ค้นหาคูปองและบทความ

Close
สมัครสมาชิก

Tokyo Disneyland vs Tokyo DisneySea ไปไหนดีในปี 2025?

กรุณาเข้าสู่ระบบ

Tokyo Disneyland vs Tokyo DisneySea ไปไหนดีในปี 2025?

สวนสนุกดิสนีย์ของญี่ปุ่น เป็นจุดหมายปลายทางยอดฮิตที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกมาเยือนไม่ต่ำกว่าสิบล้านคนทุกปี ภายในแบ่งออกเป็น 2 โซนคือ Tokyo Disneyland และ Tokyo DisneySea ซึ่งแต่ละโซนก็อัดแน่นไปด้วยเครื่องเล่นมากมาย เรียกว่าใช้เวลาเดินทั้งวันก็ยังเก็บไม่หมด อีกทั้งตั๋วเข้าสวนสนุกก็ยังต้องซื้อแยกกันด้วย เพราะฉะนั้นถ้าใครมีเวลาว่างแค่วันเดียว และยังไม่รู้ว่าจะเลือกไปฝั่งไหนดี บทความนี้จะพาไปแนะนำจุดเด่นของทั้ง 2 ;lนสนุก พร้อมพาเช็กอินโซนเปิดใหม่ จะมีเครื่องเล่นอะไรน่าสนใจบ้าง ไปดูกัน !

จุดเด่นของ Tokyo Disneyland

Tokyo Disneyland

Tokyo Disneyland คือสวนสนุกดิสนีย์แห่งแรกของโลกที่ถูกสร้างขึ้นนอกสหรัฐอเมริกา มีพื้นที่กว้างขวางถึง 465,000 ตารางเมตร ภายในแบ่งออกเป็น 7 โซนคือ World Bazaar, Adventureland, Westernland, Critter Country, Fantasyland, Toontown และ Tomorrowland พร้อมเครื่องเล่นที่มีให้เลือกสนุกกันมากกว่า 40 ชนิด นอกจากนี้ยังยังมีเหล่าคาแรกเตอร์ชื่อดังออกมาเซอร์ไพรส์ทักทายตามจุดต่างๆ งานนี้บอกเลยว่าเตรียมกล้องให้พร้อม เพราะไม่ว่าจะมุมไหนก็มีความประทับใจรอให้เก็บไว้เป็นความทรงจำ

อีกหนึ่งความพิเศษที่เป็นเสน่ห์ของ Tokyo Disneyland คือการแสดงโชว์และขบวนพาเหรดที่จัดเต็มตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นพาเหรดในช่วงกลางวันที่มีเหล่าคาแรกเตอร์ออกมาเต้นรำ โบกไม้โบกมืออย่างสดใส ไปจนถึงพาเหรดในยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยแสงไฟสุดอลังการ ที่พลาดไม่ได้เลยคือการแสดง “Reach for the Stars” หน้าปราสาทซินเดอเรลล่า ที่เพิ่งจะกลับมาแสดงในเดือนกันยายน 2024 หลังหยุดเพราะโควิดไปนานกว่า 5 ปี โชว์นี้จะพาทุกคนดำดิ่งสู่โลกแห่งเวทมนตร์ ผ่านการแสดงแสง สี เสียง สุดตระการตา พร้อมตัวละครมากมายทั้งจาก Disney, Pixar และ Marvel ปิดท้ายด้วยพลุหลากสีที่จุดประกายท้องฟ้ายามค่ำคืนให้สว่างไสวไปทั่ว

โซนเครื่องเล่นยอดนิยมใน Tokyo Disneyland

Fantasyland – Tokyo Disneyland

Tokyo Disneyland

โซนนี้ถือเป็นจุดศูนย์กลางของ Tokyo Disneyland และเป็นที่ตั้งของแลนด์มาร์กสำคัญอย่าง ปราสาทซินเดอเรลล่า ที่ไม่ได้ให้ชมจากด้านนอกเพียงอย่างเดียว แต่ยังเปิดให้เข้าไปชมด้านในที่มีภาพวาดและฉากจำลองต่างๆ ด้านใน รวมถึงบัลลังก์เจ้าหญิงที่นั่งถ่ายรูปได้ด้วย นอกจากนี้ Fantasyland ยังเป็นโซนที่มีเครื่องเล่นมากที่สุด รวมทั้งหมด 11 เครื่อง และโชว์อีก 1 รายการ ไฮไลต์ห้ามพลาด เช่น Peter Pan’s Flight นั่งเรือเหาะลอยฟ้าไปยังเนเวอร์แลนด์, Pooh’s Hunny Hunt ร่วมผจญภัยกับหมีพูห์ที่กำลังตามหาน้ำผึ้ง และ Haunted Mansion ที่จะพาไปสำรวจโซนต่างๆ ภายในบ้านลึกลับ

Tomorrowland – Tokyo Disneyland

Tomorrowland

Tomorrowland เป็นโซนที่พาออกจากโลกแห่งเทพนิยาย เข้าสู่บรรยากาศล้ำยุคแบบไซไฟ เต็มไปด้วยธีมอวกาศและเทคโนโลยีสุดล้ำ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกอนาคต หนึ่งในเครื่องเล่นยอดฮิตของโซนนี้คือ Monsters, Inc. Ride & Go Seek! ที่ทุกคนจะได้ร่วมเล่นซ่อนแอบกับไมค์ ซัลลี่ และบู โดยมีไฟฉายส่วนตัวไว้ส่องหามอนสเตอร์ที่ซ่อนอยู่ในฉากต่างๆ 

Critter Country – Tokyo Disneyland

Critter Country  

Critter Country เป็นโซนที่ตกแต่งในแนวป่าแปซิฟิก มีธรรมชาติที่สดชื่น แม่น้ำเล็กๆ ต้นไม้เขียวชอุ่ม บ้านกระท่อมไม้ และบรรดาสัตว์น้อยใหญ่มากมาย ค่อนข้างผ่อนคลายกว่าเมื่อเทียบกับโซนอื่นๆ แต่สิ่งที่ดึงดูดให้โซนนี้ฮิตไม่แพ้ใครก็คือเครื่องเล่นอย่าง Splash Mountain ล่องแก่งสุดหวาดเสียวที่จะพาลัดเลาะตามหุบเขา ก่อนจะพุ่งดิ่งจากหน้าผาสูง 16 เมตร ด้วยความเร็ว 40 ไมล์ต่อชั่วโมง 

จุดเด่น Tokyo DisneySea

Tokyo DisneySea

Tokyo DisneySea คือสวนสนุกดิสนีย์แห่งเดียวในโลกที่ออกแบบภายใต้ธีม “ตำนานและเรื่องเล่าจากท้องทะเล” ทำให้ที่นี่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนสวนสนุกดิสนีย์แห่งไหนในโลก แลนด์มาร์กกลางสวนอย่างปราสาทเจ้าหญิงจึงถูกแทนที่ด้วยภูเขาไฟที่ล้อมรอบด้วยทะเล สร้างบรรยากาศชวนตื่นตาตื่นใจเหมือนกำลังผจญภัยอยู่ในโลกของนักสำรวจตัวจริง

ภายใน Tokyo DisneySea แบ่งออกเป็น 8 โซน ได้แก่ Mediterranean Harbor, American Waterfront, Port Discovery, Lost River Delta, Arabian Coast, Mermaid Lagoon, Mysterious Island และโซนใหม่ล่าสุดอย่าง Fantasy Springs ซึ่งถึงแม้ทั้งหมดจะมีธีมเกี่ยวกับน้ำเหมือนกัน แต่บรรยากาศของแต่ละโซนกลับไม่ซ้ำกันเลยแม้แต่นิด รวมถึงเครื่องเล่นต่างๆ ก็มีความแปลกใหม่ และเน้นไปที่คาแรกเตอร์จากภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับท้องทะเล เช่น Finding Nemo และ Little Mermaid 

ไฮไลต์เด็ดที่ห้ามพลาดคือ การนั่ง Venetian Gondolas ล่องเรือสไตล์เวนิสชมวิวรอบๆ คลอง Palazzo และชมการแสดง Believe! Sea of Dreams ที่เหล่าคาแรกเตอร์จะมาโชว์ตัวบนเรือลำใหญ่กลางน้ำ พร้อมเอฟเฟกต์แสง สี เสียง สุดอลังการ 

โซนเครื่องเล่นที่เป็นที่นิยมใน Tokyo DisneySea

Mermaid Lagoon – Tokyo DisneySea

Mermaid Lagoon

โซนนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการ์ตูนเรื่อง The Little Mermaid นำทุกคนเข้าไปสำรวจดินแดนของแอเรียลในโลกใต้ทะเล โดยมี Ariel’s Playground สนามเด็กเล่นที่มีทั้งตาข่ายให้ปีน ถ้ำลับ และขุมทรัพย์ให้ค้นหา รวมถึงเครื่องเล่นอื่นๆ อีกมากมาย เช่น  Blowfish Balloon Race ที่เหล่าบรรดาปลาปักเป้าจะมาบรรทุกเรือกอนโดลาเปลือกหอยให้นั่ง พร้อมพาหมุนไปรอบๆ  

Arabian Coast – Tokyo DisneySea

Arabian Coast

Arabian Coast เป็นโซนที่ผสมผสานกลิ่นอายของเรื่อง Aladdin และนิทานพันหนึ่งราตรีเข้าไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นตลาดแนวอาหรับ ปราสาทโดมสีทอง หรือโชว์เวทมนตร์จากยักษ์จีนี่ ไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดคือเครื่องเล่น Sindbad’s Storybook Voyage ที่จะพาล่องเรือผจญภัยไปกับซินด์แบดและเจ้าเสือตัวน้อย และขี่พรมวิเศษ Jasmine’s Flying Carpets บินวนชมสวนของเจ้าหญิงจัสมิน

Lost River Delta – Tokyo DisneySea  

Lost River Delta  

บรรยากาศของโซนนี้เหมือนอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังของวิหารโบราณ ในป่าดิบชื้นของอเมริกากลาง มีเครื่องเล่นสุดหวาดเสียวอย่าง Raging Spirits รถไฟเหาะความเร็วสูงที่หมุนตีลังกา 360 องศา และรถจี๊ป Indiana Jones Adventure : Temple of the Crystal Skull ที่พาไปตะลุยวิหารพร้อมเผชิญหน้ากับผู้พิทักษ์จอมอาฆาตที่ตามไล่ล่าอยู่ตลอด

พาทัวร์โซนใหม่ Fantasy Springs  

เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2024 ที่ผ่านมา Tokyo DisneySea ได้เปิดโซนใหม่ล่าสุดในชื่อ “Fantasy Springs” ที่กลายเป็นไฮไลต์ใหม่ของสวนสนุกในทันที โดยโซนนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากแอนิเมชันดิสนีย์ยอดนิยม 3 เรื่องคือ Frozen, Tangled และ Peter Pan ซึ่งถูกถ่ายทอดออกมาใน 3 โซนย่อย ได้แก่

Frozen Kingdom 

Frozen Kingdom 

โซนนี้จำลองบรรยากาศของเมือง Arendelle ในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น และบรรยากาศของการเฉลิมฉลอง หลังจากที่เอลซ่าสามารถควบคุมพลังได้แล้ว โดยมีทั้งภูเขาน้ำแข็ง ปราสาทเอลซ่า และเครื่องเล่น Anna and Elsa’s Frozen Journey ที่จะพาล่องเรือผ่านเรื่องราวแห่งสายสัมพันธ์ของสองพี่น้อง พร้อมบทเพลงฮิตอย่าง For The First Time In Forever และ Let it Go 

Rapunzel’s Forest

Rapunzel’s Forest 

ในโซนนี้มีหอคอยสูงโดดเด่นซึ่งเป็นที่อยู่ของเจ้าหญิงผมยาว Rapunzel หากฟังดีๆ จะได้ยินเสียงเธอร้องเพลงดังมาจากหอคอยด้วย นอกจากนี้ยังมีเครื่องเล่น Rapunzel’s Lantern Festival ที่จะพาไปสัมผัสฉากโคมลอยของ Rapunzel กับ Flynn Rider ที่ทั้งสวยสมจริงและโรแมนติกสุดๆ

Peter Pan’s Never Land 

Peter Pan’s Never Land 

โซนนี้คือดินแดนเนเวอร์แลนด์ที่มีภูเขาไฟถึง 3 ลูก, หมู่บ้าน, หุบเขา Skull Rock ที่สามารถปีนขึ้นไปสำรวจได้จริง และเรือโจรสลัดที่สามารถขึ้นไปเล่นและถ่ายรูปได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้พื้นที่รอบๆ ยังเต็มไปด้วยร่องรอยขีดเขียนของเหล่าเด็กๆ ลองสังเกตให้ดี อาจเจอข้อความหรือภาพวาดน่ารักๆ ซ่อนอยู่ก็ได้ ! เครื่องเล่นในโซนนี้มี 2 อัน คือ Peter Pan’s Never Land Adventure ออกผจญภัยกับปีเตอร์แพนไปช่วยจอห์นจากกัปตันฮุก และ Fairy Tinker Bell’s Busy Buggies ที่จะพาบุกหุบเขานางฟ้า 

สรุป Tokyo Disneyland vs Tokyo DisneySea ไปไหนดี

ทั้ง Disneyland และ DisneySea ต่างก็มีความพิเศษทั้งคู่ ขึ้นอยู่กับว่าชอบตัวบรรยากาศแบบไหน หรือตัวละครไหนเป็นพิเศษ สำหรับ Disneyland จะเหมาะกับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะคนที่ชอบความคลาสสิกของดิสนีย์ เทพนิยาย หรือเจ้าหญิงต่างๆ เครื่องเล่นส่วนใหญ่จะเป็นแนวน่ารัก เน้นไปที่เรื่องราวของตัวละคร ฉากที่สวยงาม ไม่ได้ตื่นเต้นหรือหวาดเสียวมากนัก เด็กๆ ก็เล่นได้ นอกจากนี้ยังได้เจอคาแรกเตอร์ชื่อดังจากหลากหลายเรื่อง และชมขบวนพาเหรดแบบใกล้ชิดด้วย

ส่วน Tokyo DisneySea จะเหมาะกับผู้ใหญ่หรือเด็กที่โตขึ้นมาหน่อย มีบรรยากาศแบบเมืองท่า และเครื่องเล่นที่ท้าทายมากกว่า ทำให้การผจญภัยในแต่ละโซนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น และยังมีโซนใหม่ที่เพิ่งเปิดใหม่ด้วย หากใครเคยไป Disneyland หรือดิสนีย์แลนด์ที่อื่นมาแล้ว ก็ลองมาเปิดประสบการณ์ใหม่ที่นี่ได้เลย

กดบันทึกคูปองและบทความไว้เพื่อทำให้การเดินทางไปญี่ปุ่นของคุณสะดวกสบายยิ่งขึ้น!

ถ้ากดบันทึกคูปองหรือบทความที่ชอบเอาไว้ ก็จะสามารถค้นหาได้อย่างง่ายดายจาก "My Page" ในระหว่างการเดินทาง ลองใช้กันดูนะ!

สมัครสมาชิก

ロンタ

บันทึกแล้ว!