มิยากิ

นอกจากการเที่ยวชมธรรมชาติ เช็กอินร้านอาหารแสนอร่อย หรือแหล่งช้อปปิ้งสุดคึกคัก อีกหนึ่งกิจกรรมที่พลาดไม่ได้เมื่อมาญี่ปุ่นก็คือ การไปไหว้พระขอพรที่วัดและศาลเจ้าต่างๆ ซึ่งมีอยู่แทบทุกเมือง ทุกภูมิภาค แถมแต่ละที่ยังขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ธรรมดา หลายคนไปมูมาแล้วบอกเลยว่าปังมาก ! ใครที่รู้สึกว่าช่วงนี้ดวงไม่ค่อยดี หรืออยากเสริมดวงเรื่องความรัก การงาน การเงิน โชคลาภ วันนี้เรารวบรวม 10 ศาลเจ้า – วัด ญี่ปุ่น ชื่อดังมาให้แล้ว เตรียมตัวไปขอพรกันเลย ! ศาลเจ้า วัด ญี่ปุ่น แนะนำสำหรับสายมู วัดคิโยมิซุ (Kiyomizu-dera Temple) วัด คิโยมิซุ ตั้งอยู่บนเขาโอโตวะ ทางตะวันออกของเมืองเกียวโต ญี่ปุ่น คนไทยนิยมเรียกว่า “วัดน้ำใส” เพราะคำว่า คิโยมิซุ หมายถึง น้ำที่บริสุทธิ์สะอาด นอกจากนี้ภายในวัดยังมี น้ำตกโอโตวะ ที่ไหลลงมาเป็น 3 สาย สายที่ 1 ให้พรเรื่องการเรียน สายที่ 2 ให้พรเรื่องความรัก ส่วนสายที่ 3…

คน ญี่ปุ่น ชื่นชอบ แมว มาก และมีความผูกพันกับแมวมานานหลายศตวรรษ หากไปดูผลงานศิลปะ ภาพวาด หรือวรรณกรรมโบราณก็จะพบว่ามีแมวปรากฏอยู่เสมอ แถมยังเชื่อกันว่าแมวเป็นสัตว์นำโชคอีกด้วย แต่นอกจากความรักแมวที่ฝังรากลึกในวัฒนธรรมแล้ว ญี่ปุ่นยังเต็มไปด้วยสถานที่น่ารักๆ ที่เต็มไปด้วยแมวเหมียวให้เหล่าทาสได้ฟินกันแบบจุใจ  ใครที่กำลังวางแผนเที่ยวญี่ปุ่น แล้วอยากเติมแมวให้ชื่นใจ วันนี้เรารวมพิกัดน่าไปมาให้แล้ว จะมีที่ไหนบ้าง ไปดูกัน เกาะทาชิโระจิมะ (Tashirojima)  เกาะทาชิโระจิมะ เป็นเกาะขนาดเล็กที่ตั้งอยู่นอกชายฝั่งของเมืองอิชิโนมากิ จังหวัดมิยางิ ที่นี่ไม่ได้มีแค่วิวทะเลสวยๆ และอากาศบริสุทธิ์เท่านั้น แต่ยังมีประชากรแมวหลายร้อยตัวที่ใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ร่วมกับชาวบ้านบนเกาะ เดิมทีถูกนำมาเลี้ยงไว้ให้ช่วยจับหนูในฟาร์มหนอนไหม ต่อมาจำนวนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนปัจจุบันมีมากกว่าประชากรบนเกาะถึง 4 เท่า ! นอกจากนี้บริเวณใจกลางเกาะยังมี “ศาลเจ้าแมว” หรือเนะโกะคามิซามะ (Nekokamisama) ที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับแมวตัวหนึ่งที่ประสบอุบัติเหตุถูกหินร่วงทับจนเสียชีวิตด้วย เกาะนี้เหมาะสามารถเดินทางแบบไปเช้าเย็นกลับได้สะดวก โดยนั่งเรือเฟอร์รี่จากเมืองอิชิโนมากิ ประมาณ 1 ชั่วโมง เรือจะจอดที่สองหมู่บ้านหลัก คือ ท่าเรือโอดามาริทางเหนือ และท่าเรือนิตะทางใต้ หากใครอยากจะค้างคืนก็ทำได้เหมือนกัน เพราะมีที่พักสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมให้บริการด้วย แต่จำนวนไม่เยอะ แนะนำให้จองล่วงหน้าไว้เลย จะได้ไม่พลาด เกาะเอโนะชิมะ (Enoshima)  อีกหนึ่งเกาะที่อยากแนะนำสำหรับทาสแมวที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นคือ เกาะเอโนะชิมะ…

ทานาบาตะ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “เทศกาลแห่งดวงดาว” (Star Festival) เป็นหนึ่งในเทศกาลญี่ปุ่นที่เปี่ยมด้วยกลิ่นอายโรแมนติก ความฝัน และความหวัง เทศกาลนี้เป็นการผสมผสานระหว่างตำนานรักของโอริฮิเมะกับฮิโกโบชิ และความเชื่อพื้นบ้านที่สืบทอดมายาวนาน ทำให้กลายเป็นหนึ่งในเทศกาลที่มีเอกลักษณ์และเป็นที่รักของชาวญี่ปุ่นมาโดยตลอด โดยทั่วไป ทานาบาตะมักจัดขึ้นในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคม ขึ้นอยู่กับภูมิภาคของญี่ปุ่น บางพื้นที่ยึดตามปฏิทินจันทรคติ เช่น วันที่ 7 เดือน 7 ขณะที่บางเมืองเลือกจัดในเดือนสิงหาคมเพื่อให้ตรงกับช่วงที่มีอากาศดี เหมาะแก่การชมดาวและการจัดกิจกรรมกลางแจ้ง โดยบรรยากาศของงานมักจะอบอวลไปด้วยความสงบ ความเชื่อ และความงดงามทางสายตาจากการประดับตกแต่งหลากสีสันที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณของเทศกาล ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับ ทานาบาตะ เทศกาลทานาบาตะมีต้นกำเนิดจากประเทศจีน โดยมีชื่อเดิมว่า “ฉีซีเจี๋ย” ซึ่งมีความหมายว่า เทศกาลแห่งความรักของคู่รักบนสวรรค์ โดยเป็นตำนานที่เล่าถึงการพบกันปีละครั้งของหญิงทอผ้าโอริฮิเมะและชายเลี้ยงวัวฮิโกโบชิบนทางช้างเผือก เมื่อเทศกาลนี้เข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นในช่วงศตวรรษที่ 8 ได้ถูกนำมาผสมผสานกับแนวคิดแบบชินโต ความเชื่อพื้นบ้านของญี่ปุ่น และอิทธิพลจากศาสนาพุทธ จนกลายมาเป็นเทศกาลที่ไม่เพียงแต่มีความศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยความโรแมนติก จินตนาการ และความหวังที่สะท้อนผ่านสัญลักษณ์ต่าง ๆ ภายในงาน ความพิเศษของทานาบาตะยังอยู่ที่ช่วงเวลาที่จัดขึ้น คือในฤดูร้อน ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้คนในญี่ปุ่นมักออกมาทำกิจกรรมกลางแจ้ง ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว และเฉลิมฉลองกับชุมชน เทศกาลนี้จึงเปรียบเสมือนช่วงเวลาแห่งการพักใจ ทบทวนความฝัน และสร้างความทรงจำร่วมกันกับคนรอบข้าง ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ แสงไฟ และสายลมอ่อนที่พัดผ่านใบไผ่ที่แขวนคำอธิษฐานไว้…

ภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น ที่ปัจจุบันเชื่อมต่อกับฮอกไกโดด้วยชินคันเซนสายใหม่ มีทัศนียภาพและภูมิประเทศที่สวยงามชวนหลงไหล สภาพภูมิประเทศที่ไม่เหมือนใครของเขตโทโฮะคุเกิดจากภูมิประเทศที่ซับซ้อนของพื้นที่ การรักท้องถิ่นของคนในท้องที่สามารถเห็นได้จากบรรยากาศอันอบอุ่นและความนิยมใน “เทศกาล”ต่างๆ โทโฮคุยังเป็นแหล่งปลูกข้าวที่สำคัญแห่งหนึ่ง ในช่วงฤดูร้อนทุ่งนาที่เรียงกันสวยงามก่อให้เกิดทัศนียภาพที่สวยงามอย่างยิ่ง ประกอบไปด้วย 6 จังหวัดโดยมี เซนได(Sendai)เป็นเมืองใหญ่ที่สุดของภูมิภาค โทโฮคุนั้นมีที่เที่ยวสวยๆ และน่าสนใจหลากหลายที่ แต่ที่เด็ดๆนั้นได้คัดมาให้แล้วกับ 15 ที่เที่ยวเด็ดต้องไป ใน โทโฮคุ 2023       หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกซาโอะ(Zao Fox Village) ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองชิโรอิชิในภูเขาของจังหวัดมิยากิ เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ปี 1990 ภายในหมู่บ้านมีสัตว์นานาชนิดกว่า 100 ตัว รวมถึงสุนัขจิ้งจอก 6 สายพันธุ์ที่วิ่งไปมาได้อย่างอิสระในพื้นที่กว้าง ในหมู่บ้านจะมีอยู่ 2 โซนด้วยกัน คือโซนที่สัตว์อยู่ในกรงและอีกโซนคือเป็นพื้นที่โล่งแบบเปิด ผู้เข้าชมสามารถเข้าถึงตัวสัตว์ต่างๆได้อย่างใกล้ชิด และสามารถป้อนอาหารได้อีกด้วย แต่ก็ควรระมัดระวังในการให้อาหารด้วยเช่นกัน       ปราสาทฮิโรซากิ(Hirosaki Castle) ถูกสร้างขึ้นในปี 1611 โดยตระกูลซูการุ โครงสร้างปราสาทมีทั้งหมด 3 ชั้น…

งานประดับไฟ Sendai Pageant of Starlight 2019 จัดขึ้นที่ถนน Jozenji-dori ยิ่งใหญ่อลังการเพราะมีไฟกว่า 600,000 ดวงประดับอยู่บนต้น keyaki แสงไฟทั้งหมดจะเป็นสีเหลืองจึงทำให้ทั่วทั้งบริเวณสว่างไสว สามารถมาเดินเที่ยวดูไฟประดับได้ตั้งแต่วันที่ 6 – 31 ธ.ค. 2019 นี้   ระยะเวลา: 6 – 31 ธ.ค. 2019 เวลาเปิด-ปิด: 17:30 – 22:00 น. (วันศุกร์และวันเสาร์เปิดไฟถึง 23.00 น., วันที่ 31 ธ.ค. เปิดไฟถึง 24.00 น.) ค่าเข้าชม: ฟรี วิธีการเดินทาง: เดินจากสถานี JR Sendai Station ประมาณ 20 นาที  

ถนนคลิสโรด(Clis Road) ตั้งอยู่ใจเมืองเซ็นไดใกล้กับสถานีรถไฟเซ็นได(Sendai Station)และสถานีรถไฟใต้ดินโอบะ โดริ ไอชิบันโช(Aoba-dori Ichibancho Station) ถือเป็นถนนสายช็อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดของเมือง มีพื้นที่กว้างขวางยาวไปหลายช่วงตึก โดยสินค้ามีให้เลือกหลากหลายตั้งแต่อาหารท้องถิ่นหรือฟาสต์ฟู้ด ร้านคาเฟ่เก๋ๆ ศูนย์เกมส์ ไปจนถึงแบรนด์เนมระดับไฮเอนเลยทีเดียว เรียกได้ว่าไม่ว่าจะมองหา สินค้าอะไรแบรนด์ไหนถนนสายนี้มีครบ ยิ่งช่วงเทศกาลทานาบาตะถือว่าเป็นช่วงที่คึกคักสุดๆ เพราะนอกจากจะมีการตกแต่งที่สวยงามเรียงรายไปตลอดสองฝั่งทางแล้วนั้น ร้านค้าแต่ละร้านในถนนย่านนี้ยัง พร้อมใจกันกระหน่ำลดราคาแข่งขันกัน เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่นักช็อปปิ้งตัวจริงไม่ควรพลาดเลยทีเดียว ถนนแห่งนี้เริ่มตั้งแต่อาคาร AER และ Parco ยาวไปจนถึง โคคุบุนโช (Kokubuncho) ซึ่งย่านนี้เต็มไปด้วย ห้างสรรพสินค้าชั้นนำหลากหลายแห่งไม่ว่าจะเป็น ฟูจิซากิ (Fujisaki) และ มิสึโคชิ (Mitsukoshi) อีกทั้งยังมี ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดสำหรับคนที่ต้องการกินอาหารอย่างอื่นนอกเหนือจากอาหารญี่ปุ่นหรือต้องการความ รวดเร็วในชั่วโมงเร่งด่วน “อาทิ Subway McDonald’s และSukiya” หากเดินเหนื่อยๆต้องการเครื่องดื่มมาดับ กระหายก็มีมากมาย “อาทิ Starbuck’s San Marc และDotour”  หากต้องการเสื้อผ้าก็ยังมีแบรนด์ให้เลือกอีก หลากหลายสไตล์ “อาทิ Youfuku  Aoyama Eddie…

สวนสัตว์เซ็นไดยากิยามะ(Yagiyama Zoological Park) เป็นสวนสัตว์ประจำเมืองเซนไดที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากใจกลางเมืองมากนัก สามารถเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะได้อย่างสะดวกสบาย เนื่องจากสามารถเดินจากสถานีรถไฟใต้ดินยากิยามะซูโลจิคอลพาร์ค (Yagiyama Zoological Park Station)ได้ในเวลาพียง 5 นาที จึงถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับคนที่มาเป็นครอบครัว ที่จะให้เด็กๆได้ใกล้ชิดกับเหล่าสัตว์นานาชนิดกว่า 144 ชนิด ไม่ว่าจะเป็นแพนด้าแดง ช้างแอฟริกา นกเพนกวิน ยีราฟ หมีขั้วโลกเหนือ และเสือโคร่ง พร้อมกิจกรรมสนุกๆให้ได้เพลินเพลินไปตลอดทั้งวัน สวนสัตว์แห่งนี้เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่ปีค.ศ. 1965 นับเป็นสถานท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองเซ็นได ภายในมีการจัดแบ่งพื้นที่กันอย่างชัดเจน พร้อมทั้งมีเครื่องหมายและคำอธิบายต่างๆเป็นภาษาอังกฤษ อีกทั้งยังมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่จะมีเจ้าหน้าทีคอยให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆ พื้นที่ต่างๆมีการจัดการอย่างดีทำให้เดินได้ง่าย มีป้ายแผนที่โครงสร้างของสวนสัตว์และป้ายบอกทางให้เห็นอย่างชัดเจน บางจุดยังสามารถเข้าชมอย่างใกล้ชิดแถมสามารถให้อาหารสัตว์ได้อย่าง ลิง กระต่าย แพะ และแกะ ทั้งนี้อาจสามารถจับลูกคลำสัตว์เล็กๆบางชนิดอย่างกระต่ายสายพันธุ์ต่างๆภายในการดูของเจ้าหน้าที่ได้ บางแห่งที่เป็นสัตว์จากต่างประเทศอย่างหมีขั้วโลกเหนือก็จะมีกระจกใสบานใหญ่ให้ผู้ชมได้เห็นอิริยาบถน่ารักๆต่างๆอย่างจุใจ ส่วนนกแพนกวิ้นก็มีบ่อส่วนตัวโล่งๆให้เราสามารถนั่งชมท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ อีกจุดไฮท์หนึ่งที่ไม่ควรพลาดคือส่วนของลิง เนื่องจากมีการจัดพื้นที่ขนาดใหญ่ให้เจ้าจ๋อเหล่านี้ได้เล่นสนุกอย่างเต็มที่ ทั้งยังสามารถซื้ออาหารลิงได้จากตู้จำหน่ายอาหารเพื่อให้อาหารพวกมันได้ นอกจากนี้หากเดินกันจนเหนื่อยยังมีร้านอาหารเล็กๆที่มีอาหารท้องถิ่นจำหน่ายแถมราคาไม่แพง ให้หยุดพักเต็มพลังให้เต็มท้อง รวมทั้งยังมีร้านขายของที่ระลึกให้ได้ซื้อของติดไม้ติดมือเป็นของฝาก ที่นี่จึงถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะทั้งกับครอบครัวและทุกเพศทุกวัย เพื่อให้ได้ใช้เวลาในวันว่างกันอย่างสนุกสาน พร้อมทั้งยังสามารถเดินชมหรือนั่งพักผ่อนพื้นสถานที่ที่มีความร่มรื่นอีกด้วย

พิพิธภัณฑ์เมืองเซ็นได(Sendai City Museum, 仙台市博物館) เป็นสถานที่จัดแสดงวัตถุทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญแห่งหนึ่งในตัวเมืองเซ็นได ภายในมีการจัดแสดงสิ่งของเครื่องใช้ อุปกรณ์การรบ อาวุธรูปแบบต่างๆของซามุไรยุคโบราณมากกว่า 1,000 ชิ้น  ส่วนใหญ่เป็นมรดกสืบทอดของตระกูลดาเตะ ซึ่งถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าที่มีอายุกว่า 400 ปี นับเป็นการรวบรวมทรัพย์สมบัติที่มีค่าประวัติศาสตร์มาจัดแสดงเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ อีกทั้งยังมีการรวบรวมชุดเกราะของเจ้าเมืองเซ็นไดหลากหลายยุคสมัย โดยเฉพาะชุดเกราะสีดำชื่อว่า “คุโระอุรุชิโกมาอิโดกุโซคุ ของดาเตะ มาซามูเนะ” ที่ได้ชื่อว่าเป็นชุดเกราะต้นแบบของดาร์ธ เวเดอร์ในภาพยนต์เรื่อง “สตาร์วอส์” รวมทั้งยังมีการจัดแสดงนิทรรศการพิเศษหมุนเวียนไปตามฤดูกาลต่างๆให้ชมหมุนเวียนกันที่มีความน่านใจไม่แพ้กัน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2504 ภายในยังมีจัดแบ่งออกเป็น 10 โซน ประกอบด้วย ภาพจิตรกรรม (Painting) ภาพอุกิโยะ (Ukiyoe) อาวุธยุทโธปกรณ์และชุดเกราะ (Weapon and arms) เครื่องแต่งกายและของประดับยุคโบราณ (Dress and its ornaments) เครื่องปั้นดินเผา (Touji) หัตถศิลป์เครื่องเขิน (Lacquer ware) ตุ๊กตา (Doll) ประวัติศาสตร์ความเป็นมาเมืองเซ็นได (History material) แผนที่และผังเมืองเซ็นได (Map…