่งดื่มเล็กๆ) และร้านอาหารทั่วไปในเมืองโดยเฉพาะย่านใจกลางเมืองรอบ Harimayabashi ปลาชนิดนี้ยังนิยมนำมาทำเป็นผงปลาโอแห้ง(katsuobushi) ที่ใช้โรยหน้า ปรุงรส หรือทำเป็นน้ำซุปอีกด้วย ผงปลาโอแห้งของจังหวัดโคจิได้รับการยกย่องด้านคุณภาพและรสชาติที่ดี ซึ่งผลิตภัณฑ์ต่างๆจากปลาโอมีจำหน่ายในร้านจำหน่ายของที่ระลึกทั่วไปในเมืองโคจิ  

ปราสาทโคจิ(Kochi Castle) เป็น 1 ใน 12 ปราสาทหลังเดิมของประเทศญี่ปุ่น ที่รอดจากสงครามและภัยพิบัติอื่นๆ สร้างขึ้นระหว่างปี 1601-1611 แต่อาคารหลักสร้างขึ้นในปี 1748 (ได้รับการสร้างขึ้นใหม่หลังจากไฟไหม้) ปราสาทแห่งนี้เป็นที่อาศัยของขุนนาง Yamauchi หรือ Tosa ผู้ปกครองพื้นที่รอบๆภูมิภาคนี้ในสมัยเอโดะ คุณลักษณะพิเศษของปราสาทแห่งนี้คือหอคอยหลัก(donjon) ซึ่งไม่ได้มีไว้เพียงเพื่อทางการทหาร แต่ยังเป็นบ้านพักอาศัยอีกด้วย ซึ่งปราสาทแห่งอื่นส่วนใหญ่ขุนนางจะอาศัยอยู่อาคารพระราชวังที่แยกออกมาจากตัวปราสาท โครงสร้างภายในตกแต่งด้วยไม้ที่รักษาความเป็นเอโดะเอาไว้ และสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองจากชั้นบนของหอคอยปราสาทได้อีกด้วย

ภูเขาโกไดซัง(Mount Godaisan) เป็นภูเขาเล็กๆทางทิศตะวันออกของเมืองโคจิ ชื่อของภูเขาแห่งนี้ตั้งตามชื่อของพระสงฆ์ที่เดินทางมาจากประเทศจีน และยังก่อตั้งวัดจิคุรินจิ(Chikurinji Temple) วัดลำดับที่ 31 (ในจำนวน 88 วัด) ของเส้นทางแสวงบุญชิโกกุ บริเวณวัดประกอบด้วยห้องโถงเรียงลำดับกัน และเจดีย์ห้าชั้นอันงดงาม ในหอสมบัติเป็นสถานที่เก็บพระพุทธรูปหลายองค์ที่มีความสำคัญต่อวัด โดยมีค่าใช้จ่ายเล็กน้อยสำหรับการเข้าชม วัดจิคุรินจิ(Chikurinji Temple) ค่าใช้จ่าย: บริเวณวัดเข้าชมฟรี, 400 เยน สำหรับเข้าชมสวนและหอสมบัติ เวลาเปิด-ปิด: 8:30-17:00 วันปิดทำการ: เปิดทุกวัน ถัดไปไม่ไกลจากวัดจิคุรินจิ เป็นที่ตั้งของสวนพฤกษศาสตร์ ที่มีพื้นที่กว้างขวาง เป็นศูนย์รวมสวนสาธารณะกลางแจ้ง เรือนกระจก และหอพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่ 2-3 แห่ง ซึ่งเป็นข้อมูลและผลการศึกษาค้นคว้าของ Dr.Makino สวนพฤกศาสตร์มิกิโนะ(Mikino Botanical Garden) ค่าใช้จ่าย: 720 เยน เวลาเปิด-ปิด: 9:00-17:00 วันปิดทำการ: วันที่ 27 ธันวาคม – 1 มกราคม

ย่านฮาริมายาบาชิ(Harimayabashi) เป็นดาวทาวน์เมืองโคจิ จุดสำคัญของย่านนี่คือสะพานเล็กสีแดงที่ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของถนนสายหลัก บริเวณนี้มีศูนย์กลางการค้าตั้งอยู่ใจกลางเมือง ร่วมกับถนนคนเดินสำหรับช้อปปิ้ง เช่น ร้านขายหวี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องราวความรัก และ “naruko” เครื่องส่งเสียงที่นิยมใช้ไล่นกออกจากไร่นาไม่ให้นกมาทำความเสียหายแก่พืชของชาวนาในอดีต แต่ปัจจุบันใช้ในงานเทศกาลเต้นรำของเมืองโคจิ ตำนานกล่าวถึงความรักของพระสงฆ์จากโงไดซังกับหญิงสาวแห่งเมืองโคจิ ที่ไม่สามารถมีความสัมพันธ์เชิงคู่รักได้ จึงแอบพบกันแบบลับๆและแลกเปลี่ยนของขวัญซึ่งกันและกัน วันหนึ่งพระสงฆ์มาเดินซื้อหวีที่ย่านฮาริมายาบาชิ จึงทำให้ความลับถูกเปิดเผยในที่สุด พวกเขาจึงหลบหนีออกจากเมืองเพื่อหลีกเลี่ยงการลงโทษ

ชายหาดคาสึระฮามะ(Katsurahama Beach) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของใจกลางเมืองโคจิ ห่างออกไปประมาณ 30 นาที(เดินทางด้วยรถบัส) แต่ชายหาดแห่งนี้ไม่อนุญาตให้ว่ายน้ำ เนื่องจากมีกระแสน้ำที่รุนแรง รูปปั้นของชายผู้มีชื่อเสียงแห่งเมืองโคจิ Sakamoto Ryoma ตั้งอยู่ใกล้ชายหาด เขาเป็นหนึ่งในสถาปนิกสมัยใหม่ที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น และมีบทบาทสำคัญในการเจรจาเป็นพันธมิตรระหว่างตระกูลChoshu และตระกูลSatsuma และยังมีพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือชายหาดอีกด้วย พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์ซาคาโมโตะเรียวมะ(Sakamoto Ryoma Memorial Museum) ค่าใช้จ่าย: 500 เยน(รวมค่าเข้าชมนิทรรศการพิเศษ) เวลาเปิด-ปิด: 9:00-17:00 วันปิดทำการ: เปิดทุกวัน คาสึราฮามะยังเป็นที่รู้จักของพิพิธภัณฑ์สุนัขโทซะ ซึ่งเป็นที่ขนาดใหญ่สำหรับเพาะพันธุ์สุนัขที่ใช้ในการต่อสู้ ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีขนส่ง ภายในพิพิธภัณฑ์นำเสนอเวทีการต่อสู้และจัดอันดับคล้ายการแข่งขันซูโม่ นักท่องเที่ยวสามารถรับชมการแข่งขันได้อีกด้วย พิพิธภัณฑ์สุนัขโทซะ(Tosa Dog Museum) ค่าใช้จ่าย: 500 เยน(สำหรับเข้าชมพิพิธภัฑณ์), 1,500 เยน(สำหรับชมการต่อสู้) เวลาเปิด-ปิด: 9:00-1ุ6:30 วันปิดทำการ: เปิดทุกวัน ส่วนพื้นที่อื่นๆที่ใกล้เคียงได้แก่ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดเล็ก และศาลเจ้าที่มีเส้นทางเชื่อมต่อกับพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์ซาคาโมโตะเรียวมะ รวมถึงร้านอาหารที่จำหน่ายอาหารขึ้นชื่อของเมืองโคจิ คือ ปลาโอย่าง(Katsuo no Tataki)

ตั๋วรถไฟเจอาร์ชิโกกุฟรีคิปปุ(JR Shikoku Free Kippu) ออกโดยรถไฟ JR Shikoku สามารถโดยสารรถไฟของบริษัท JR รวมถึงรถไฟ limited express ในชิโกกุได้ติดต่อกัน 3 วันโดยไม่จำกัดครั้ง สถานที่จำหน่าย: สถานีรถไฟ JR หลัก และเอเจนซี่ท่องเที่ยวในชิโกกุ(Shikoku) และฮอกไกโด(Hokkaido) ราคา  3 Day ผู้ใหญ่ ￥16,140 เด็ก(6-11 ปี) ￥8,070   การใช้งาน โดยสารรถไฟ JR ในชิโกกุ (รวมรถไฟ limited express) ได้โดยไม่จำกัดครั้ง นอกจากนี้ยังสามารถนั่งรถไฟเส้นทางระหว่างคุโบคาวะ(Kubokawa)กับวาไค(Wakai) ซึ่งเป็นของ Tosa Kuroshio Railroad ตั๋วชนิดนี้ต้องใช้ติดต่อกัน 3 วัน ข้อแนะนำ ตารางเปรียบเทียบราคาตั๋วรถไฟปกติ ซึ่งคุณควรวางแผนการท่องเที่ยวให้คุ้มค่ากับราคาตั๋วรถไฟเจอาร์ชิโคคุฟรีคิปปุ (16,140 เยน)ก่อนตัดสินใจซื้อ Tokushima        …

อัพเดตข้อมูลใหม่ของปี 2023 เจาะลึกเหมือนเดิม ตั๋วรถไฟทั้งภูมิภาคชิโกกุ(JR All Shikoku Rail Pass) เป็นตั๋วเดินทางแบบเหมาจ่ายตามระยะเวลาสำหรับบริษัท JR ที่เกาะ ชิโกกุ เช่น รถไฟ รถบัส และเรือเฟอรี่ จำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเท่านั้น สามารถใช้โดยสารรถไฟ JR, Kotoden, Iyotetsu, Tosaden, Tosa Kuroshio และ Asa Kaigan ได้โดยไม่จำกัดครั้ง ตามระยะเวลา 3 วัน, 4 วัน, 5 วัน และ 7 วันติดต่อกัน เรียกว่าใบเดียวเที่ยวได้ทั่วเกาะเลย   * JR Pass รูปแบบใหม่หลังโควิด จะไม่ได้เป็นเล่มๆ ที่เวลาเข้าออกประตูกั้นรถไฟต้องเดินออกทางประตูด้านข้างแล้ว แต่จะมีลักษณะเหมือนกับตั๋วรถไฟทั่วไปที่เสียบที่ช่องทางเดินเข้าออกอัตโนมัติได้เลย แต่อย่าลืมหยิบคืนจากเครื่องมาด้วยนะ      3 วัน ผู้ใหญ่ ￥12,000 เด็ก(6-11…