คามิโคจิ Kamikochi แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติวิวสุดอลังการ

คามิโคจิ (Kamikochi) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น(Japan Alps) ภายในจังหวัดนากาโน่(Nagano) ถ้าคนที่รักการท่องเที่ยวแนวสายลม ป่าเขาและสองเราที่นี่บอกเลยว่าสุโค่ยมากๆเชียวค่ะ เนื่องจากได้รับการยอมรับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีทิวทัศน์ภูเขาที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ จึงเรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของนักเดินทางสายธรรมชาติและสายผจญภัยรักการท้าทายเลยล่ะค่ะ
คามิโคจิมีลักษณะเป็นที่ราบสูงยาวไปตามแม่น้ำอาซุสะ(Azusa River Valley) มีระยะทางยาว 15 กิโลเมตร มีความสูงเฉลี่ยประมาณ 1,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ล้อมรอบด้วยภูเขาสูงมากมาย เช่น ภูเขานิชิโฮทาคาดาเกะ(Nishihotakadake) สูง 2,909 เมตร, ภูเขาโอคุโฮทาคาดาเกะ(Okuhotakadake) สูง 3,190 เมตร, ภูเขามาเอะโฮทาคาดาเกะ(Maehotakadake) สูง 3,090 เมตร และภูเขาไฟยาเกะดาเกะ(Yakedake)ซึ่งยังไม่ดับ สูง 2,455 เมตร ทำให้มีทัศนียภาพที่สวยงามและเป็นสถานที่ยอดนิยมของบรรดานักปีนเขาและผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติทั้งหลาย โดยที่นี่นั้นจะเปิดให้นักท่องเที่ยวมาเยือนเฉพาะช่วงกลาง/ปลายเดือนเมษายนจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ก่อนจะปิดให้บริการในช่วงฤดูหนาว ดังนั้นถ้าจะมาทั้งทีต้องแพลนดันดีๆนะเออ ในเขตคัปปาบาชิ(Kappabashi) ภายในคามิโกจิ ช่วงที่เรียกได้ว่าเป็นไฮซีซั่นคนแน่นมากเว่อร์นี่ต้องยกให้ในช่วงวันหยุดฤดูร้อนประมาณกลางเดือนกรกฎาคมไปจนถึงเดือนสิงหาคม และวันหยุดสุดสัปดาห์ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงประมาณเดือนตุลาคม ดังนั้นถ้าไม่ชอบคนเยอะๆหลีกเลี่ยงช่วงพีคๆได้เป็นดีค่ะ
ส่วนผู้ที่ชื่นชอบในการผจญภัยปีนเขา ที่ต้องการความท้าทายมากกว่านี้ คามิโคจิ(Kamikochi)ก็มีเส้นทางและยอดเขามากมายให้ท่านได้เลือก มีตั้งแต่ไม่ยากและไม่นานนักไปจนถึงที่ต้องใช้เวลาค้างแรม ปีนป่ายไปตามยอดเขาหิน ซึ่งหลายๆเส้นทางต้องทำการลงทะเบียนก่อนเท่านั้น แล้วถ้าไม่มีเวลาอยากเที่ยวแบบวันเดียวสบายๆทำได้รึเปล่า บอกเลยว่าได้นะคะทั้งไม่ยากและก็ดีงามกว่าที่คิดแม้เวลาจะน้อยไปหน่อยก็สามารถเลือกไปในแหล่งท่องเที่ยวเด่นๆ หรือจะเดินป่าก็ยังได้นะคะ โดยเฉพาะคนที่มาเทียวที่โตเกียวหรือโอซาก้าที่มีเวลาจำกัดแต่อยากมาแวะเที่ยวที่นี่แบบเช้าไปเย็นกลับก็ทำได้อยู่ค่ะ เพราะมีรถบัสตรงจากตัวเมืองทั้งสองมาที่คามิโคจิเลยใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง หรือจะใช้ JR PASS นั่งชินคันเซนไป Nagano แล้วต่อรถไฟลงไปที่สถานี Shinshimashima ของเมือง Matsumoto แล้วต่อรถบัสอีกประมาณ 1 ชั่วโมง ก็จะใช้เวลาน้อยกว่าหน่อยนึง แต่ก็จะต้องเสียเวลาเดินทางไปค่อนข้างมาก ควรออกจากในเมืองตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อให้มีเวลาเดินเที่ยวบริเวณนี้ประมาณ 3-4 ชั่วโมง ก็จะสามารถเก็บไฮไลท์เส้นทางเดินป่าง่ายๆของที่นี่ได้เกือบครบหมดแล้ว
ถ้าไม่รู้จะเริ่มแพลนยังไงเราก็มีแนะนำให้ค่ะ โดยวิธีที่สามารถเที่ยวคามิโคจิในหนึ่งวันแบบชิลๆ ก็เริ่มจากการเดินไปตามเส้นทางเดินป่าริมแม่น้ำอาซุสะ(Azusa River) เริ่มจากสระน้ำไทโช(Taisho Pond) ไปยังสะพานเมียวจิน(Myojin Bridge) เส้นทางเป็นพื้นที่ราบ ผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ในการเดินป่าก็สามารถเดินได้ ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ช่วงที่เหมาะแก่การเดินมากที่สุดคือประมาณกลางเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนกันยายน ซึ่งจะสวยงามเป็นอย่างยิ่งในช่วงฤดูใบไม้ร่วงประมาณกลางเดือนตุลาคม ส่วนพืชอัลไพน์สามารถชมได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมไปจนถึงเดือนตุลาคม(เวลาที่ดีที่สุดคือกลางเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฎาคม) นอกจากนี้ยังมีสัตว์ป่าจำพวกลิง นก และหมีที่หาพบได้ยากอีกด้วย

Photo from https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Kamikochi_Nishiitoya_Sanso_%E4%B8%8A%E9%AB%98%E5%9C%B0%E8%A5%BF%E7%B3%BB%E5%B1%8B%E5%B1%B1%E8%8E%8A_-_panoramio.jpg

photos by 663highland from commons.wikimedia.org/wiki/File:150920_Mt_Yake-dake_Kamikochi_Japan01n.jpg(cc by 3.0)
เวลาที่เปิดทำการของคามิโคจิ:
- คามิโคจิเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 17 เมษายนถึง 15 พฤศจิกายนของทุกปี และปิดในช่วงฤดูหนาว รถยนต์ส่วนตัวไม่ได้รับอนุญาต การเข้าถึงเป็นไปได้เฉพาะทางรถบัสหรือแท็กซี่ อุโมงค์คามะที่เป็นทางเข้าสวนสาธารณะเปิดตามกำหนดในวันที่ 17 เมษายน.
เส้นทางเดินป่าคามิโคจิ:
- มีเส้นทางเดินป่าหลายเส้นทางที่เหมาะกับทุกระดับความสามารถ เส้นทางตามแม่น้ำอาซูสะจากบ่อน้ำไทโชไปยังสะพานมโยจินมีพื้นที่ราบและเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น การเดินทางขึ้นยอดเขาที่อยู่ใกล้เคียงจะท้าทายมากขึ้นและแนะนำให้ทำระหว่างกลางเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนกันยายน.
- เส้นทางที่สำคัญได้แก่:
- เส้นทางยาเกะดาเกะ: 12 กม. มีความสูงเพิ่มขึ้น 920 ม.
- เส้นทางคาสุมิซาวะ: 23 กม. มีความสูงเพิ่มขึ้น 1600 ม. เป็นเส้นทางที่เงียบสงบ
- เส้นทางคาราซาวะ: 31 กม. มีความสูงเพิ่มขึ้น 1150 ม. เป็นที่นิยมในฤดูใบไม้ร่วง
- เส้นทางโฮตะกะ: 26 กม. มีความสูงเพิ่มขึ้น 1850 ม. ไปยังภูเขาสูงของญี่ปุ่นหลายลูก.
รายละเอียดเกี่ยวกับจุดท่องเที่ยวต่างๆในคามิโคจิ
1. สระน้ำไทโช(Taisho Pond)
สระแห่งนี้นับเป็นสระที่ให้ความรู้สึกแปลกแหวกแนว ไม่ได้มีแค่น้ำธรรมดาๆทั่วๆไปนะคะหากภายในสระเต็มไปด้วยไม้ที่ผุพังแล้วเกิดเป็นทัศนียภาพที่แปลกตา ถ่ายรูปมาแล้วอย่างสวยเลยค่ะ สิ่งที่ทำให้ตัวสระมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครนั่นเพราะตัวสระนั้น เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟยาเกะดาเกะ(Yakedake) ในปี ค.ศ.1915 เรียกได้ว่าเป็นสระธรรมดาที่ไม่ธรรมดาจริงๆค่ะ

photos by 663highland from commons.wikimedia.org/wiki/File:Kamikochi_Taisho-ike01bs3200.jpg(cc by 3.0)
2. สระน้ำทาชิโระ(Tashiro Pond)
ด้วยทำเลที่รายล้อมด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ แถมยังใกล้กับทางเดินป่าที่เชื่อมต่อระหว่างคัปปาบาชิ(Kappabashi)กับสระน้ำไทโช(Taisho Pond) ทำให้สระแห่งนี้กลายเป็นจุดชมธรรมชาติที่สวยมากที่สุดแห่งหนึ่งของคามิโคจิเชียวล่ะค่ะ

photos by 663highland from commons.wikimedia.org/wiki/File:Kamikochi_Taisho-ike04n3200.jpg(cc by 3.0)
3. โรงแรมคามิโกจิอิมพีเรียล(Kamikochi Imperial Hotel)
โรงแรมเก่าแก่และมีมีชื่อเสียงมากที่สุดในคามิโกจิแห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1933 เรียกได้ว่าเป็นโรงแรมที่ทั้งสถาปัตยกรรมที่เสมือนรวมเป็นหนึ่งเดียวกันกับธรรมชาติและวิวทิวทัศน์ดีงามลงตัวแบบสุดๆ การบริการนี่ก็เป็นเลิศจนใครต่อใครล้วนติดใจอยากจะมาซ้ำอีกซักครั้ง

photos by 663highland from commons.wikimedia.org/wiki/File:Imperial_Hotel_Kamikochi02n3200.jpg(cc by 3.0)อนุสา
4. รีย์เวสต์ตัน(Weston Monument)อนุสาวรีย์เพียงไม่กี่แห่งที่ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อคนญี่ปุ่นแท้ๆ หากสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่นายวอลเตอร์ เวสต์ตัน(Walter Weston 1861-1940) มิชชันนารีภาษาอังกฤษผู้แนะนำการปีนเขาแบบตะวันตกในการเดินในคามิโกจิ ที่ขึ้นชื่อเป็น “แอลป์ญี่ปุ่น” ถือได้ว่าเป็นการเปิดโลกทัศน์ใหม่ให้กับรูปแบบการปีนเขาในญี่ปุ่นที่คุ้นเคยกัน มาสู่ความเป็นสากลมากยิ่งขึ้น จนได้รับการยกย่องในหมู่คนญี่ปุ่นนั่นเองค่ะ
5. สะพานคัปปาบาชิ(Kappabashi/Kappa Bridge) คัปปาบาชิ เป็นสะพานแขวนที่อยู่เหนือแม่น้ำอาซุสะ(Azusa River) ใจกลางของคามิโกจิ ห่างออกจากสถานีรถบัสไปไม่ไกลนัก รอบๆสะพานเป็นที่ตั้งของโรงแรม ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึก เรียกได้ว่าเป็นสะพานที่เป็นจุดชมวิวที่งดงามมากๆแห่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเลยล่ะค่ะ เพราะจะได้เห็นทั้งเทือกเขาและสายน้ำในเวลาเดียวกัน ยิ่งช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีนี่สวยจริงอะไรจริงมากๆ

photos by 663highland from commons.wikimedia.org/wiki/File:150920_Kappa-bashi_Kamikochi_Japan02n.jpg(cc by 3.0)
6. ที่ลุ่มทาเกะซาวะ(Takezawa Marsh)
ที่ลุ่มน้ำที่เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวสวยๆของคามิโคจิ ที่สำคัญอยู่ไม่ไกลจากสะพานคัปปาบาชิด้วยนะคะ เพียงเดินเท้าต่อไปอีก 5-10 นาทีก็จะถึงที่ลุ่มแห่งนี้
7. สระน้ำเมียวจิน(Myojin Pond/Myojinike)
สระน้ำที่รอบๆเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าโฮทากะ(Hotaka Shrine) และคามอนจิโงยะ(Kamonjigoya) ถ้าท้องหิวนี่สบายใจได้เพราะที่นี่เค้าจะมีร้านอาหารบรรยากาศดีๆริมสระน้ำไว้คอยบริการอีกด้วย โดยสระน้ำแห่งนี้จะมีค่าเข้าชม 300 เยนนะคะ โดยสามารถเดินสะพานคัปปาบาชิไป 1 ชั่วโมงก็ถึงค่ะ
8. ศูนย์นักท่องเที่ยวคามิโกจิ(Kamikochi Visitor Center)
ศูนย์ที่จะอำนวยความสะดวกด้านข้อมูลการท่องเที่ยวของคามิโคจิ โดยพนักงานจะให้ความรู้แนะนำเกี่ยวกับภูมิศาสตร์ ธรณีวิทยา สัตว์ พื้ช และชาวเมืองพื้นบ้านของคามิโกจิ พร้อมทั้งให้ข้อมูลเกี่ยวกับการปีนเขาอีกด้วย ซึ่งเค้าจะเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 8:00-17:00 น. มีปัญหาเกี่ยวกับการท่องเที่ยวหรือการเดินทางสามารถมาสอบถามได้เลยค่ะ

photos by 663highland from commons.wikimedia.org/wiki/File:Kamikochi_Bus_Terminal01n4272.jpg(cc by 3.0)