ฝากกระเป๋าเดินทาง ได้ที่ไหนบ้าง? เที่ยวญี่ปุ่น สบายไม่ต้องพะวงของ

ไม่ต้องห่วงเรื่องสัมภาระหนัก ๆ เวลาเที่ยวญี่ปุ่น ฝากกระเป๋าเดินทาง ญี่ปุ่นก่อนเดินเที่ยวขึ้นขนส่งสาธารณะแบบสบายตัวไม่ต้องถือสัมภาระ ที่ญี่ปุ่นนอกจากที่พักที่จองไว้แล้วมีที่ไหนที่ฝากของได้บ้าง แต่ละที่มีการใช้งานอย่างไร เงื่อนไขในการใช้งานยุ่งยากไหม และที่สำคัญต้องเสียค่าบริการเท่าไหร่ เรารวมเอาพิกัดฝากของ ฝากกระเป๋าเดินทาง ญี่ปุ่นมาบอกกัน จะมีจุดไหนที่สามารถใช้บริการได้บ้าง มาดูกันเลย
ตู้ล็อกเกอร์หยอดเหรียญ (Coin Lockers)

ตู้ล็อกเกอร์หยอดเหรียญเป็นตัวเลือกที่พบบ่อยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เป็นพิกัดฝากกระเป๋าเดินทางญี่ปุ่นที่เข้าถึงง่ายที่สุด มีอยู่แทบทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นตามสถานีขนส่งสาธารณะต่าง ๆ รายละเอียดของการใช้บริการตู้ล็อกเกอร์ฝากกระเป๋าเดินทางญี่ปุ่นคือ
สถานที่ที่จะพบตู้ล็อกเกอร์หยอดเหรียญ
・สถานีรถไฟ/รถไฟใต้ดิน พบได้มากที่สุด โดยเฉพาะสถานีใหญ่ ๆ เช่น Tokyo, Shinjuku, Shibuya, Ueno, Ikebukuro, Osaka, Kyoto ฯลฯ มักจะอยู่ใกล้ทางเข้า-ออก หรือตามทางเดินเชื่อมต่าง ๆ มองหาป้าย “Coin Locker”
・สนามบิน มีให้บริการในอาคารผู้โดยสาร
・ห้างสรรพสินค้า/แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ มีให้บริการบางแห่ง
ขนาดที่สามารถฝากสัมภาระได้
ตู้ล็อกเกอร์ฝากกระเป๋าเดินทางญี่ปุ่น หรือฝากสัมภาระต่าง ๆ มีหลายขนาดให้เลือกใช้บริการ ตั้งแต่เล็กตั้งแต่กระเป๋าถือ กระเป๋าเป้ ถุงที่ใส่สินค้าที่ชอปปิงมา ขนาดกลางจำพวกกระเป๋าล้อลาก Carry-on ต่าง ๆ ไปจนถึงขนาดใหญ่สำหรับกระเป๋าเดินทางขนาด 28-30 นิ้วโดยที่ตู้ขนาดใหญ่จะมีจำนวนจำกัดและเต็มเร็วกว่าขนาดอื่น ๆ
ราคาค่าบริการตู้ล็อกเกอร์หยอดเหรียญ
・ขนาดเล็ก (S) ประมาณ 300-400 เยน/วัน
・ขนาดกลาง (M) ประมาณ 400-600 เยน/วัน
・ขนาดใหญ่ (L) ประมาณ 600-800 เยน/วัน
・ขนาดใหญ่พิเศษ (XL/LL) ราคา 700-1,000 เยน/วัน
ขั้นตอนการใช้งาน
・แบบกุญแจ หาตู้ที่ว่างสังเกตว่ามีลูกกุญแจเสียบคาอยู่ไหม ถ้ามีเสียบคาอยู่คือเป็นตู้ว่างสามารถใช้บริการได้ เมื่อได้ตู้แล้ว ใส่ของที่ต้องการเก็บ ปิดตู้ ต่อจากนั้นหยอดเหรียญตามจำนวนที่ระบุ (ส่วนใหญ่รับเหรียญ 100 เยน) สุดท้ายล็อกและดึงกุญแจออก เก็บไว้อย่าให้สูญหาย
・แบบดิจิทัล วางกระเป๋าในตู้ที่ว่าง ปิดตู้ให้สนิท ทำตามคำแนะนำบนหน้าจอ ตู้ฝากของหยอดเหรียญแบบดิจิทัลมักจะให้เลือกช่องทางการชำระเงิน เช่น เงินสด หรือ IC Card อย่าง Suica/Pasmo/Icoca สุดท้ายระบบจะออกรหัสผ่านหรือใช้ IC Card ของคุณเป็นกุญแจดิจิทัลสำหรับมาเปิดเอาของที่ฝากไว้
ข้อควรระวังในการใช้ตู้ล็อกเกอร์หยอดเหรียญ
・ช่วงเวลาพีค (เช้า, ช่วงเทศกาล, สถานีใหญ่) ตู้ล็อกเกอร์ขนาดใหญ่มักจะเต็มเร็วมาก หาแผนสำรองไว้บ้างสำหรับการฝากกระเป๋าเดินทาง ญี่ปุ่น
・เตรียมเหรียญ 100 เยนให้พร้อม (บางสถานีมีเครื่องแลกเหรียญ)
・ระวังลืมรหัสผ่านหรือทำกุญแจหาย
・ตรวจสอบระยะเวลาฝาก ส่วนใหญ่จำกัดที่ 3 วัน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะนำของออก ไม่ควรฝากไว้เกินเวลา เพราะจะตามมาด้วยเรื่องยุ่งยากในการติดต่อเอาของออก
เคาน์เตอร์บริการรับฝากกระเป๋า (Luggage Storage/Cloak Services)

ตัวเลือกต่อมาในการฝากกระเป๋าเดินทางญี่ปุ่นเป็นเคาน์เตอร์บริการที่มีพนักงานดูแล เหมาะสำหรับกระเป๋าขนาดใหญ่เป็นแผน 2 หากตู้ล็อกเกอร์หยอดเหรียญเต็ม วิธีนี้เป็นที่นิยมมากสำหรับการฝากกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ เพราะมีพื้นที่เพียงพอ ไม่ต้องแย่งชิงกับผู้ใช้บริการคนอื่น ๆ
สถานที่ที่จะพบเคาน์เตอร์บริการฝากกระเป๋า
・เช่นเดียวกับตู้ล็อกเกอร์ เคาน์เตอร์นี้จะมีตามสถานีรถไฟใหญ่ ๆ หรือที่เรียกว่า “Cloak Room” หรือ “Baggage Storage Service” อยู่ภายในสถานี เช่น สถานี Tokyo, Shinjuku, Ueno, Kyoto, Osaka เป็นต้น
・สนามบิน มีเคาน์เตอร์รับฝากกระเป๋าที่สนามบินหลักทุกแห่ง (Narita, Haneda, Kansai, Chubu, Fukuoka ฯลฯ)
・สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่ง/ห้างสรรพสินค้าใหญ่ บางที่ก็มีบริการนี้เช่นเดียวกัน
บริษัทผู้ให้บริการ
・Yamato Transport (Kuroneko Yamato) มีบริการ “Hands-Free Travel” ทั้งรับฝากและส่งกระเป๋า
・Sagawa Express มีบริการ “Hands-Free Travel” เช่นกัน มีเคาน์เตอร์ตามสถานีสำคัญและแหล่งท่องเที่ยว
・JAL ABC บริการรับฝากกระเป๋าที่สนามบิน
・Crosta (ในเครือ JR) มีเคาน์เตอร์รับฝากกระเป๋าในสถานี JR หลัก ๆ โดยเฉพาะในภูมิภาคคันไซ (เช่น Kyoto, Shin-Osaka, Osaka, Hakata)
ราคาค่าบริการ
เคาน์เตอร์บริการฝากกระเป๋าเดินทางญี่ปุ่นโดยทั่วไปคิดเป็นต่อใบและต่อวัน ตามเงื่อนไขของบริษัทรับฝากสัมภาระบริษัทนั้น ๆ แน่นอนว่ามีราคาสูงกว่า Coin Locker เฉลี่ยแล้วประมาณ 500 – 1,500 เยนต่อใบ ขึ้นอยู่กับขนาดของสัมภาระที่ฝากและสถานที่ที่เคาน์เตอร์เปิดให้บริการ
ขั้นตอนการใช้งาน
สำหรับการใช้บริการของเคาน์เตอร์ฝากสัมภาระนั้นไม่ต้องดำเนินการต่าง ๆ เอง แต่มีเจ้าหน้าที่ให้บริการตามขั้นตอนครบถ้วน เริ่มจากการเดินเข้าไปยังเคาน์เตอร์ ติดต่อทำข้อตกลงในการฝากของ ตรวจสอบขนาด กรอกเอกสาร และชำระเงิน ข้อดีของการฝากของที่เคาน์เตอร์บริการคือความปลอดภัย สามารถฝากกระเป๋าใบใหญ่มาก ๆ ได้ และบางบริษัทยังให้บริการส่งสัมภาระไปยังโรงแรมหรือสนามบินให้อีกด้วย
ข้อควรระวังในการใช้บริการเคาน์เตอร์ฝากสัมภาระ
・ควรอ่านเงื่อนไขในการฝากสัมภาระอย่างละเอียด ส่วนใหญ่จะเป็นภาษากลางอย่างภาษาอังกฤษ
・มองหาเคาน์เตอร์บริการรับฝากของที่เชื่อถือได้เท่านั้น เลือกบริษัทที่น่าเชื่อถือดีที่สุด
บริการฝากกระเป๋าผ่านแอปพลิเคชัน (App-based Luggage Storage)

แอปพลิเคชันกำลังเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในการฝากกระเป๋าเดินทางญี่ปุ่น โดยการทำงานของแอปเหล่านี้จะเชื่อมต่อผู้ใช้บริการกับร้านค้า โรงแรม หรือคาเฟ่ที่ร่วมรายการกับทางแอปนั้น ๆ
แอปพลิเคชันยอดนิยมที่สามารถฝากสัมภาระ
・ecbo cloak เป็นแพลตฟอร์มที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีจุดรับฝากกระเป๋าหลายพันแห่งทั่วประเทศ (ร้านค้า, คาเฟ่, โรงแรมที่ไม่มีบริการรับฝากเอง, ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว) สามารถจองและชำระเงินผ่านแอปได้เลย
・Nannybag เป็นบริการฝากกระเป๋าระดับโลกที่เริ่มเข้ามาในญี่ปุ่น มีจุดบริการในเมืองใหญ่อย่างโตเกียวและโอซาก้า
ราคาค่าบริการ
แอปพลิเคชันสำหรับรับฝากกระเป๋าเดินทางญี่ปุ่นนั้นโดยทั่วไปคิดเป็นต่อชิ้นต่อวัน เช่น ecbo cloak อาจเริ่มต้นที่ 400-600 เยน สำหรับกระเป๋าขนาดกลาง และ 800-1,000 เยน สำหรับกระเป๋าขนาดใหญ่ ทั้งนี้ทั้งนั้นสามารถตรวจเช็กราคาได้ที่แอปพลิเคชันนั้น ๆ และยังสามารถนำมาเปรียบเทียบกันก่อนที่จะใช้บริการด้วย ข้อดีในการใช้บริการแอปคือสะดวกสบาย มีตัวเลือกในการบริการหลากหลาย ในบางพื้นที่หาสถานที่ฝากของได้ง่าย และยังสามารถรองรับสัมภาระได้หลายขนาดอีกด้วย
วิธีการใช้งานแอปพลิเคชันรับฝากกระเป๋า
1. ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน (ecbo cloak, Nannybag)
2. ค้นหาสถานที่รับฝากใกล้เคียงจากแผนที่ในแอป
3. เลือกวันเวลาที่ต้องการฝาก-รับ และขนาดกระเป๋า
4. จองและชำระเงินผ่านแอป
5. นำกระเป๋าไปฝากตามจุดที่เลือก
โรงแรมหรือที่พักที่ทำการจองไว้
ฝากกระเป๋าเดินทางญี่ปุ่นอีกวิธีหนึ่งคือการฝากไว้ที่ที่พักหรือโรงแรมที่ทำการจองเอาไว้ ก่อน Check-in และ หลัง Check-out โรงแรมส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นมีบริการรับฝากกระเป๋าเดินทางฟรีสำหรับแขกของโรงแรม เป็นบริการที่แทบทุกโรงแรมมีให้บริการ แต่สำหรับคนที่จองผ่าน Airbnb ที่พักส่วนใหญ่ไม่มีบริการนี้ ควรสอบถามโฮสต์ล่วงหน้า หากไม่มีจะต้องใช้บริการฝากกระเป๋าจากแหล่งอื่น ๆ แทน
สรุป
และนี่คือ 4 วิธีการฝากกระเป๋าเดินทางญี่ปุ่นที่เอามาฝากกัน แต่ละรูปแบบมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน ก่อนตัดสินใจฝากต้องคำนึงถึงความสะดวกสบายในการรับบริการเสียก่อน แต่ทุกที่มีข้อควรระวังที่ใกล้เคียงกันคือต้องศึกษารายละเอียดให้ดี หากเป็นการใช้บริการล็อกเกอร์ต้องจดจำรหัสผ่าน รักษากุญแจไขล็อกเกอร์ให้ดี การใช้บริการเคาน์เตอร์ต้องเลือกเคาน์เตอร์ที่เชื่อถือได้ การใช้แอปต้องจดจำสถานที่ให้ดี เพื่อการฝากสัมภาระที่จะไม่เป็นภาระในภายหลัง


