เข้าสู่ระบบ
คูปอง
5 ปราสาท สมบัติชาติแห่ง ญี่ปุ่น
ปราสาท ญี่ปุ่น เป็นสัญลักษณ์สำคัญที่สะท้อนถึงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของประเทศนี้ โดยเฉพาะปราสาทที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติชาติ ซึ่งนอกจากจะมีความงดงามแล้ว ยังมีความสำคัญในด้านประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมที่ไม่ควรพลาดชมหากคุณมาเยือนญี่ปุ่น บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ 5 ปราสาท ญี่ปุ่น ที่ถือเป็นสมบัติชาติ พร้อมทั้งคุณสมบัติที่ทำให้ปราสาทเหล่านี้โดดเด่นและได้รับการยอมรับในระดับชาติ ก่อนจะไปชมเรามาทำความรุ้จักกับปราสาทที่ได้เป็นสมบัติแห่งชาติมีลักษณะแบบไหน เพื่อเพิ่มอถรรสในการเดินชม
ปราสาท ญี่ปุ่น ที่ได้เป็นสมบัติชาติมีลักษณะยังไง? คุณสมบัติ
ปราสาท ญี่ปุ่น ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น “สมบัติชาติ” ของญี่ปุ่นไม่ใช่แค่ความงดงามภายนอกเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ไม่สามารถมองข้ามได้ ปราสาทเหล่านี้มักจะถูกสร้างขึ้นในสมัยโบราณ โดยมักมีคุณสมบัติที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ ดังนี้
- ความสำคัญทางประวัติศาสตร์: ปราสาทหลายแห่งถูกสร้างขึ้นในช่วงเวลาที่มีสงครามหรือการต่อสู้ที่สำคัญในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น การเลือกสร้างในที่ตั้งที่มีกลยุทธ์ดี หรือแม้กระทั่งการออกแบบที่ช่วยในการป้องกันยังคงเป็นสิ่งที่โดดเด่นในสถาปัตยกรรม
- ความสวยงามและเอกลักษณ์: ปราสาทแต่ละแห่งมีสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของยุคสมัย เช่น สถานที่ตั้ง, รูปทรง, การใช้วัสดุก่อสร้าง รวมถึงการตกแต่งภายในที่แสดงถึงความหรูหรา
- การอนุรักษ์: ปราสาทที่ได้รับการยกย่องเป็นสมบัติชาติมักได้รับการอนุรักษ์และบูรณะรักษาความสมบูรณ์ เพื่อให้คนรุ่นหลังได้เห็นภาพประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นอย่างแท้จริง
แนะนำ ปราสาท ญี่ปุ่น ทั้ง 5 ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติชาติ
แนะนำ 5 ปราสาท ญี่ปุ่น ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติชาติของญี่ปุ่น ซึ่งแต่ละแห่งก็มีความโดดเด่นและมีประวัติที่น่าสนใจ หากใครชื่นชอบประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม อยากแนะนำให้ลองไปดุซักครั้งประทับใจอย่างแน่นอน
1. ปราสาทฮิโรซากิ (Hirosaki Castle) – จังหวัดอาโอโมริ
จุดเด่น ปราสาทฮิโรซากิ:
จุดเด่นของปราสาทฮิโรซากิ ยังมีการจัดแสดงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ในหอคอยหลัก (Tenshukaku) ซึ่งทำให้ผู้เยี่ยมชมได้สัมผัสถึงความรุ่งเรืองในยุคสมัยของซามูไร และความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของเมืองฮิโรซากิ นอกจากซากุระที่บานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิแล้ว ยังมีการจัดงานเทศกาลชมซากุระที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาชื่นชมความงามของดอกไม้ที่บานเต็มต้น และเสน่ห์ของทิวทัศน์ที่ผสมผสานระหว่างธรรมชาติและสถาปัตยกรรมดั้งเดิมอย่างลงตัว ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่แสนโรแมนติกและมีความเงียบสงบ เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การเดินเล่นและถ่ายรูปเก็บความทรงจำ
การเดินทางไปยัง ปราสาทฮิโรซากิ :
ปราสาทฮิโรซากิตั้งอยู่ในเมืองฮิโรซากิ จังหวัดอาโอโมริ ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะฮอนชู การเดินทางสามารถใช้รถไฟจากสถานี Aomori Station ด้วยรถไฟสาย Ou Line มุ่งหน้าสู่สถานี Hirosaki Station ใช้เวลาประมาณ 40 นาที และจากสถานีเดินต่ออีกไม่ไกลถึงปราสาท
2. ปราสาทฮิโรชิม่า (Hiroshima Castle) – จังหวัดฮิโรชิม่า
จุดเด่น ปราสาทฮิโรชิม่า:
จุดเด่นของปราสาทฮิโรชิม่า ยังรวมถึงการบูรณะอย่างพิถีพิถันที่ช่วยรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมแบบซามูไร แม้จะผ่านสงครามโลกครั้งที่ 2 ปราสาทนี้ยังคงรักษาความงามดั้งเดิมไว้ได้อย่างดีเยี่ยม ภายในปราสาทมีพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงประวัติศาสตร์ของเมืองฮิโรชิม่า รวมถึงเรื่องราวของการฟื้นฟูหลังจากเหตุการณ์อันโศกเศร้าในประวัติศาสตร์ของโลก บริเวณรอบปราสาทเต็มไปด้วยสวนสวยและแม่น้ำโอตะที่ไหลผ่าน สร้างบรรยากาศที่เงียบสงบและร่มรื่น เหมาะสำหรับการเดินเล่นและพักผ่อนในวันสบายๆ พร้อมทั้งชมวิวที่งดงามและสัมผัสความเงียบสงบที่ไม่เหมือนที่ไหน
การเดินทางไปยัง ปราสาทฮิโรชิม่า :
จาก Hiroshima Station คุณสามารถนั่งรถรางสาย Hiroden (Electric Tram) ไปยังสถานี Hiroshima Castle ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที ปราสาทตั้งอยู่ในใจกลางเมืองฮิโรชิม่า สะดวกและง่ายในการเดินทาง
3. ปราสาทคุมาโมโตะ (Kumamoto Castle) – จังหวัดคุมาโมโตะ
จุดเด่น ปราสาทคุมาโมโตะ :
จุดเด่นของปราสาทคุมาโมโตะ คือ สถาปัตยกรรมอันแข็งแกร่งและการออกแบบแนวป้องกันที่ซับซ้อน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในปราสาทที่ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งที่สุดในญี่ปุ่น ตัวปราสาทมีหอคอยหลักขนาดใหญ่ที่โดดเด่น พร้อมกำแพงหินที่มีความลาดชันพิเศษเรียกว่า “มุซะงะ โอชิ” ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันการปีนโจมตีจากศัตรู นอกจากนี้ยังมีสวนสวยรอบปราสาทที่จัดสรรพื้นที่ให้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจแก่ผู้มาเยือน ทั้งยังมีการจัดแสดงประวัติศาสตร์ของปราสาทและเมืองคุมาโมโตะภายใน ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการสัมผัสประสบการณ์ทางประวัติศาสตร์และธรรมชาติไปพร้อมๆ กัน
การเดินทางไปยัง ปราสาทคุมาโมโตะ:
จาก Kumamoto Station คุณสามารถเดินทางโดยรถบัสหรือแท็กซี่ไปยังปราสาทคุมาโมโตะได้โดยใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที หรือจะเลือกใช้รถไฟสาย Shinkansen จาก Hakata Station (ฟุกุโอกะ) ไปถึง Kumamoto Station แล้วเดินทางต่อด้วยรถบัส
4. ปราสาทมัตสุโมโตะ (Matsumoto Castle) – จังหวัดนากาโนะ
จุดเด่น ปราสาทมัตสุโมโตะ:
จุดเด่นของปราสาทมัตสุโมโตะ คือ หอคอยหลักสีดำที่ยังคงสภาพดั้งเดิมจากยุคเอโดะ ทำให้ได้ฉายาว่า “ปราสาทอีกา” (Karasu-jō) ด้วยสีดำที่โดดเด่นและงดงาม ท่ามกลางภูเขาและคูน้ำรอบตัวปราสาท ที่สร้างความรู้สึกขลังและลึกลับให้กับผู้เยี่ยมชม นอกจากนี้ปราสาทมัตสุโมโตะยังเป็นหนึ่งใน “ปราสาทดั้งเดิม” ที่ยังคงโครงสร้างไม้แท้ ๆ ได้อย่างสมบูรณ์ จนทำให้สามารถสัมผัสบรรยากาศของยุคสมัยซามูไรได้อย่างแท้จริง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ควรมาเยือนเพื่อชื่นชมความงดงามของสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์อันยาวนาน
การเดินทางไปยัง ปราสาทมัตสุโมโตะ:
การเดินทางจาก Matsumoto Station โดยใช้รถบัสหรือเดินเท้าใช้เวลาประมาณ 15 นาที จะถึงปราสาทมัตสุโมโตะในใจกลางเมือง
5. ปราสาทมัตสึเอะ (Matsue Castle) – จังหวัดชิมาเนะ
จุดเด่น ปราสาทมัตสึเอะ:
ปราสาทมัตสึเอะ เป็นหนึ่งในไม่กี่ปราสาทไม้ดั้งเดิมที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในญี่ปุ่น และได้รับสมญาว่า “ปราสาทดำ” จากตัวอาคารสีเข้มสุดขรึมที่สง่างามไม่เหมือนใคร นอกจากจะได้ชมสถาปัตยกรรมสมัยเอโดะอันทรงพลังแล้ว ที่นี่ยังมีวิวพาโนราม่า 360 องศาจากยอดหอคอยให้ได้ชมเมืองมัตสึเอะและทะเลสาบชินจิแบบเต็มตา อีกทั้งบรรยากาศรอบ ๆ ปราสาทที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นซากุระบานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ หรือใบไม้แดงในฤดูใบไม้ร่วง และในฤดูหนาว ปราสาทจะถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวบริสุทธิ์ตัดกับสีดำของปราสาท ทำให้การเดินเล่นที่นี่เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ไม่รู้เบื่อ
การเดินทางไปยัง ปราสาทมัตสึเอะ:
จากสถานี JR Matsue นั่ง รถบัส Lake Line ซึ่งเป็นรถบัสวนรอบเมืองสำหรับนักท่องเที่ยว ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ลงที่ป้าย Matsue Castle (Matsuejo Otemae) จากนั้นเดินต่ออีกเล็กน้อย
สรุป
ปราสาท ญี่ปุ่น ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติชาติเหล่านี้ไม่เพียงแค่มีความงดงามในด้านสถาปัตยกรรม แต่ยังเต็มไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่น่าสนใจ หากคุณกำลังวางแผนที่จะไปเที่ยวญี่ปุ่น อย่าลืมแวะชมปราสาทเหล่านี้เพื่อสัมผัสบรรยากาศและประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ที่สืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น เพราะปราสาทเหล่านี้ไม่ได้เป็นแค่เพียงสถานที่ท่องเที่ยว แต่ยังเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติญี่ปุ่นอย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังมีอีกหลายสถานที่น่าสนใจรอบๆ อย่าลืมแวะชมความสวยงามตลอดเส้นทางของญี่ปุ่น
