เฮียวโงะ อีกหนึ่งเสน่ห์คันไซที่ไม่ควรมองข้าม

อีกจังหวัดน่าเที่ยวของญี่ปุ่นที่เอามาฝากกัน “ เฮียวโงะ ” อีกจังหวัดที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคคันไซของญี่ปุ่น เป็นจังหวัดที่มีความหลากหลายและมีเสน่ห์เฉพาะตัว ไม่ได้มีแค่ “เมืองโกเบ” ที่เป็นที่รู้จักในฐานะเมืองท่าสำคัญ แต่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย ทั้งปราสาทเก่าแก่ เมืองออนเซ็น และธรรมชาติที่สวยงาม วันนี้เราจะพาทัวร์เฮียวโงะกัน มาดูว่าที่นี่มีที่เที่ยวสำคัญคือที่ไหนบ้าง ไปเยือนทั้งทีต้องชิมอาหารเมนูอะไรดี และมีเรื่องอะไรอีกที่เราต้องรู้ก่อนเดินทางไปเที่ยว
ข้อมูลทั่วไปจังหวัด เฮียวโงะ

เฮียวโงะเป็นจังหวัดที่มีอาณาเขตครอบคลุมตั้งแต่ชายฝั่งทะเลญี่ปุ่นทางทิศเหนือไปจนถึงทะเลในเซโตะทางทิศใต้ รวมไปถึง “เกาะอะวาจิ” ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในทะเลในเซโตะ ภูมิประเทศมีความหลากหลาย มีทั้งภูเขาและที่ราบ ทำให้สามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ โกเบในฐานะเมืองท่าสำคัญมีบทบาทสำคัญในการค้าขายระหว่างประเทศมาอย่างยาวนาน
ด้านการเกษตรและปศุสัตว์มีชื่อเสียงสุดๆ โดยเฉพาะ “เนื้อโกเบ” ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากวัวพันธุ์ทาจิมะในจังหวัดนี้ เฮียงโงะยังมีอาหารทะเลสดใหม่จากทะเลญี่ปุ่นและทะเลในเซโตะ รวมถึงผลผลิตทางการเกษตรอื่นๆ อีกเพียบ นอกจากนี้ยังมีทั้งอุตสาหกรรมหนักอย่างการต่อเรือ อุตสาหกรรมเหล็ก และอุตสาหกรรมเบา รวมถึงอุตสาหกรรมอาหาร
ใครที่ได้ไปเที่ยวจะได้เพลิดเพลินไปกับภูมิประเทศที่หลากหลาย มีธรรมชาติที่เหมาะกับการพักผ่อนอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นอาริมะออนเซ็น, คิโนะซากิออนเซ็น, เกาะอะวาจิ และภูเขาโรโกะ มีแหล่งชอปปิงให้ได้เดินช็อปสินค้า ณ ย่านคิตาโนะในโกเบ และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่น่าสนใจอย่างปราสาทฮิเมจิและซากปราสาททาเคดะ
การเดินทางไปจังหวัด เฮียวโงะ

การเดินทางไปยังจังหวัดเฮียวโงะสามารถทำได้หลายเส้นทาง หากเดินทางจากโตเกียวสามารถโดยสารรถไฟชินคันเซ็นได้เป็นวิธีที่เร็วที่สุดและสะดวกที่สุด โดยรถไฟชินคันเซ็นสายโทไคโด-ซันโย จะจอดที่สถานีชินโกเบ และ ฮิเมจิ ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที และยังสามารถเดินทางจากเมืองใหญ่ในภูมิภาคอื่นๆ เช่น นาโกย่า ฮิโรชิม่า และฟุกุโอกะ ได้อย่างรวดเร็ว
ใครที่ไม่อยากเสียเวลานานๆ ยังสามารถเลือกการเดินทางไปยังเฮียวโงะด้วยเครื่องบินได้ โดยบินจากสนามบินฮาเนดะหรือนาริตะในโตเกียวมาลงที่สนามบินโกเบได้ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 10 นาที หรือจะบินมาลงที่สนามบินนานาชาติคันไซแล้วต่อรถบัสหรือรถไฟเข้าสู่เมืองโกเบ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
แต่ถ้าเดินทางจากโอซาก้าและเกียวโต สามารถเลือกการเดินทางด้วยรถไฟ JR เพียงประมาณ 20-30 นาที และประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาทีจากเกียวโต โดยรถไฟ JR Kobe Line และ JR Kyoto Line จะเชื่อมต่อโดยตรงกับสถานีหลักในเฮียวโงะ เช่น ซันโนะมิยะ และ ฮิเมจิ หรือจะเลือกนั่งรถบัสก็มีรถบัสหลายสายที่วิ่งจากโอซาก้าและเกียวโตไปยังจุดต่างๆ
ส่วนการเดินทางภายในจังหวัดเฮียวโงะมีระบบรถไฟในเมืองครอบคลุมหลายพื้นที่ ทำให้การเดินทางไปมาระหว่างเมืองต่างๆ ในจังหวัดเป็นเรื่องง่าย มีรถบัสให้บริการในหลายเส้นทาง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ไม่ครอบคลุมโดยรถไฟ และยังสามารถขับรถเพื่อสำรวจพื้นที่ต่างๆ ได้อย่างอิสระ โดยเฉพาะการเดินทางข้าม “สะพานอะคาชิ ไคเคียว” เพื่อไปยังเกาะอะวาจิ
ที่เที่ยวที่น่าสนใจในเมืองเฮียวโงะ
ไม่เพียงแค่โกเบเท่านั้นที่เป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญแต่เฮียวโงะเป็นจังหวัดที่มีความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ทำให้มีสถานที่ท่องเที่ยวทุกแนวให้ได้เลือกเดินทางไป ไม่ว่าจะเป็นภูเขา ทะเล เมืองเก่า ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเก็บเกี่ยวประสบการณ์ได้อย่างที่ต้องการ สถานที่ทั้งเที่ยวหลักๆ ของเฮียวโงะ เช่น
ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle)

ปราสาทฮิเมจิ เป็นหนึ่งในปราสาทที่ยิ่งใหญ่และงดงามที่สุดในญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในเมืองฮิเมจิ จังหวัดเฮียวโงะ และได้รับการยกย่องให้เป็นทั้ง “สมบัติชาติ” และ “มรดกโลกของ UNESCO” สิ่งที่ทำให้ปราสาทแห่งนี้โดดเด่นและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกคือตัวปราสาทที่มีสีขาวบริสุทธิ์และสง่างาม ทำให้ได้ฉายาว่า “ปราสาทนกกระสาขาว” (White Heron Castle) ซึ่งแตกต่างจากปราสาทอื่นๆ ที่มักมีสีดำหรือสีเข้ม
ปราสาทฮิเมจิเป็นปราสาทที่มีสถาปัตยกรรมที่ยังมีความสมบูรณ์เพียงไม่กี่แห่งที่ยังคงรอดพ้นจากภัยสงคราม แผ่นดินไหว และอัคคีภัย ทำให้โครงสร้างดั้งเดิมกว่า 83 อาคารยังคงอยู่ครบถ้วน รวมถึงระบบป้องกันศัตรูที่ซับซ้อนราวกับเขาวงกต เมื่อเดินขึ้นไปถึงชั้นบนสุดของปราสาท จะได้เห็นวิวเมืองฮิเมจิแบบพาโนรามา ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนเป็นผู้ปกครองในสมัยโบราณ บริเวณรอบปราสาทมีต้นซากุระกว่า 1,000 ต้น ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในจุดชมซากุระที่สวยที่สุดของญี่ปุ่นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
คิโนะซากิออนเซ็น (Kinosaki Onsen)

“คิโนะซากิ” เป็นเมืองน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงและมีเสน่ห์แห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในเขตทาจิมะ ของจังหวัดเฮียวโงะ ไม่เพียงแค่คุณภาพของน้ำพุร้อนที่มีสูงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบรรยากาศแบบโบราณที่ยังคงรักษาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม เมืองนี้มีจุดเด่นคือโรงอาบน้ำสาธารณะ ทั้ง 7 แห่งที่กระจายอยู่ทั่วเมือง นักท่องเที่ยวสามารถซื้อตั๋วแบบวันเดียวเพื่อใช้บริการโรงอาบน้ำทั้ง 7 แห่งนี้ได้ตามต้องการเลย การสวมชุดยูกาตะและเดินเล่นไปตามถนนเพื่อไปแช่น้ำพุร้อนแต่ละที่ถือเป็นกิจกรรมหลักที่ห้ามพลาด เป็นเสน่ห์ที่น่าหลงใหลของเมืองคิโนะซากิที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกเทใจให้
นอกจากโรงอาบน้ำทั้ง 7 นี้ การเดินชมอาคารไม้เก่าแก่ ลำธารที่ไหลผ่านใจกลางเมือง ยืนพักผ่อนปล่อยใจภายใต้ต้นหลิวที่เรียงรายตลอดสองฝั่งทาง ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามค่ำคืนเมื่อมีการเปิดไฟประดับเป็นภาพงดงามมากๆ คิโนะซากิออนเซ็นไม่ใช่แค่สถานที่ท่องเที่ยว แต่เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ ซึ่งช่วยให้ได้ผ่อนคลายและสัมผัสกับเสน่ห์แบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นอย่างแท้จริง
เกาะอะวาจิ (Awaji Island)

เกาะอะวาจิ ตั้งอยู่บริเวณทะเลในเซโตะและอยู่ระหว่าง “เกาะฮอนชู”กับ”เกาะชิโกกุ” ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ชาวญี่ปุ่นนิยมมาพักผ่อน เนื่องจากมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ อาหารอร่อย และอยู่ไม่ไกลจากเมืองใหญ่อย่างโอซาก้าและโกเบมากนัก มีสะพานแขวนอะคาชิไคเคียว ที่เป็นสะพานแขวนที่ยาวที่สุดในโลก ทำหน้าที่เชื่อมระหว่างเมืองโกเบบนเกาะฮอนชูและเกาะอะวาจิ ถือเป็นจุดที่น่าประทับใจตั้งแต่ก่อนจะเดินทางถึงเกาะ
เกาะนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นด้านสถาปัตยกรรมและสวนที่สวยงาม โดยเฉพาะผลงานของสถาปนิกชื่อดัง “ทาดาโอะ อันโดะ” ซึ่งรวมถึง อะวาจิ ยูเมะบูไต สถานที่ที่ถูกสร้างขึ้นหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ฮันชินเมื่อปี 1995 ประกอบด้วยสวนดอกไม้ น้ำตก และอาคารต่างๆ ที่ออกแบบอย่างสวยงาม บนเกาะยังมีกิจกรรมทางน้ำอย่างการล่องเรือชมวังน้ำวนนารูโตะ หรือพักผ่อนที่หาดเคอิโนะ มัตสึบาระ ที่มีทิวทัศน์สวยงามของหาดทรายสีขาวและต้นสน การพักผ่อนที่นี่ทำให้เหมือนได้ชาร์จพลังงานได้แบบ 100%
ซากปราสาททาเคดะ (Takeda Castle Ruins)

“ซากปราสาททาเคดะ” คือซากปราสาทที่ตั้งอยู่บนยอดเขาโคโจ ในเมืองอะซาโกะ จังหวัดเฮียวโงะนี้ เป็นที่รู้จักกันในฉายา “ปราสาทลอยฟ้า” หรือ “มาชูปิกชูแห่งญี่ปุ่น” แม้ว่าตัวอาคารปราสาทจะถูกทิ้งร้างไปนานกว่า 400 ปีแล้ว แต่สิ่งที่หลงเหลืออยู่คือฐานกำแพงหินที่ยิ่งใหญ่และสมบูรณ์ ซึ่งเผยให้เห็นโครงสร้างอันน่าทึ่งของปราสาทบนยอดเขา
ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและต้นฤดูหนาวประมาณเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน ช่วงเช้าที่อากาศเย็นและมีความชื้นสูง มักจะเกิดทะเลหมอกหนาปกคลุมหุบเขาเบื้องล่าง ทำให้ซากปราสาทที่อยู่บนยอดเขาดูราวกับกำลังลอยอยู่เหนือเมฆ เป็นภาพที่งดงามและน่าอัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง โดยปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นเฉลี่ยประมาณ 1 ใน 3 วันเท่านั้น
จุดชมวิวที่ดีที่สุดของซากปราสาททาเคดะมี 2 จุดหลักคือ จากตัวปราสาทเองสามารถเดินขึ้นไปชมซากปราสาทเพื่อสัมผัสความยิ่งใหญ่ของกำแพงหิน และหากโชคดี จะได้ยืนอยู่ท่ามกลางทะเลหมอกที่ล้อมรอบ และจากจุดชมวิวภูเขาริสึอุนเคียว จากจุดนี้อยู่บนภูเขาฝั่งตรงข้าม ทำให้สามารถมองเห็นซากปราสาทที่ลอยอยู่กลางทะเลหมอกได้อย่างเต็มตา เป็นมุมที่นิยมสำหรับนักถ่ายภาพมากที่สุด
อาหารขึ้นชื่อของเมืองเฮียวโงะ
ด้วยความหลากหลายทางภูมิศาสตร์อย่างที่กล่าวไปทำให้เฮียวโงะมีอาหารขึ้นชื่อหลายเมนู แต่ละเมนูเป็นอาหารที่ได้วัตถุดิบสดใหม่จากพื้นที่ต่างๆ ของเมืองมาปรุงรส เมนูอาหารขึ้นชื่อของเมืองเฮียวโงะที่เด่นๆ คือ
เนื้อโกเบ (Kobe Beef)

เนื้อโกเบ เป็นอาหารที่โด่งดังที่สุดของเฮียวโงะและโด่งดังไปทั่วโลก เนื้อโกเบคือเนื้อวัวทาจิมะที่เลี้ยงดูอย่างพิถีพิถันจนได้เนื้อที่มีลายไขมันแทรกสวยงาม ทำให้เนื้อมีความนุ่มละมุนลิ้นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ เนื้อวัวจะถูกรับรองให้เป็นเนื้อโกเบได้ ต้องผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดโดยสมาคมส่งเสริมการตลาดและจัดจำหน่ายเนื้อโกเบ
เนื้อโกเบมีราคาแพงเนื่องจากมีปริมาณจำกัด มีมาตรฐานคุณภาพที่เข้มงวด และต้องใช้ความเอาใจใส่ในการเลี้ยงดูอย่างมาก ทำให้มีวัวเพียงประมาณ 3,000-5,000 ตัวต่อปีเท่านั้นที่ผ่านการรับรองให้เป็นเนื้อโกเบแท้ได้ การได้ลิ้มลองเนื้อโกเบแท้ๆ จึงเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเฮียวโงะต้องไม่พลาด
อะกะชิยากิ (Akashiyaki)

อะกะชิยากิ เป็นของขึ้นชื่อจากเมืองอะคาชิ หน้าตาคล้ายทาโกะยากิแต่เนื้อสัมผัสจะนุ่มและฟูกว่ามากเพราะมีส่วนผสมของไข่เยอะกว่า และจะเสิร์ฟพร้อมน้ำซุปปลาแห้งหรือ “ดาชิ” ไว้สำหรับจิ้มกิน อะกะชิยากิจะถูกเสิร์ฟในถาดไม้ และกินโดยการจิ้มในน้ำซุปดาชิ (Dashi) ที่เป็นซุปปลาแห้งและสาหร่ายคอมบุรสชาติกลมกล่อม ต่างจากทาโกะยากิที่ราดด้วยซอสหวานและมายองเนส
ไส้ด้านในของอะกะชิยากิจะเป็นปลาหมึกเหมือนกับทาโกะยากิ แต่บางครั้งอาจมีการเพิ่มส่วนผสมอื่นๆ เล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติ การกินอะกะชิยากิแบบดั้งเดิมคือการคีบขนมร้อนๆ จิ้มลงในน้ำซุปดาชิให้ชุ่มฉ่ำก่อนนำเข้าปาก หากต้องการเพิ่มรสชาติสามารถใส่ขิงดองหรือต้นหอมซอยลงในซุปก็ได้
โซบะเมชิ (Soba Meshi)

โซบะเมชิเมนูท้องถิ่นจากโกเบ เป็นการนำเส้นยากิโซบะมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วผัดรวมกับข้าวและเนื้อสัตว์บนกระทะร้อน หรือ “เทปปัน” เป็นเมนูที่ให้รสชาติและสัมผัสที่แปลกใหม่แต่ลงตัว ซอสที่ใช้ผัดเป็นซอสสูตรเฉพาะของแต่ละร้าน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นซอสคล้ายซอสโอโคโนมิยากิหรือยากิโซบะ ทำให้มีรสชาติหวาน เค็ม และหอมเป็นพิเศษ
โคโรเกะโกเบ (Kobe Korokke)

โคร็อกเกะโกเบ โคร็อกเกะหรือมันฝรั่งบดชุบแป้งทอดของเมืองโกเบขึ้นชื่อเรื่องรสชาติที่เข้มข้นและใช้มันฝรั่งคุณภาพดี เป็นของกินเล่นที่หาทานได้ง่าย เมนูนี้เป็นของกินเล่นยอดนิยมของเมืองโกเบที่แตกต่างจากโคโรเกะทั่วไปตรงที่มักจะมีส่วนผสมของเนื้อบด (ทั้งเนื้อวัวและเนื้อหมู) ผสมกับมันฝรั่งบด ทำให้มีรสชาติที่เข้มข้นและฉ่ำกว่าปกติ
ของฝากขึ้นชื่อของเมืองเฮียวโงะ
- เฮียวโงะเป็นแหล่งผลิตสาเกที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น โดยเฉพาะในย่านนาตะ (Nada) ของเมืองโกเบ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตที่มีชื่อเสียงเรื่องคุณภาพของน้ำใต้ดินที่เหมาะสำหรับการหมักสาเก
- พุดดิ้งโกเบ (Kobe Pudding) เป็นของหวานที่โดดเด่นและเป็นที่รู้จักมากที่สุดของเมืองโกเบ พุดดิ้งของที่นี่มีเนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่มละมุนลิ้น และมีรสชาติหวานหอมจากคาราเมล เป็นของฝากยอดนิยมที่หาซื้อได้ง่ายตามร้านค้าในสถานีรถไฟหรือห้างสรรพสินค้า
- เวเฟอร์โกเฟรส์ (Gaufres) ขนมเวเฟอร์แผ่นบางกรอบที่มีชื่อเสียงจากร้าน Kobe Fugetsudo ซึ่งเป็นร้านเก่าแก่ที่เปิดมานาน เวเฟอร์จะสอดไส้ครีมรสต่างๆ เช่น วานิลลา สตรอว์เบอร์รี และช็อกโกแลต เป็นอีกหนึ่งของฝากยอดนิยมที่รสชาติคลาสสิกและอร่อยถูกใจคนทุกเพศทุกวัย
- เค้กโกเบ (Kobe Cake) เมืองโกเบขึ้นชื่อเรื่องร้านขนมเค้กที่มีคุณภาพและสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชีสเค้กและเค้กโรล ซึ่งมีหลากหลายร้านให้เลือกสรร แต่ละร้านก็จะมีสูตรและรสชาติเฉพาะตัวที่น่าลิ้มลอง
- ไดฟุกุสตรอว์เบอร์รี (Strawberry Daifuku) ในเมืองซันดะซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกสตรอว์เบอร์รีคุณภาพดี สามารถหาซื้อขนมไดฟุกุสตรอว์เบอร์รี (สตรอว์เบอร์รีห่อด้วยแป้งโมจิและถั่วแดงกวน) ที่ใช้สตรอว์เบอร์รีสดๆ จากฟาร์ม ซึ่งให้รสชาติหวานอมเปรี้ยวที่ลงตัว
สรุป
พออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว เริ่มมีไอเดียในการคิดแพลนเที่ยวเฮียวโงะขึ้นมาหรือยัง อีกภูมิภาคของญี่ปุ่นที่มองข้ามไม่ได้ ทั้งความสวยงามของธรรมชาติ ความสมบูรณ์ของซากปราสาทโบราณ ความอุดมสมบูรณ์ของวัตถุดิบที่เอามารังสรรค์เมนูเลิศรสต่างๆ เหมาะมากสำหรับเป็นสถานที่ชาร์จพลังงานในวันพักผ่อนสบายๆ ที่มองข้ามไม่ได้เลยในแถบคันไซ