ชิโกกุ เกาะเล็กแห่งญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยเสน่ห์

ชิโกกุ (Shikoku) คือหนึ่งในสี่เกาะหลักของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะฮอนชู แม้จะมีขนาดเล็กที่สุดในบรรดาเกาะหลัก แต่ชิโกกุกลับเต็มไปด้วยเสน่ห์และธรรมชาติที่ยังคงความบริสุทธิ์ไว้ได้อย่างดี ที่นี่ประกอบด้วย 4 จังหวัด ได้แก่ โทคุชิมะ (Tokushima), คางาวะ (Kagawa), เอฮิเมะ (Ehime) และโคจิ (Kochi) ซึ่งแต่ละจังหวัดล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งวัฒนธรรม ประเพณี อาหารท้องถิ่น และสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นวัดเก่าแก่ในเส้นทางแสวงบุญ 88 วัด, ออนเซ็นที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น, หุบเขาอิยะอันเงียบสงบ ไปจนถึงชายฝั่งทะเลสวยๆ ที่เหมาะแก่การพักผ่อน สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสญี่ปุ่นในแบบเรียบง่ายและเงียบสงบ ชิโกกุถือเป็นจุดหมายที่ตอบโจทย์อย่างแท้จริง ด้วยการเดินทางที่สะดวกขึ้นในปัจจุบัน ทั้งทางรถไฟ เรือ และทางอากาศ ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงภูมิภาคนี้ได้ง่ายขึ้น แม้จะยังไม่เป็นที่นิยมเท่าเมืองใหญ่ในญี่ปุ่น แต่ชิโกกุกลับมีความน่าค้นหาในแบบที่แตกต่าง ด้วยผู้คนที่เป็นมิตร วิถีชีวิตที่เรียบง่าย และธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายจากเมืองใหญ่ แล้วมาค้นหาความสงบงามของญี่ปุ่นในอีกแง่มุมหนึ่ง
แนะนำภูมิภาค ชิโกกุ สภาพอากาศ
โดยทั่วไปสภาพอากาศที่แตกต่างกันไปตามฤดูกาล โดยโดยรวมจะอยู่ในเขตอากาศแบบอบอุ่นชื้น ทำให้เที่ยวได้ตลอดทั้งปี
ฤดูใบไม้ผลิ (มี.ค. – พ.ค.) มีอากาศเย็นสบาย ดอกซากุระบานสะพรั่ง เหมาะจะชมธรรมชาติและเดินเขา ฤดูร้อน (มิ.ย. – ส.ค.) ค่อนข้างร้อนและชื้น เหมาะกับกิจกรรมทางน้ำ โดยเฉพาะชายฝั่งในจังหวัดโคจิ ฤดูใบไม้ร่วง (ก.ย. – พ.ย.) เป็นช่วงที่อากาศเย็นลงและใบไม้เปลี่ยนสี สวยงามทั่วภูมิภาค
ฤดูหนาว (ธ.ค. – ก.พ.) แม้ไม่หนาวจัดเหมือนภูมิภาคตอนเหนือ แต่บางพื้นที่ในภูเขาอาจมีหิมะตกเบาๆ โดยรวม ชิโกกุ เป็นภูมิภาคที่อากาศไม่รุนแรงมาก
เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ชอบอากาศสุดขั้ว การเตรียมเสื้อผ้าตามฤดูกาลเป็นสิ่งสำคัญ เช่น เสื้อกันแดดในหน้าร้อน หรือเสื้อกันลมในหน้าหนาว การได้สัมผัสแต่ละฤดูกาลที่ชิโกกุจะให้ประสบการณ์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนและน่าประทับใจ
ชิโกกุอยู่ตรงไหนของญี่ปุ่น วิธีเดินทาง

ชิโกกุ ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น เป็นเกาะที่เล็กที่สุดใน 4 เกาะหลัก โดยอยู่ระหว่างเกาะฮอนชูและเกาะคิวชู นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าสู่ชิโกกุได้หลายวิธี ทั้งโดยเครื่องบิน รถไฟ หรือรถยนต์ สำหรับผู้ที่เดินทางจากโตเกียว สามารถบินตรงมายังสนามบินในเมืองใหญ่อย่างมัตสึยามะ (จังหวัดเอฮิเมะ) หรือทากามัตสึ (จังหวัดคางาวะ) ได้สะดวก จากโอซาก้า หรือฮิโรชิม่า นักท่องเที่ยวสามารถใช้รถไฟชินคันเซ็นมาถึงสถานี Okayama แล้วต่อรถไฟ JR สาย Seto-Ohashi Line ข้ามสะพานเซโตะโอฮาชิ (Seto-Ohashi Bridge) เข้าสู่ชิโกกุได้โดยตรง อีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมคือการขับรถผ่านสะพานเชื่อมทั้ง 3 เส้นที่เชื่อมเกาะชิโกกุกับฮอนชู ทำให้สะดวกสำหรับการขับรถเที่ยวรอบภูมิภาค หากใครต้องการเดินทางภายในชิโกกุเอง ก็สามารถใช้รถไฟ JR Shikoku หรือรถบัสท้องถิ่นที่ครอบคลุมพื้นที่หลักๆ ได้ดี และมีบริการรถเช่าซึ่งเหมาะมากสำหรับผู้ที่ต้องการความคล่องตัว
สถานที่เที่ยว แหล่งชอปปิ้ง และของกินในชิโกกุ
ชิโกกุมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่สะท้อนเสน่ห์ของญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมและธรรมชาติอันสวยงาม เช่น ปราสาทมัตสึยามะที่ตั้งอยู่บนเนินเขา, สะพานเถาวัลย์อิยะ (Iya Kazurabashi) ที่ท้าทายใจ, และกระแสน้ำวนที่นารุโตะ (Naruto Whirlpools) ที่น่าตื่นตา นอกจากนี้ยังมีเส้นทางแสวงบุญ 88 วัด ซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญของญี่ปุ่น สำหรับสายชอปปิ้ง เมืองทากามัตสึมีศูนย์การค้าและถนนคนเดินที่เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารท้องถิ่น ส่วนของกินใน ชิโกกุ ก็ไม่แพ้ที่อื่น เช่น “อุด้งซานุกิ” จากจังหวัดคางาวะ, “ปลาคัตสึโอะทาทากิ” ของจังหวัดโคจิ, หรือ “ไทเมชิ” ข้าวหน้าปลากะพงของจังหวัดเอฮิเมะ เรียกได้ว่า ชิโกกุสามารถตอบโจทย์นักท่องเที่ยวทั้งสายธรรมชาติ วัฒนธรรม และกินได้อย่างครบถ้วน
จุดเด่นทางวัฒนธรรมของภูมิภาคชิโกกุ
วัฒนธรรมมีความเป็นเอกลักษณ์และรักษาความดั้งเดิมไว้ได้อย่างดี โดยเฉพาะประเพณีการแสวงบุญตามเส้นทาง 88 วัด ซึ่งมีผู้ศรัทธามาเยือนเป็นจำนวนมากทุกปี พร้อมแต่งกายด้วยชุดสีขาวตามแบบนักแสวงบุญโบราณ การเดินทางไปยังวัดต่างๆ นั้นไม่เพียงเป็นกิจกรรมทางศาสนา แต่ยังเปิดโอกาสให้ได้พบปะผู้คนท้องถิ่นและเรียนรู้วิถีชีวิตในแต่ละพื้นที่อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีเทศกาลที่น่าสนใจ เช่น “Awa Odori” เทศกาลรำวงอาวะในโทคุชิมะ ที่มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาชมและเข้าร่วมอย่างสนุกสนานทุกเดือนสิงหาคม รวมไปถึงศิลปหัตถกรรมท้องถิ่น เช่น การย้อมผ้า การทำเซรามิก และการผลิตเครื่องเขิน ที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมเวิร์กช็อปและซื้อของฝากคุณภาพดีได้ การได้สัมผัสวัฒนธรรม ชิโกกุ จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ภูมิภาคนี้น่าหลงใหล
เที่ยว ชิโกกุ ด้วยตัวเอง หรือแบบทัวร์
สำหรับนักเดินทางที่วางแผนมาเที่ยว ชิโกกุ การเลือกเที่ยวด้วยตัวเองหรือไปกับทัวร์ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล หากเราชอบความอิสระและการผจญภัย การเช่ารถขับเที่ยวใน ถือเป็นตัวเลือกที่ดีมาก เพราะจะช่วยให้สามารถเข้าถึงสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติอันห่างไกลได้ง่ายขึ้น เช่น หุบเขาอิยะ หรือวัดบนเขาต่างๆ อย่างไรก็ตาม ถ้าต้องการความสะดวกในการเดินทาง และมีเวลาจำกัด การเที่ยวกับทัวร์ก็เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและคุ้มค่า โดยเฉพาะในทัวร์ที่รวมประสบการณ์ท้องถิ่น เช่น การแช่ออนเซ็น ทานอาหารพื้นเมือง หรือทำกิจกรรมเวิร์กช็อปต่างๆ สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งมาเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก การเดินทางในชิโกกุอาจดูซับซ้อนเล็กน้อย แต่ด้วยแผนการเดินทางที่ดีและแอปแผนที่ช่วยนำทาง ก็สามารถเที่ยวได้อย่างราบรื่น เที่ยวแบบไหนก็สนุกได้ในชิโกกุ ขอเพียงแค่เปิดใจ แล้วเราจะหลงรักที่นี่อย่างแน่นอน
สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในชิโกกุ
เส้นทางแสวงบุญ 88 วัดแห่งชิโกกุ (Shikoku Pilgrimage)

หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของการท่องเที่ยว ชิโกกุ คือ เส้นทางแสวงบุญ 88 วัด ซึ่งเป็นเส้นทางศักดิ์สิทธิ์ที่มีประวัติยาวนานกว่า 1,200 ปี เชื่อมโยงวัดจำนวน 88 แห่งรอบภูมิภาค โดยมีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดที่จังหวัดโทคุชิมะ การเดินทางในเส้นทางนี้ไม่เพียงแต่เพื่อแสวงบุญทางจิตวิญญาณเท่านั้น แต่ยังเป็นการเดินทางเพื่อค้นหาตัวตนภายใน ผ่านธรรมชาติอันเงียบสงบและหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่อบอุ่น นักท่องเที่ยวสามารถเลือกเดินเท้าทั้งเส้นทางซึ่งใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน หรือเลือกเยี่ยมชมเป็นบางวัดโดยใช้รถหรือระบบขนส่งสาธารณะก็ได้ ในแต่ละวัดจะมีบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป บางแห่งตั้งอยู่ในหุบเขา บางแห่งอยู่ริมทะเล ซึ่งล้วนแต่ให้ความสงบและความรู้สึกเชื่อมโยงกับธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง เส้นทางนี้ยังถือเป็นประสบการณ์ที่นักเดินทางสายวัฒนธรรมไม่ควรพลาด
สะพานโอนารุโตะ (Ōnaruto Bridge) & กระแสน้ำวน (Naruto Whirlpools)

จังหวัดโทคุชิมะของ ชิโกกุ มีจุดชมวิวทางธรรมชาติที่ไม่เหมือนใครคือ กระแสน้ำวนที่ช่องแคบโทนารุโตะ (Naruto Whirlpools) ซึ่งเกิดจากกระแสน้ำที่ไหลแรงระหว่างทะเลเซโตะในกับมหาสมุทรแปซิฟิก สร้างเป็นวงน้ำวนขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าในช่วงเวลาน้ำขึ้นน้ำลง นักท่องเที่ยวสามารถชมปรากฏการณ์นี้ได้จาก สะพานโอนารุโตะ (Onaruto Bridge) ที่มีทางเดินกระจกใส หรือเลือกลงเรือเพื่อสัมผัสความตื่นเต้นใกล้ๆ จุดชมวิวนี้ได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่บรรยากาศรอบๆ สะพานสวยงามเป็นพิเศษ นอกจากนี้บริเวณใกล้เคียงยังมีพิพิธภัณฑ์ Uzu-no-Michi ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติและวิทยาศาสตร์ของน้ำวนแห่งนี้อีกด้วย สถานที่แห่งนี้เหมาะสำหรับทั้งครอบครัวและนักถ่ายภาพที่ต้องการเก็บภาพความอลังการของธรรมชาติแบบหาดูได้ยาก
หุบเขาอิยะ อุทยานแห่งชาติอิยะวัลเล่ย์ (Iya Valley)

อิยะวัลเล่ย์ตั้งอยู่ในใจกลางภูเขาของจังหวัดโทคุชิมะ เป็นหนึ่งในหุบเขาลึกที่เงียบสงบและมีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์มากที่สุดในญี่ปุ่น เหมาะสำหรับนักเดินทางที่ต้องการหนีความวุ่นวายมาสัมผัสโลกที่สงบเงียบและเป็นธรรมชาติ จุดเด่นของอิยะวัลเล่ย์คือ สะพานเถาวัลย์ (Kazurabashi) ซึ่งสร้างขึ้นจากเถาวัลย์ที่ถักร้อยกันข้ามหุบเขา เป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวที่ตื่นเต้นและน่าประทับใจ ที่นี่เราสามารถเดินป่า ขี่จักรยาน หรือพักผ่อนในเรียวกังที่มีออนเซ็นธรรมชาติ พร้อมชมวิวภูเขาและแม่น้ำสายใสในหุบเขา การมาเที่ยวที่อิยะวัลเล่ย์จะทำให้รู้สึกราวกับย้อนเวลากลับไปสู่ยุคญี่ปุ่นโบราณ พร้อมสัมผัสวิถีชีวิตที่เรียบง่ายและกลมกลืนกับธรรมชาติอย่างแท้จริง
ปราสาทมัตสึยามะ (Matsuyama Castle) ออนเซ็นโดโกะ (Matsuyama & Dogo Onsen)

มัตสึยามะคือเมืองหลวงของจังหวัดเอฮิเมะ และเป็นหนึ่งในเมืองหลักของชิโกกุ ที่โดดเด่นด้วยวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะ โดโกะออนเซ็น (Dogo Onsen) ซึ่งเป็นหนึ่งในออนเซ็นที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น ที่นี่มีโรงอาบน้ำสาธารณะที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมไม้สุดคลาสสิก และเป็นแรงบันดาลใจให้กับแอนิเมชันชื่อดังของสตูดิโอจิบลิอย่าง Spirited Away นักท่องเที่ยวสามารถสวมชุดยูกาตะ เดินเล่นในเมืองพร้อมแวะร้านขายของท้องถิ่น เพลิดเพลินกับบรรยากาศย้อนยุคได้อย่างเต็มที่ นอกจากออนเซ็นแล้ว มัตสึยามะยังมีปราสาทมัตสึยามะ (Matsuyama Castle) ตั้งอยู่บนเขา ซึ่งสามารถมองเห็นวิวเมืองได้แบบพาโนรามา เมืองนี้จึงเหมาะสำหรับนักเดินทางที่ต้องการผ่อนคลายและซึมซับกลิ่นอายญี่ปุ่นดั้งเดิมในบรรยากาศที่สงบและอบอุ่น
แหล่งช้อปปิ้งน่าสนใจ
- โอคาโดะ ช็อปปิ้ง สตรีท (Okaido Shopping Street) จังหวัดเอฮิเมะ
- ยูเมะทาวน์ ทาคามัตสึ (YouMe Town Takamatsu) จังหวัดคางาวะ
- คิตะโร่ โนะ ซาโตะ (Kitaro no Sato) โทคุชิมะ
อาหารท้องถิ่นชิโกกุ ที่ห้ามพลาด
นอกจากธรรมชาติและวัฒนธรรมแล้ว อาหารท้องถิ่นของ ชิโกกุ ก็ถือเป็นไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาด โดยเฉพาะในจังหวัดคางาวะที่ขึ้นชื่อเรื่อง “อุด้งซานุกิ” (Sanuki Udon) เส้นเหนียวนุ่มที่เสิร์ฟกับน้ำซุปใสหรือแบบแห้ง เรียกได้ว่าเป็นอุด้งที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น ส่วนที่จังหวัดโคจิมีอาหารทะเลสดๆ และ ทาทากิปลาคัตสึโอะ (Katsuo no Tataki) ที่นำปลาย่างไฟแล้วหั่นเสิร์ฟกับซอสโชยุและกระเทียม ส่วนจังหวัดเอฮิเมะมี “ไทเมชิ” หรือข้าวหน้าปลากะพงที่เสิร์ฟแบบสุกหรือดิบแล้วราดด้วยซอสสไตล์ท้องถิ่น ปิดท้ายด้วยของหวานขึ้นชื่ออย่าง “โบตัมจิ” และ “มันจู” ท้องถิ่นที่มีหลากหลายรสชาติ นักท่องเที่ยวสามารถลิ้มลองอาหารเหล่านี้ได้ทั้งจากร้านอาหารท้องถิ่น ตลาดสด หรือแม้กระทั่งตามเรียวกังที่ให้บริการอาหารพื้นเมืองแบบจัดเต็มทุกมื้อ การได้ลองอาหารของแต่ละจังหวัดในชิโกกุจึงเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่เติมเต็มการเดินทางได้อย่างสมบูรณ์
อุด้งซานุกิ (Sanuki Udon) จังหวัดคางาวะ

- อุด้งเส้นเหนียวนุ่มที่เป็นเอกลักษณ์ของคางาวะ
- สามารถเลือกซุปและท็อปปิ้งได้หลากหลาย
ไทเมชิ (Tai-meshi) เอฮิเมะ
- ข้าวหุงกับปลากะพงแดง นิยมในเมืองอุวาจิมะ
- มีทั้งแบบข้าวหุงพร้อมปลาและข้าวขาวราดซุปปลา
ปลาหวานย่างเกลือ (Salt-grilled Sweetfish) โทคุชิมะ
- ปลาน้ำจืดจากแม่น้ำโทคุชิมะ ย่างจนหอม กินคู่กับข้าวสวยร้อนๆ
ส้มมิคัง (Mikan) เอฮิเมะ
- ผลไม้ท้องถิ่นรสหวานอมเปรี้ยว สดชื่น
- นิยมแปรรูปเป็นน้ำผลไม้ แยม หรือขนมหวาน