ค้นหาคูปองและบทความ

Close
สมัครสมาชิก

Né โรงแรม สุด Exclusive แห่ง นีงาตะ ที่เปิดรับแขกเพียง 1 กลุ่มต่อวัน พร้อมคอร์สอาหารค่ำสุดสร้างสรรค์

กรุณาเข้าสู่ระบบ

Né โรงแรม สุด Exclusive แห่ง นีงาตะ ที่เปิดรับแขกเพียง 1 กลุ่มต่อวัน พร้อมคอร์สอาหารค่ำสุดสร้างสรรค์

กลางทุ่งนากว้างและภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะของเมืองชิบาตะ จ.นีงาตะ มี Né โรงแรม สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่รับแขกเพียงวันละหนึ่งกลุ่ม ที่นี่ผสมผสานธรรมชาติ วัฒนธรรมท้องถิ่น และอาหารเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ทุกคนจะได้สัมผัสความสงบของชนบทพร้อมลิ้มรส คอร์สอาหารค่ำที่รังสรรค์จากวัตถุดิบในท้องถิ่น

การเดินทางไปยัง Né นั้นสะดวกมาก มีวิธีเดินทางจากโตเกียวให้เลือกมากมาย

เริ่มจาก สถานีโตเกียว (Tokyo Station) นั่งรถไฟชินคันเซ็นสายโจเอ็ตสึ (Joetsu Shinkansen) มายังสถานีนีงาตะ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง สำหรับผู้เข้าพัก ทางที่พักมีบริการรถรับส่งจากสถานีนีงาตะ (Niigata Station) รวมถึงบริการรับส่งจาก สถานีชิบาตะ (Shibata Station) และสนามบินนีงาตะ (Niigata Airport) อีกด้วย 

จากสถานีนีงาตะไปยังสถานีชิบาตะใช้เวลาประมาณ 20 นาทีโดยรถไฟด่วนพิเศษ และจากสถานีชิบาตะไปยังโรงแรมใช้เวลาประมาณ 10 นาทีโดยบริการรถรับส่งของที่พัก ทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่ยุ่งยาก

หลังจากที่นั่งรถมาประมาณ 10 นาทีเราก็มาถึงที่พัก พนักงานได้พาเราไปเก็บของ Check-in และถ้าใครสนใจ ก็สามารถมาสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษที่ Sui ซาวน่าที่อยู่ติดกันได้โดยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

Sui ซาวน่าที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ

Sui (すい) เสียงอ่านตัวเดียวแต่ใช้ตัวอักษรคันจิ (漢字) ต่างกันซึ่งให้ความหมายแตกต่างออกไป

水 (すい)  น้ำ
粋 (すい) ความละเมียดละไม ความมีรสนิยม ความงดงามลุ่มลึก
翠 (すい) สีเขียวมรกต เขียวชอุ่ม สดชื่นจากธรรมชาติ
睡 (すい) การนอนหลับ การพักผ่อน

น้ำซึ่งเป็นสิ่งขาดไม่ได้สำหรับการซาวน่าที่นี่เลือกใช้น้ำบาดาลซึ่งหล่อเลี้ยงโดยผืนดินคาวาฮิงาชิ ซึ่งพื้นที่หนึ่งในเมือง Shibata น้ำใสสะอาด เย็นสดชื่น ที่หาได้เพียงที่นี่เท่านั้นโดยมี“น้ำ”เป็นศูนย์กลาง และดื่มด่ำไปกับความหลากหลายความหมายของคำว่า Sui ซึ่งคือความเขียวขจีซึ่งที่นี่ตั้งอยู่ใกล้กับทุ่งนาข้าวและล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ ให้ความรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลายในการพักผ่อน แค่ชื่อและคอนเซ็ปต์ของที่นี่ก็มีความหมายลึกซึ้งแล้วทำให้เราอยากลองสัมผัสประสบการณ์ซาวน่าเลย!

วิธีการใช้งานซาวน่าที่นี่เริ่มจากหยิบอุปกรณ์ต่างๆ คือกระเป๋าใส่ของ ชุดว่ายน้ำ ผ้าขนหนู หมวก แผ่นรองนั่งซึ่งที่นี่มีให้เช่าหมดเลย หลังจากนั้นก็เปลี่ยนชุดแล้วออกไปเข้าซาวน่ากัน

พื้นที่ซาวน่าถูกออกแบบด้วยระเบียงไม้ทั้งหมดทำให้สามารถเดินภายในบริเวณได้อย่างสบายด้วยเท้าเปล่า

ซาวน่าแห่งนี้สามารถปรับอุณหภูมิได้สูงสุดประมาณ 110 องศาเซลเซียส ด้วยการทำ Self Löyly (การราดน้ำบนหินซาวน่าด้วยตัวเอง) เพื่อเพิ่มความร้อน ทำให้สัมผัสได้ทั้งความเข้มข้นและความสดชื่นอย่างเต็มที่

ซาวน่าที่สามารถทำอุณหภูมิได้สูงถึง 110 องศานั้นถือว่าหาได้ยากมาก โดยเกิดจากเทคโนโลยีเฉพาะที่พัฒนาโดยบริษัทก่อสร้างท้องถิ่นในนีงาตะ Kumagai Construction ซึ่งได้นำ “เทคนิคฉนวนสองชั้นที่สั่งสมจากการสร้างบ้านในภูมิภาคหิมะ”มาประยุกต์ใช้จนสำเร็จ 

เราเป็นมือใหม่เพราะเป็นการเข้าซาวน่าครั้งแรก ตอนแรกรู้สึกร้อนเกินไปแต่พอร่างกายปรับตัวกับความร้อนได้ และลองนั่งไปสักพักก็รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก! 

ซาวน่าเสร็จแล้วก็ลงไปแช่บ่อน้ำเย็นที่มีอุณหภูมิคงที่ตลอดปีที่ 15 องศาเซลเซียส น้ำมีค่าความกระด้างเพียง 17 (จัดเป็นน้ำอ่อน/Soft water) และเป็นน้ำบาดาลจากบริเวณนี้โดยเฉพาะ หลังซาวน่าการแช่ในบ่อน้ำเย็นทำให้ร่างกายตื่นตัว อีกทั้งยังช่วยคงความชุ่มชื้นของผิวและเส้นผมได้ด้วย

หลักจากออกจากซาวน่าก็นั่งพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ  forest bathing (การอาบป่า) ในบรรยากาศเปิดกว้างท่ามกลางผืนป่าที่โอบล้อมรอบตัวถือว่าเป็นการรีแลกซ์ที่ดีก่อนจะไปรับประทานมื้อเย็นกับร้านอาหารสุดพิเศษของโรงแรม

เมื่อถึงเวลา 6 โมงเย็นเราก็มีนัดทานมื้อเย็นกับโรงแรมที่รังสรรค์โดยเชฟ Makoto Fuse ที่มีประสบการณ์อาหารฝรั่งเศสในญี่ปุ่นเป็นเวลาถึง 5ปีและยังมีประสบการณ์การทำงานในครัวของ เชฟมิชลินสามดาวของเชฟ Antoine Westermann ที่ประเทศฝรั่งเศสอีกด้วย

มื้อค่ำที่ Auberge Né

Auberge Né เป็นร้านอาหารที่มุ่งรังสรรค์รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเกิดขึ้นได้เพียง “ที่นี่และขณะนี้” ในเมืองชิบาตะ จังหวัดนีงาตะ ซึ่งมีฤดูหนาวยาวนาน ทำให้การหาวัตถุดิบสดใหม่ตลอดปีเป็นเรื่องยาก ที่นี่จึงใช้ภูมิปัญญาการถนอมอาหาร เช่น การหมัก ดอง หรือแช่เกลือ ไม่เพียงช่วยยืดอายุวัตถุดิบ แต่ยังสร้างรสชาติใหม่จากการรอคอย

เชฟ Makoto Fuse รังสรรค์เมนูด้วยความใส่ใจต่อวัตถุดิบท้องถิ่น เริ่มจากการลิ้มรส ศึกษา และคัดเลือกอย่างพิถีพิถัน เช่น ผักป่าตากแห้ง เครื่องเทศจากกิ่งไม้บดละเอียด หรือซุปจากผักหมัก จนทุกจานเป็นการผสมผสานระหว่างวัตถุดิบ วัฒนธรรม และแรงบันดาลใจ นอกจากนี้ อาหารแต่ละจานยังสามารถจับคู่กับไวน์หรือสาเกท้องถิ่น ทำให้แต่ละจานโดดเด่นเป็นเมนูหลักได้

ชื่อร้าน “Né” มาจากคำว่า 「根」 (ราก) ในภาษาญี่ปุ่น และคำว่า né (เกิด) ในภาษาฝรั่งเศส สื่อถึงการเชื่อมโยงรากเหง้าของวัตถุดิบ วัฒนธรรม และความคิดสร้างสรรค์ของเชฟ จากอดีตสู่ปัจจุบัน และสืบต่อไปยังอนาคต

ภายในร้านมี เตาถ่านสำหรับเชฟปรุงและเสิร์ฟอาหารตรงหน้า ทำให้มื้ออาหารเต็มไปด้วยความใกล้ชิดและอบอุ่น คอร์สอาหารมีทั้งหมด 13 จาน สามารถเลือกจับคู่กับเครื่องดื่มแบบ alcohol หรือ non-alcohol โดยคอนเซ็ปต์ของมื้อคือ “สะท้อนวัฏจักรของชีวิต ผ่านการถนอมอาหารและสร้างสรรค์รสชาติใหม่”

ระหว่างรับประทานเรายังได้พูดคุยกับเชฟถึงที่มาของวัตถุดิบและแรงบันดาลใจของแต่ละจาน หากใครกังวลเรื่องภาษา ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ เพราะมีสตาฟคอยช่วยแปลเป็นภาษาอังกฤษให้ บรรยากาศตอนแรกอาจจะดูเป็นทางการนิดหน่อย แต่เมื่อได้ลิ้มรสอาหารและแลกเปลี่ยนเรื่องราวกับเชฟแล้วก็รู้สึกผ่อนคลายและอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน

เราชอบหมดทุกจานเลยแต่จะยกตัวอย่างจานที่เราชอบมากๆให้ทุกคนได้ดูกัน

เวลาแห่งหอยเป๋าฮื้อแห้งและตับ
องค์ประกอบหลัก: หอยเป๋าฮื้อแห้ง / มะเขือเทศหมัก / อีมูลชันเนยตับเป๋าฮื้อ / สาหร่ายทะเล / ผักป๊ากช้อย
ความหมายและธีม: การเดินทางข้ามผ่านฤดูกาลด้วยพลังของอาหารแห้ง พร้อมสะท้อน “อูมามิอันเงียบงัน” ที่ซ่อนอยู่ในรสชาติ

เมื่อลองทานแล้วยังรู้สึกได้ถึงความสดและรสชาติของวัตถุดิบถึงแม้จะเป็นหอยเป๋าฮื้อแห้ง กินคู่กับอีมูลชันเนยตับเป๋าฮื้อแล้วครีมมี่มันๆเป็นจานที่เราชอบมาก 

ความทรงจำแห่งซาบะดอง
องค์ประกอบหลัก: ซาบะดองย่างไฟ / มะเดื่อย่างไฟจนหอมไหม้ / อีมูลชันจากใบไม้และพริก
ความหมายและธีม: การบ่มที่ผสานไขมันกับความหวานของผลไม้ สะท้อน “บทกวีแห่งความตาย” ผ่านมะเดื่อที่เป็นสัญลักษณ์

ซาบะดองอมเปรี้ยวนิดๆกินคู่กับมะเดื่อหวานๆรสชาติตัดกันแต่ก็เข้ากันอย่างบอกไม่ถูก ให้ความรู้สึกสดชื่นเมื่อทานจานนี้

เรื่องราวของการจับคู่ระหว่างอาหารและสาเก

การจับคู่ระหว่างอาหารและสาเกที่นี่ไม่ได้เป็นเพียงการเลือกสิ่งละชิ้นมาประกอบกัน แต่คือการสร้างความสมดุลบนโต๊ะอาหาร อาหารของทางร้านใช้เทคนิคการหมักและการถนอมเพื่อดึงรสชาติของวัตถุดิบออกมาอย่างลึกซึ้ง แม้ผ่านกระบวนการเหล่านี้ แต่อาหารยังคงเก็บรักษาความสดใหม่และความละเอียดอ่อนของรสชาติไว้ ทำให้แต่ละคำที่ลิ้มลองยังคงทิ้งร่องรอยความทรงจำ

สาเกท้องถิ่นจังหวัดนีงาตะ ซึ่งเกิดจากหิมะ น้ำใสและข้าวคุณภาพดี จึงเป็นตัวเชื่อมสำคัญที่ทำให้รสชาติอาหารสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ความแตกต่างด้านอุณหภูมิ วิธีการบ่ม และโครงสร้างรสชาติที่ประกอบด้วยความเปรี้ยวและอูมามิ ช่วยเพิ่มมิติและทำให้มื้ออาหารมีความกลมกลืน

ที่นี่สาเกไม่ได้ถูกจัดวางเป็นเพียงเครื่องดื่มประกอบอาหารแต่เปรียบเสมือน “อีกครึ่งหนึ่ง” ของรสชาติที่ถูกสร้างขึ้นร่วมกัน บางครั้งสาเกจะเสริมรสชาติให้อาหารเด่นชัดขึ้น บางครั้งก็ช่วยให้เห็นความแตกต่างชัดเจนขึ้น แต่ไม่ว่าจะในรูปแบบใด ทั้งอาหารและสาเกต่างร่วมกันถ่ายทอด “ช่วงเวลาของแผ่นดินนีงาตะ” ให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสอย่างลึกซึ้ง

Né: โรงแรมที่กลมกลืนกับผืนดินและธรรมชาติ

กลางเมืองชนบทอันเงียบสงบของชิบาตะ จ.นีงาตะ มี โรงแรม เล็กๆสุดเอ็กซ์คลูซีฟชื่อ ที่รับแขกเพียงวันละหนึ่งกลุ่มเท่านั้น อาคารออกแบบโดยสถาปนิก Kenta Fukunishi ภายใต้แนวคิด “กลับคืนสู่รากเหง้า”

อาคารทั้งหมดใช้วัสดุท้องถิ่นตั้งแต่ดินหมักกว่า 6 เดือน ไม้สนซีดาร์ กระเบื้องYasuda และเสื่อทาทามิจากฟางข้าวแท้ ทุกองค์ประกอบร่วมมือกับช่างฝีมือท้องถิ่น เพื่อสะท้อนความงามที่เกิดจากผืนดินและสามารถกลับคืนสู่ผืนดินได้ในอนาคต

ที่นี่ไม่ได้เป็นแค่ที่พักหรือร้านอาหารแต่เป็นอาคารที่กลมกลืนกับธรรมชาติตัวอาคารเรียบง่ายและสงบ ทำให้ผู้เข้าพักได้สัมผัสความเงียบสงบของชนบทอย่างแท้จริง การเข้าพักที่ Né จึงเป็นมากกว่าการนอนค้างแต่เป็นโอกาสให้หยุดพัก พักสายตาและใจ ผ่อนคลายร่างกายและสัมผัสความเรียบง่ายของธรรมชาติตั้งแต่ก้าวแรกที่เปิดประตู ทุกอย่างถูกสร้างจากวัสดุธรรมชาติรอบตัว

ผนังของ Né ทำจากดินท้องถิ่นที่หมักและบ่มกว่า 6 เดือน พื้นและเพดานสร้างจากไม้ท้องถิ่นทั้งหมด ทำให้ทั้งอาคารใช้เพียงไม้และดินเป็นหลัก

หลังคาใช้กระเบื้อง Yasuda ซึ่งคือกระเบื้องดินเผาแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น เผาที่ 1,300°C ทนต่อหิมะหนัก อุปกรณ์ไม้ต่างๆทำจากไม้สนชิบาตะโดยช่างฝีมือท้องถิ่น ผ่านการตกแต่งด้วยเทคนิคธรรมชาติ วัสดุทุกชิ้นถูกนำมาใช้เต็มคุณค่าแม้แต่ทางเดินก็ทำจากกระเบื้องทุบเอง

เพื่อรักษาการไหลของน้ำใต้ดิน ที่นี่ไม่มีการใช้คอนกรีตในฐานราก แต่ใช้เสาไม้สนตอกลงดินอย่างเงียบสงบ การขุดเจาะทำให้น้อยที่สุด กระบวนการนี้เป็นเหมือน การสื่อสารกับผืนดินให้ความเคารพต่อจังหวะและวัฏจักรของธรรมชาติโดยไม่รบกวน

ห้องประกอบด้วย ห้องนอนเตียงคิงไซส์, ห้องนั่งเล่นที่มีหน้าต่างบานใหญ่, ห้องเสื่อทาทามิแบบดั้งเดิมจากฟางข้าวธรรมชาติ, มุมรับประทานอาหารพร้อมมินิบาร์และ ห้องน้ำหรูที่มีอ่างอาบน้ำเซรามิกทำมือ ด้านหลังผนังดินมี ห้องลับเงียบสงบ คล้ายห้องลับพิเศษ ทุกพื้นที่เชื่อมต่อกันให้ผู้เข้าพักใช้สอยพื้นที่ตามสะดวก

เฟอร์นิเจอร์ที่ Né ทำจากไม้บีชหิมะท้องถิ่นของนีงาตะ เครื่องปั้นดินเผามาจาก Aoto Kiln ทำจากดินและเถ้าท้องถิ่น ส่วนเสื่อทาทามิทำด้วยมือโดย Takano Tatami Shop ใช้ฟางข้าวแบบดั้งเดิม วัสดุทั้งหมดช่วยเชื่อมอาคารเข้ากับภูมิปัญญาและมรดกการเพาะปลูกข้าวของพื้นที่

สำหรับใครที่กลัวจะหิวในยามดึกภายในห้องมีของว่างและเครื่องดื่มฟรีเตรียมไว้ให้ เช่น ขนมเซมเบ้ น้ำผลไม้ นม และเหล้าท้องถิ่นทั้งหมดจากจ.นีงาตะ

สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโรงแรมเน้นใช้วัสดุไม้เพื่อลดการใช้พลาสติกตั้งแต่แปรงสีฟัน ไปจนถึงด้ามใบมีดโกนที่ทำจากไม้ทุกชิ้นถูกออกแบบให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสะท้อนความใส่ใจในรายละเอียดของโรงแรม

หลังจากจบมื้อเย็นเรากลับมาพักผ่อนในห้องพร้อมแช่อ่าง handcraft ที่ออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อผ่อนคลายร่างกายและจิตใจและวันต่อไปเรามีนัดทานอาหารเช้า ที่รังสรรค์จากวัตถุดิบท้องถิ่นเช่นกัน

ชื่อที่พัก:

วิธีการเดินทาง: เดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 10 นาทีจากสถานีชิบาตะ (ทางโรมแรมมีรถรับ-ส่งฟรีสำหรับผู้เข้าพัก จากสถานีชิบาตะ สถานีนีงาตะ และสนามบินนีงาตะ)

เว็บไซต์ที่พัก: https://ne-auberge.jp/

คอนเซ็ปต์วิดีโอ: https://youtu.be/XgYd40NLkYQ

Map: https://maps.app.goo.gl/QEcLsAQnStG95mwv5

สรุป

เราประทับใจตั้งแต่มีพนักงานของ Né มารับที่สถานีและสื่อสารภาษาอังกฤษกับเรา ทำให้รู้สึกสะดวกสบายตั้งแต่แรกเริ่ม ได้ลองเข้าซาวน่าครั้งแรกท่ามกลางบรรยากาศสงบของธรรมชาติ มื้อเย็นสุดพิเศษที่รังสรรค์เป็นคอร์สหลายจานมีทั้งรสชาติและวัตถุดิบที่ไม่เคยลองมาก่อน ทำให้เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ หลังมื้ออาหารเราได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ดื่มด่ำกับความเงียบสงบและธรรมชาติรอบตัว เราทั้งได้พักกายพักใจและยังได้เรียนรู้และรู้จักจ.นีงาตะมากขึ้นอีกด้วย 

กดบันทึกคูปองและบทความไว้เพื่อทำให้การเดินทางไปญี่ปุ่นของคุณสะดวกสบายยิ่งขึ้น!

ถ้ากดบันทึกคูปองหรือบทความที่ชอบเอาไว้ ก็จะสามารถค้นหาได้อย่างง่ายดายจาก "My Page" ในระหว่างการเดินทาง ลองใช้กันดูนะ!

สมัครสมาชิก

ロンタ

บันทึกแล้ว!