ค้นหาคูปองและบทความ

Close
สมัครสมาชิก

ทัวร์ห้ามพลาด โทโฮคุ 5 วัน 4 คืน 

กรุณาเข้าสู่ระบบ

ทัวร์ห้ามพลาด โทโฮคุ 5 วัน 4 คืน 

เปิดแผนเที่ยว 5 วัน 4 คืน “โทโฮคุ” ไหว้พระขอพร สูดอากาศบริสุทธิ์ อิ่มกันแบบสุด ๆ ด้วยอาหารท้องถิ่นขึ้นชื่อ ไม่พลาดแลนด์มาร์กที่เลื่องลือจนขึ้นทะเบียนมรดกโลก ชมวิวมุมสูงแบบพาโนรามา เดินทางสัมผัสความงามของน่านน้ำกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ชิมอาหารท้องถิ่นขึ้นชื่อร้านดังแบบเต็มอิ่ม พักโรงแรมแช่ออนเซ็นผ่อนคลายกันได้อย่างเต็มที่  ปิดทริปด้วยการย้อนวันวานเดินทางข้ามเวลาไปยังหมู่บ้านซามูไร เที่ยวชมบ้านตระกูลอันยิ่งใหญ่แบบครบทุกบ้าน จะน่าสนใจแค่ไหนไปชมกันเลย


แพลนเที่ยวโทโฮคุ 5 วัน 4 คืน

วันที่ 1 : เริ่มต้นการเดินทางด้วยการชมวัด สักการะขอพร
08:18 – 10:28เดินทางไปสถานีโมริโอกะ (Morioka)
10:40 – 10:50ฝากสัมภาระที่โรงแรม Hotel Metropolitan Morioka
12:20 – 13:20รับประทานอาหารกลางวันที่ร้าน Ekimae Bashokan
13:30 – 14:15เที่ยวชมวัดโมสึจิ (Motsuji Temple)
14:30 – 16:30เที่ยวชมหมู่สถาปัตยกรรมวัดชูซนจิ (Chuson-ji Temple Complex)
16:40 – 17:10เดินกลับสถานีฮิราอิซูมิ แวะดูของฝาก
19:00 – 19:15เช็กอินที่โรงแรม Hotel Metropolitan Morioka
19:30 – 21:00รับประทานอาหารเย็นที่ร้าน Seiroukaku (Yakiniku)
วันที่ 2 : ชมพิพิธภัณฑ์สุดอลังการ 2 แห่ง ตามรอยเรื่องเล่าในอดีตที่น่าจดจำ
06:30 – 07:30รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม Hotel Metropolitan Morioka
07:30 – 07:35เช็กเอาต์โรงแรม Hotel Metropolitan Morioka
07:50 – 09:20เดินทางไปสถานีอาโอโมริ (Aomori)
09:20 – 09:30ฝากสัมภาระที่โรงแรม Hotel Route-Inn Aomori Ekimae
09:35 – 11:00เที่ยวชมพิพิธภัณฑ์เนบูตะ (Nebuta Museum WA RASSE)
11:20 – 12:15เที่ยวชมเรือเฟอร์รี่อนุสรณ์ (Seikan Train Ferry Memorial Ship)
12:30 – 13:50รับประทานอาหารกลางวันที่ Aomori Gyosai Center
15:20 – 16:45เที่ยวชมปราสาทฮิโรซากิ (Hirosaki Castle)
17:15 – 17:35แวะซื้อของฝากที่สถานีฮิโรซากิ (Hirosaki)
18:30 – 18:45เช็กอินที่โรงแรม Hotel Route-Inn Aomori Ekimae
19:00 – 20:30รับประทานอาหารเย็นที่ร้าน Idobata Ekimae
20:40กลับโรงแรม Hotel Route-Inn Aomori Ekimae
วันที่ 3 : สูดอากาศบริสุทธิ์ กินลมชมวิวธรรมชาติแบบพาโนรามา
07:00 – 08:00รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม Hotel Route-Inn Aomori Ekimae
08:30 – 08:45รับรถเช่าที่ JR Rent A Car สาขาสถานีชินอาโอโมริ
09:30 – 11:00ขึ้นกระเช้าฮักโกดะ (Hakkoda Ropeway)
12:30 – 13:15รับประทานอาหารกลางวันที่ร้าน Kattaya Mizuumitei
13:15 – 13:55เดินเที่ยวไป-กลับเลียบลำธารโออิราเสะ (Oirase Stream)
14:40 – 15:30ล่องเรือทะเลสาบโทวาดะ (Lake Towada Cruise)
15:30 – 16:00เดินเล่นริมทะเลสาบ ถ่ายรูปกับรูปปั้น (Statue of Otome no zo)
16:20 – 16:40จุดชมวิวฮักกะโทเกะ (Hakka Toge Viewpoint)
18:20 – 18:45คืนรถเช่า JR Rent A Car สาขาสถานีชินอาโอโมริ
18:50 – 20:00รับประทานอาหารเย็นที่ Fish Restaurant Den สาขา Shin Aomori
20:25พักผ่อนที่โรงแรม Hotel Route-Inn Aomori Ekimae
วันที่ 4 : เยี่ยมชมแหล่งประวัติศาสตร์พิเศษซันไน-มารุยามะ อิเซกิ มรดกโลกจาก UNESCO ปี 2021
08:00 – 09:00รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
09:10 – 09:20เช็กเอาต์โรงแรม Hotel Route-Inn Aomori Ekimae
09:40 – 09:50ฝากสัมภาระในล็อกเกอร์ที่ชินอาโอโมริ (Shin-Aomori Coin locker)
10:15 – 11:40เที่ยวชมแหล่งประวัติศาสตร์พิเศษซันไน-มารุยามะ อิเซกิ (Sannai-Maruyama Iseki)
12:00 – 13:00รับประทานอาหารกลางวันที่สถานี ร้าน Fish Don Restaurant
13:00 – 13:10นำสัมภาระออกจากล็อกเกอร์
16:30เช็กอินที่เรียวกัง Tae No Yu Ryokan
วันที่ 5 : ส่งท้ายทริปโทโฮคุ เยือนบ้านซามูไรตระกูลดังครบทุกหลัง
07:00 – 08:30รับประทานอาหารเช้าที่เรียวกัง และเพลิดเพลินกับออนเซ็น
08:45เช็กเอาต์ Tae No Yu Ryokan
10:40 – 10:50ฝากสัมภาระในล็อกเกอร์/ศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยว
11:05 – 11:50เดินเที่ยวถนนหมู่บ้านซามูไรคาคุโนะดาเตะ (Kakunodate Samurai Residence Street) เยี่ยมชมบ้าน Odano Ke และ Kawarada Ke
12:00 – 13:00รับประทานอาหารกลางวันที่ร้าน Sakura no Sato
13:00 – 13:30เยี่ยมชมบ้าน Aoyagi House
13:30 – 14:00เยี่ยมชมบ้านซามูไรอิชิกุโระ (Ishiguro Samurai House)
14:35 – 14:45นำสัมภาระออกจากล็อกเกอร์/ศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยว
14:58 – 18:04เดินทางกลับสถานีโตเกียว (Tokyo Station)

วันที่ 1 : เริ่มต้นการเดินทางด้วยการชมวัด สักการะขอพร

★ 08:18 – 10:28 น. เดินทางไปสถานีโมริโอกะ (Morioka)

Morioka Station

การเดินทางในครั้งนี้จะเริ่มต้นที่โตเกียว โดยให้แลกพาส JR East Tohoku Pass ที่ JR Ticket Office สถานีโตเกียว

・วิธีเดินทาง: เดินทางด้วยรถไฟ Shinkansen Hayabusa 5 จากสถานีโตเกียว ไปยังสถานีโมริโอกะ

・MAP: https://maps.app.goo.gl/mpnKi8LJ3zU8eQb99

★ 10:40 – 10:50 น. ฝากสัมภาระที่โรงแรม Hotel Metropolitan Morioka

Hotel Metropolitan Morioka

・วิธีเดินทาง: โรงแรมอยู่บริเวณหน้าสถานีโมริโอกะ เดินเพียง 2 นาทีเท่านั้น

・MAP: https://maps.app.goo.gl/yRhvMDV16RrvGHL19

★ 12:20 – 13:20 น. รับประทานอาหารกลางวันที่ร้าน Ekimae Bashokan

Ekimae Bashokan

ร้าน Ekimae Bashokan เป็นร้านอาหารที่ขึ้นชื่อเรื่อง วังกะโซบะ (Wanko Soba)  ซึ่งเป็นอาหารท้องถิ่นของจังหวัดอิวาเตะ การรับประทานโซบะที่เสิร์ฟในชามเล็ก ๆ ทีละคำ โดยมีพนักงานคอยเติมให้เรื่อย ๆ จนกว่าเราจะอิ่มและปิดฝาชามเพื่อบอกว่าพอแล้ว ที่ร้าน Ekimae Bashokan จะมีวิธีการเสิร์ฟที่แตกต่างจากร้านวังกะโซบะแบบทั่วไปที่เน้นการแข่งขันว่าใครจะกินได้เยอะที่สุด โดยที่นี่จะเสิร์ฟโซบะในชามใหญ่ให้ตั้งแต่แรกเลย ทำให้ลูกค้าสามารถทานได้ตามจังหวะของตัวเอง ไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนคอยเติมให้ตลอดเวลาเหมือนกับร้านอื่น ๆ ที่เน้นประสบการณ์แบบดั้งเดิม ร้านนี้เป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่ต้องการมาลองชิมวังกะโซบะแบบสบาย ๆ ไม่ต้องรีบ

・วิธีเดินทาง: นั่งรถไฟท้องถิ่นไปสถานีฮิราอิซูมิ (Hiraizumi) ร้านจะอยู่ใกล้สถานี เดินไปเพียง 1 นาทีเท่านั้น

・เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 10:00 – 15:00 น.

・ค่าใช้จ่าย: เมนูเริ่มต้นที่ 2,000 เยน

・MAP: https://maps.app.goo.gl/5eGmsRMNAhC5Qebz9

★ 13:30 – 14:15 น. เที่ยวชมวัดโมสึจิ (Motsuji Temple)

Motsuji Temple

วัดโมสึจิ เป็นวัดพุทธของนิกายเทนไดที่ตั้งอยู่ในเมืองฮิราอิซูมิ จังหวัดอิวาเตะ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของ UNESCO ในปี 2011 วัดนี้ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.850 แต่ตัวอาคารดั้งเดิมได้ถูกทำลายไปจนหมดจากภัยพิบัติไฟไหม้หลายครั้ง สิ่งที่ยังคงหลงเหลือและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างมากคือ สวนพุทธธรรมแดนสุขาวดี (Pure Land Garden) และฐานรากของอาคารต่าง ๆ 

ไฮไลต์ของที่นี่คือ สวนพุทธธรรมแดนสุขาวดี ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ยังคงหลงเหลืออยู่ของสวนสไตล์พุทธในยุคเฮอัน (Heian period) ที่ออกแบบตามหลักการจัดสวนที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น สวนมีสระน้ำขนาดใหญ่ที่เรียกว่า สระโออิซึมิไกเกะ (Oizumi ga Ike Pond) เป็นศูนย์กลาง ซึ่งให้ทัศนียภาพที่งดงาม สามารถเดินเที่ยวชมความงามได้ตามใจชอบ เพื่อดื่มด่ำความสงบของวัดเป็นการรักษาจิตใจที่เหนื่อยล้ามานานได้เป็นอย่างดี และส่วนของวิหารหลัก (Hondo) วิหารหลักที่เห็นในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่ตามแบบดั้งเดิม และภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางหายป่วย ซึ่งว่ากันว่าศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องการขอพรให้สุขภาพดี

・วิธีเดินทาง: วัดโมสึจิสามารถเดินทางได้สะดวกจากสถานีฮิราอิซูมิ ใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาที ระยะทาง 700 เมตร หรือจะใช้บริการรถบัสวนรอบเมือง (Hiraizumi Loop Bus “Run Run”) ก็ได้

・เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 08:30 – 17:00 น. (ช่วงฤดูหนาว 5 พ.ย. – 4 มี.ค. เปิดถึง 16:30 น.)

・ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 700 เยน, นักเรียนมัธยมปลาย 400 เยน, นักเรียนประถมและมัธยมต้น 200 เยน

・MAP: https://maps.app.goo.gl/YyjruCMpy88gzLPx5

★ 14:30 – 16:30 น. เที่ยวชมหมู่สถาปัตยกรรมวัดชูซนจิ (Chuson-ji Temple Complex)

Chuson-ji Temple Complex

หมู่สถาปัตยกรรมวัดชูซนจิ เป็นวัดพุทธนิกายเทนไดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างมาก ตั้งอยู่ในเมืองฮิราอิซูมิ จังหวัดอิวาเตะ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของ UNESCO ในปี 2011 ถ้าเดินทางไปเที่ยวชมห้ามพลาดไฮไลต์สำคัญของวัดอย่าง วิหารทองคำ (Konjikido) สมบัติล้ำค่าที่สุดของวัด เป็นอาคารขนาดเล็กที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1124 และเป็นสิ่งก่อสร้างเดียวที่รอดพ้นจากภัยพิบัติไฟไหม้ ภายในและภายนอกถูกปิดด้วยทองคำเปลวและตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง สะท้อนถึงความรุ่งเรืองของตระกูลโอชู ฟูจิวาระ

พิพิธภัณฑ์ซังโคโซ (Sankōzō Museum) จัดแสดงสมบัติและโบราณวัตถุกว่า 3,000 ชิ้นของวัด ซึ่งรวมถึงรูปปั้นพระพุทธรูปและพระคัมภีร์ที่มีความสำคัญทางวัฒนธรรม และเดินตามเส้นทางเดินสึคิมิซากะ (Tsukimizaka Slope) เส้นทางหลักสู่ตัววัดที่รายล้อมไปด้วยต้นสนซีดาร์ญี่ปุ่นอายุกว่า 300 ปี ให้บรรยากาศที่เงียบสงบและงดงาม บรรยากาศอันเงียบสงบเป็นเหมือนการเยียวยาจิตใจได้เป็นอย่างดีเลย

・วิธีเดินทาง: นั่งรถบัส Jusnki bus จากวัดโมสึจิไปยังป้ายวัดชูซนจิ (Chusonji stop)

・เวลาทำการ: เปิดทุกวัน (ฤดูร้อน ประมาณวันที่ 1 มีนาคม – 3 พฤศจิกายน เปิดตั้งแต่ 08:30 – 17:00 น. ฤดูหนาว ประมาณวันที่ 4 พฤศจิกายน – สิ้นเดือนกุมภาพันธ์จะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 08:30 – 16:30 น.)

・ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 1,000 เยน, นักเรียนมัธยมปลาย 700 เยน, นักเรียนมัธยมต้น 500 เยน, นักเรียนประถม 300 เยน

・MAP: https://maps.app.goo.gl/9qFL7KuZdfJKCYmr8

★ 16:40 – 17:10 น. เดินกลับสถานีฮิราอิซูมิ แวะดูของฝาก

★ 19:00 – 19:15 น. เช็กอินที่โรงแรม Hotel Metropolitan Morioka

Hotel Metropolitan Morioka

โรงแรมเมโทรโพลิแทน โมริโอกะ เป็นโรงแรมระดับ 3 ดาวที่ได้รับคะแนนรีวิวสูงจากผู้เข้าพัก มี 2 อาคารหลักคือ Hotel Metropolitan Morioka และ Hotel Metropolitan Morioka New Wing ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ JR Morioka ซึ่งทำให้เดินทางสะดวกมาก

・วิธีเดินทาง: เดินทางด้วยรถไฟ JR สาย Tohoku Line จากสถานีฮิราอิซูมิ ไปสถานีโมริโอกะ ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 28 นาที และเดินต่ออีก 350 เมตร ไปยังโรงแรม

・ค่าที่พัก: ราคาห้องพักเริ่มต้นประมาณ 8,400 เยน

・MAP: https://maps.app.goo.gl/NLBzPjfPZZBqqRUy5

★ 19:30 – 21:00 น. รับประทานอาหารเย็นที่ร้าน Seiroukaku (Yakiniku)

Seiroukaku

ร้าน Seiroukaku เป็นร้านปิ้งย่างที่โด่งดังในเมืองโมริโอกะ และเป็นที่รู้จักจากเมนู “โมริโอกะ เรเม็ง (Morioka Reimen)” หนึ่งในสามเมนูเส้นขึ้นชื่อของเมืองนี้ (อีกสองเมนู คือ Wanko Soba และ Jajamen) เรเม็งของที่นี่มีจุดเด่นอยู่ที่เส้นที่ทำจากแป้งข้าวสาลีและแป้งมันฝรั่ง ทำให้เหนียวนุ่มเป็นเอกลักษณ์ เสิร์ฟในน้ำซุปที่ทำจากกระดูกเนื้อวัว รสชาติกลมกล่อมและสดชื่น ทานคู่กับเนื้อย่างปิ้งย่างที่หมักมาอย่างดี รับรองว่ารสชาติต้องอร่อยติดใจ

・วิธีเดินทาง: ร้าน Seiroukaku ตั้งอยู่ห่างจากโรงแรม Hotel Metropolitan Morioka เพียง 170 เมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 2 นาทีเท่านั้น

・เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 11:00 น. – 24:00 น.

・ค่าใช้จ่าย: อาหารกลางวันเริ่มต้นที่ 2,000 เยน, อาหารเย็นเริ่มต้นที่ 5,000 เยน

・MAP: https://maps.app.goo.gl/ra4LN1Gab69kr9TG7


วันที่ 2 : ชมพิพิธภัณฑ์สุดอลังการ 2 แห่ง ตามรอยเรื่องเล่าในอดีตที่น่าจดจำ

★ 06:30 – 07:30 น. รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม Hotel Metropolitan Morioka

ทางโรงแรมมีบริการอาหารเช้า สามารถรับประทานในโรงแรมได้เลยอย่างสะดวกสบาย

★ 07:30 – 07:35 น. เช็กเอาต์โรงแรม Hotel Metropolitan Morioka

★ 07:50 – 09:20 น. เดินทางไปสถานีอาโอโมริ (Aomori)

Aomori Station

・วิธีเดินทาง: นั่ง Tohoku Shinkansen รอบ 07:59 น. จากสถานีโมริโอกะ ไปยังสถานีชินอาโอโมริ (Shin-Aomori) จากนั้นนั่งรถไฟท้องถิ่นสาย Ou Line ไปลงที่สถานีอาโอโมริ (Aomori)

・MAP: https://maps.app.goo.gl/RAEe9yQuj1huKtHUA

★ 09:20 – 09:30 น. ฝากสัมภาระที่โรงแรม Hotel Route-Inn Aomori Ekimae

Hotel Route-Inn Aomori Ekimae

・วิธีเดินทาง: โรงแรมอยู่บริเวณหน้าสถานีรถไฟ เดินไปเพียง 1 นาทีเท่านั้น

・MAP: https://maps.app.goo.gl/gcSeJog5X5aM8GBe8

★ 09:35 – 11:00 น. เที่ยวชมพิพิธภัณฑ์เนบูตะ (Nebuta Museum WA RASSE)

Nebuta Museum WA RASSE

พิพิธภัณฑ์เนบูตะ วะ รัสเสะ เป็นสถานที่ที่จัดแสดงเรื่องราวและศิลปะของเทศกาลอาโอโมริเนบูตะ (Aomori Nebuta Festival) ซึ่งเป็นหนึ่งในเทศกาลที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น คำว่า “วะ รัสเสะ” (WA RASSE) มาจากเสียงเชียร์ “ราสเซ-รา” ที่ผู้เข้าร่วมเทศกาลตะโกนกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพลังแห่งการเฉลิมฉลอง และคำว่า “วะ” (WA) ยังหมายถึงวงแหวนหรือความกลมเกลียวอีกด้วย

เทศกาลเนบูตะมีประวัติศาสตร์ยาวนาน โดยเชื่อว่ามีต้นกำเนิดมาจากการผสมผสานระหว่างประเพณีท้องถิ่นกับเทศกาลทานาบาตะ (Tanabata) ที่จัดขึ้นเพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้ายในฤดูร้อน ไฮไลต์ของเทศกาลคือ ขบวนแห่โคมไฟยักษ์ ที่สร้างสรรค์เป็นรูปนักรบในประวัติศาสตร์และเทพนิยาย ตัวโคมไฟมีขนาดใหญ่โตอลังการและใช้ไฟส่องสว่างจากด้านใน ทำให้เกิดภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจในยามค่ำคืน

ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีโคมไฟเนบูตะขนาดยักษ์จัดแสดงอยู่ เรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นที่สุดของที่นี่ โคมที่จัดแสดงอยู่เป็นโคมไฟเนบูตะจริงที่เคยใช้ในขบวนแห่ในอดีต ซึ่งมีขนาดใหญ่และเต็มไปด้วยรายละเอียดที่น่าทึ่ง ทำให้คุณสามารถชมความวิจิตรงดงามของแต่ละชิ้นได้อย่างใกล้ชิด มีการจัดแสดงภาพถ่ายและประวัติความเป็นมาของเทศกาล รวมถึงแสดงให้เห็นถึงขั้นตอนการสร้างสรรค์โคมไฟที่ซับซ้อน ตั้งแต่การขึ้นโครง การวาดภาพ ไปจนถึงการติดกระดาษ นักท่องเที่ยวสามารถทดลองตีกลองและเครื่องดนตรีอื่น ๆ ที่ใช้ในเทศกาลได้ รวมถึงมีพื้นที่ให้ลองสร้างโคมไฟเนบูตะขนาดเล็กด้วยตนเองอีกด้วย

・วิธีเดินทาง: เดินทางจากโรงแรม Hotel Route-Inn Aomori Ekimae ไปเพียง 2 นาที ระยะทาง 110 เมตร

・เวลาทำการ: เปิดทุกวัน เดือนพฤษภาคม – สิงหาคม ตั้งแต่เวลา 09:00 – 19:00 น. (รอบสุดท้ายเข้าชมเวลา 18:30 น.), เดือนกันยายน – เมษายน ตั้งแต่เวลา 09:00 – 18:00 น. (รอบสุดท้ายเข้าชมเวลา 17:30 น.) ปิดทำการทุกวันที่ 31 ธันวาคม และ 1 มกราคม และวันที่ 9-10 สิงหาคม (เนื่องจากมีการเปลี่ยนโคมไฟเนบูตะที่จัดแสดง)

・ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 620 เยน, นักเรียนมัธยมปลาย 460 เยน และนักเรียนประถม/มัธยมต้น 260 เยน

・MAP: https://maps.app.goo.gl/KHxESbVXMmJxnijK7

★ 11:20 – 12:15 น. เที่ยวชมเรือเฟอร์รี่อนุสรณ์ (Seikan Train Ferry Memorial Ship)

Seikan Train Ferry Memorial Ship

เรือเฟอร์รี่อนุสรณ์เซคัง หรือที่รู้จักกันในชื่อเรือ “ฮักโกดะมารุ (Hakkoda-maru)” เป็นเรือข้ามฟากที่เคยให้บริการระหว่างเกาะฮอนชู เมืองอาโอโมริและเกาะฮอกไกโด เมืองฮาโกดาเตะ มายาวนานกว่า 80 ปี จนกระทั่งอุโมงค์รถไฟเซคังเปิดใช้งานในปี 1988 ปัจจุบันเรือลำนี้ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จอดเทียบท่าอย่างถาวรที่ท่าเรืออาโอโมริ

เรือฮักโกดะมารุเป็นสัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของท่าเรืออาโอโมริ ภายในเรือถูกปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวการเดินเรือในอดีต รวมถึงการขนส่งรถไฟข้ามช่องแคบ ซึ่งเป็นสิ่งที่หาชมได้ยากในปัจจุบัน ผู้เข้าชมสามารถสำรวจพื้นที่ต่าง ๆ ของเรือได้อย่างใกล้ชิด เช่น สะพานเดินเรือ (Bridge) ห้องวิทยุสื่อสาร ห้องเครื่องยนต์ และที่สำคัญคือส่วนของดาดฟ้าเรือที่เคยใช้บรรทุกขบวนรถไฟ

บนเรือมีการจัดแสดงรถไฟเก่าแก่จากยุค Japan National Railway (JNR) รวมถึงรถดีเซลหัวรถจักรและตู้สินค้า ซึ่งช่วยให้เห็นภาพการทำงานของเรือข้ามฟากประเภทนี้ นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงรูปภาพและแบบจำลองที่บอกเล่าประวัติศาสตร์อันยาวนานของเส้นทางเดินเรือนี้ พร้อมกับรายละเอียดทางวิศวกรรมที่น่าสนใจ เป็นการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์อีกมุมที่นักท่องเที่ยวนิยมมา

・วิธีเดินทาง: เดินจากพิพิธภัณฑ์เนบูตะ วะ รัสเสะ ไปเรือเฟอร์รี่อนุสรณ์เซคัง ระยะทาง 350 เมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 นาที

・เวลาทำการ: เปิดทุกวัน เดือนเมษายน – ตุลาคม 09:00 – 19:00 น. สามารถเข้าชมรอบสุดท้ายเวลา 18:00 น., เดือนพฤศจิกายน – มีนาคม 09:00 – 17:00 น. เข้าชมรอบสุดท้ายเวลา 16:30 น. (เวลาปิดทำการ เดือนพฤศจิกายน-มีนาคม ปิดทำการทุกวันจันทร์ หากวันจันทร์เป็นวันหยุดราชการ จะปิดทำการในวันอังคารแทน, วันที่ 31 ธันวาคม และ 1 มกราคม, สัปดาห์ที่สองของเดือนมีนาคม)

・ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 510 เยน, นักเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลาย 310 เยน, นักเรียนประถม 110 เยน

・MAP: https://maps.app.goo.gl/NMMTfzX52a57HmGLA

★ 12:30 – 13:50 น. รับประทานอาหารกลางวันที่ Aomori Gyosai Center

Aomori Gyosai Center

Aomori Gyosai Center หรือที่รู้จักในชื่อ ตลาดปลาฟุรุกะวะ (Furukawa Fish Market) เป็นตลาดปลาสาธารณะในเมืองอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น ที่มีชื่อเสียงจากเมนู “นกเกะด้ง” (Nokke-Don) ซึ่งเป็นประสบการณ์การทำข้าวหน้าปลาดิบในแบบฉบับตัวเอง ตลาดแห่งนี้เป็นเหมือน “ห้องครัวของชาวเมือง” ที่ขายอาหารทะเลสดใหม่ที่ส่งตรงจากท่าเรืออาโอโมริ เป็นสถานที่ที่จะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นอย่างแท้จริง ทั้งคนทำงานที่มาทานอาหารเช้าหรือคุณยายที่มาเลือกซื้อปลาสำหรับมื้อเย็น

นกเกะด้ง (Nokke-Don) คือไฮไลต์ของตลาดแห่งนี้ ใครที่อยากทดลองเมนูนี้สามารถซื้อคูปอง เช่น ชุด 12 ใบ ราคา 2,000 เยน แล้วนำไปแลกเป็นวัตถุดิบที่ต้องการจากแผงค้ากว่า 30 ร้านค้าเพื่อนำมาวางบนข้าวสวยร้อน ๆ ที่ซื้อมา ทำให้เมนูนี้สามารถเลือกครีเอตได้หลายรูปแบบ ไม่เพียงแค่ปลาดิบชนิดต่าง ๆ เท่านั้นแต่ยังสามารถเลือกหอยเชลล์, ไข่ปลาแซลมอน และของกินอื่น ๆ ได้อีกด้วย

・วิธีเดินทาง: เดินจากเรือเฟอร์รี่อนุสรณ์ ไป Aomori Gyosai Center ประมาณ 10 นาที ระยะทาง 850 เมตร

・เวลาทำการ: 07:00 – 16:00 น. (ปิดวันอังคาร)

・ค่าใช้จ่าย: แล้วแต่ราคาคูปองที่เลือกซื้อ ราคาเริ่มตั้งแต่ 650 เยน

・MAP: https://maps.app.goo.gl/KkE36njoqiQXtzKK9

★ 15:20 – 16:45 น. เที่ยวชมปราสาทฮิโรซากิ (Hirosaki Castle)

Hirosaki Castle

ปราสาทฮิโรซากิ (Hirosaki Castle) เป็นหนึ่งในสมบัติทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่สุดของญี่ปุ่นในภูมิภาคโทโฮคุ และเป็นสัญลักษณ์ของเมืองฮิโรซากิ จังหวัดอาโอโมริ ปราสาทแห่งนี้สร้างเสร็จในปี ค.ศ.1611 โดย สึงารุ โนบุฮิระ (Tsugaru Nobuhira) ขุนนางศักดินาแห่งตระกูลสึงารุ โดยเป็นศูนย์กลางการปกครองแคว้นฮิโรซากิมานานกว่า 200 ปี

ปราสาทหลักดั้งเดิม คือ หอคอยปราสาทหลัก (Tenshu) เดิมมี 5 ชั้น แต่ถูกฟ้าผ่าและถูกไฟทำลายในปี ค.ศ.1627 ส่วนปราสาทปัจจุบัน (Tenshu) ถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ.1810 มีเพียง 3 ชั้น ซึ่งมีความโดดเด่นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นปราสาทดั้งเดิมเพียงแห่งเดียวในภูมิภาคโทโฮคุ และเป็นหนึ่งใน 12 ปราสาทดั้งเดิมของญี่ปุ่น (Edo-era original castles) ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ โครงสร้างหลักของปราสาท 9 แห่ง ได้แก่ หอคอยปราสาท, ประตู 5 บาน, และป้อมปราการ (Yagura) 3 แห่ง ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ

บริเวณรอบปราสาทถูกพัฒนาให้เป็น สวนฮิโรซากิ (Hirosaki Park) ซึ่งมีชื่อเสียงระดับประเทศในการจัดเทศกาลตลอดทั้งปี ในฤดูใบไม้ผลิช่วงเดือนเมษายน – พฤษภาคม จะมีเทศกาลซากุระฮิโรซากิ (Hirosaki Cherry Blossom Festival) เทสกาลนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งใน “สามจุดชมซากุระที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น” เพราะมีต้นซากุระกว่า 2,600 ต้น ในช่วงฤดูนี้จะมีปรากฏการณ์ ฮานะอิกาดะ (Hanaikada) หรือ “แพดอกไม้” ที่กลีบซากุระร่วงลงปกคลุมผิวน้ำในคู และการชม โยซากุระ (Yozakura) หรือซากุระยามค่ำคืนที่ประดับไฟอย่างสวยงาม

ในฤดูใบไม้ร่วง ช่วงเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน มีเทศกาลดอกเบญจมาศและใบไม้เปลี่ยนสีจัดขึ้น ช่วงนี้ต้นเมเปิลและต้นซากุระหลายพันต้นจะเปลี่ยนเป็นสีแดงและเหลืองทองงดงาม มีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวไปอีกแบบ และฤดูหนาวช่วงกุมภาพันธ์ จะมีเทศกาลโคมไฟหิมะฮิโรซากิ (Snow Lantern Festival) ทั่วทั้งสวนจะประดับประดาด้วยโคมไฟหิมะและรูปปั้นหิมะขนาดเล็กจำนวนมาก สร้างบรรยากาศที่สวยงามตระการตาในฤดูหนาว โรแมนติกสุด ๆ

・วิธีเดินทาง: เดินกลับไปที่สถานีอาโอโมริ นั่งรถไฟท้องถิ่นจากสถานีอาโอโมริ ไปสถานีฮิโรซากิ (Hirosaki) จากนั้นนั่งรถบัสสาย 1 จากสถานีฮิโรซากิ ไปยังป้าย Shiyakusho-mae และเดินประมาณ 6 นาที ระยะทาง 450 เมตร ไปยังปราสาทฮิโรซากิ

・เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 09:00 – 17:00 น.ช่วงซากุระบาน จะเปิดเวลา 07:00 น. – 21:00 น.(ปราสาทหลักปิดช่วง 1 เมษายน – 23 พฤศจิกายน)

・ค่าเข้าชม: ค่าเข้าชมปราสาท ผู้ใหญ่ 320 เยน / เด็ก 100 เยน หรือตั๋วรวมสวนพฤษศาสตร์และสวนอนุสรณ์ฟุจิตะ ราคา 520 เยน

・MAP: https://maps.app.goo.gl/CxKyZeWdvyJshMcU6

★ 17:15 – 17:35 น. แวะซื้อของฝากที่สถานีฮิโรซากิ (Hirosaki)

・วิธีเดินทาง: นั่งรถบัสสาย 1 จากป้าย Shiyakusho-mae ไปลงสถานีฮิโรซากิ

・MAP: https://maps.app.goo.gl/od3wVtTSjnA2P8iW8

★ 18:30 – 18:45 น. เช็กอินที่โรงแรม Hotel Route-Inn Aomori Ekimae

Hotel Route-Inn Aomori Ekimae

・วิธีเดินทาง: นั่งรถไฟท้องถิ่นจากสถานีสถานีฮิโรซากิ ไปสถานีอาโอโมริ และเดินต่อ 1 นาที ไปยังโรงแรม

・ค่าที่พัก: ประมาณ 14,000 เยน/คืน

・MAP: https://maps.app.goo.gl/VMbUByd9JjypiYni6

★ 19:00 – 20:30 น. รับประทานอาหารเย็นที่ร้าน Idobata Ekimae

Idobata Ekimae

Idobata เป็นร้านอิซากายะ (Izakaya) เก่าแก่และมีชื่อเสียงในเมืองอาโอโมริ โดยเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของเมนูเครื่องในย่างและตุ๋น (Motsu-yaki and Motsu-nikomi) ร้าน Idobata ก่อตั้งขึ้นในปีเดียวกันกับที่กรุงโตเกียวเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกครั้งแรก คือ ปี ค.ศ.1964 ทำให้ร้านแห่งนี้เป็นหนึ่งในอิซากายะ (Izakaya) เก่าแก่ในตำนาน และเป็นสัญลักษณ์ของย่านหน้าสถานีอาโอโมริที่ยังคงหลงเหลืออยู่

ร้านนี้ตั้งอยู่หันหน้าเข้าสู่ลานวงเวียนหน้าสถานีอาโอโมริ โดยมีโคมแดง (赤ちょうちん – Aka Chochin) เป็นจุดสังเกต ซึ่งสื่อถึงความเป็นโรงเตี๊ยม/ร้านเหล้าแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของยุคที่สถานีอาโอโมริยังคงคึกคักร้านนี้ถูกรักและเป็นที่นิยมในหมู่คนทำงานในพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่แต่งชุดสูท (Salarymen) ที่แวะมาดื่มเบียร์กับเครื่องในย่างก่อนกลับบ้านหลังเลิกงาน  

เมนูซิกเนเชอร์ที่ไม่ควรพลาด ลูกค้ากว่า 80% ต้องสั่งคือเมนู “Motsu-nikomi เครื่องในตุ๋น” เป็นเครื่องในที่ตุ๋นใน ซอสมิโสะแดง (Red Miso) ซึ่งมีรสชาติเข้มข้น และมีรสชาติที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนับตั้งแต่เปิดร้านในปี 1964 เครื่องในที่ใช้จะมีความนุ่มและไม่มีกลิ่นคาว ทำให้แม้แต่ผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับเมนูเครื่องในก็สามารถเพลิดเพลินได้ และ “Yakitori  Motsu-yaki ไก่ย่างและเครื่องในย่างเสียบไม้” เสิร์ฟทั้งส่วนของเครื่องในหมู (Motsu) และเนื้อสัตว์อื่น ๆ เช่น ไก่หรือลิ้นวัว โดยมีให้เลือกทั้งแบบซอสทาเระ (Tare – ซอสหวาน) หรือแบบเกลือ (Shio)

・วิธีเดินทาง: เดินจากสถานีอาโอโมริ ประมาณ 2 นาที

・เวลาทำการ: 16:30 – 22:30 น. (ปิดวันอาทิตย์)

・ค่าใช้จ่าย: ประมาณ 2,000 – 4,000 เยน

・MAP: https://maps.app.goo.gl/mSv8yJVVSNNY3mXK6

★ 20:40 น. กลับโรงแรม Hotel Route-Inn Aomori Ekimae


วันที่ 3 : สูดอากาศบริสุทธิ์ กินลมชมวิวธรรมชาติแบบพาโนรามา

★ 07:00 – 08:00 น. รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม Hotel Route-Inn Aomori Ekimae

★ 08:30 – 08:45 น. รับรถเช่าที่ JR Rent A Car สาขาสถานีชินอาโอโมริ

・วิธีเดินทาง: นั่งรถไฟท้องถิ่นจากสถานีอาโอโมริ ไปยังสถานีชินอาโอโมริ

・MAP: https://maps.app.goo.gl/UPS72Z2c4cYzDXyW6

★ 09:30 – 11:00 น. ขึ้นกระเช้าฮักโกดะ (Hakkoda Ropeway)

Hakkoda Ropeway

กระเช้าฮักโกดะ (Hakkoda Ropeway) ตั้งอยู่ในเทือกเขาฮักโกดะ จังหวัดอาโอโมริ เป็นจุดชมวิวธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่และสวยงามตระการตาตลอดทั้งสี่ฤดู ถือเป็นหัวใจสำคัญของการท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติโทวาดะ-ฮาจิมันไต (Towada-Hachimantai National Park) เลยทีเดียว กระเช้าจะพาขึ้นสู่ยอดเขาทาโมยาชิดาเกะ (Mount Tamoyachi) ที่มีความสูง 1,324 เมตร ระยะทางรวมเกือบ 2.6 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางเที่ยวละประมาณ 10 นาที กระเช้าแต่ละคันสามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 101 คน

ไฮไลต์ของการนั่งกระเช้าฮักโกดะชมวิวมุมสูงแต่ละฤดูนั้นมีเสน่ห์แตกต่างกันไป โดยที่ช่วงฤดูใบไม้ผลิตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม จะสามารถชมทิวทัศน์ของพืชพรรณอัลไพน์และดอกไม้ป่านานาพรรณ พอมาถึงฤดูร้อนก็สามารถชมทุ่งดอกไม้ป่า และเดินตามเส้นทางเดินป่าไปยังหนองน้ำและสระน้ำต่าง ๆ ที่กระจายอยู่รอบพื้นที่ ฤดูใบไม้ร่วง ช่วงปลายกันยายน – กลางตุลาคม เป็นช่วงที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากจะได้ชมสีสันของใบไม้เปลี่ยนสีที่ไล่ระดับสีแดง เหลือง ส้ม ปกคลุมเทือกเขาอย่างอลังการ และยังเป็นจุดที่ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีก่อนใครในภูมิภาคโทโฮคุด้วย ส่วนฤดูหนาว ประมาณเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ จะเป็นช่วงที่สวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจที่สุด เพราะจะได้ชม “ปีศาจหิมะ” (Snow Monsters หรือ Juhyo) ซึ่งเกิดจากไอน้ำแข็งที่จับตัวบนกิ่งก้านของต้นไม้จนกลายเป็นรูปร่างประหลาดคล้ายสัตว์ประหลาดหรือรูปปั้นน้ำแข็งขนาดใหญ่ ฮักโกดะเป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งในญี่ปุ่น (ร่วมกับภูเขาซาโอะ) ที่มีสภาพอากาศเหมาะสมในการก่อตัวของปีศาจหิมะเหล่านี้

・วิธีเดินทาง: ขับรถไปตามถนนหมายเลข 2478 ตัดเข้าไปต่อที่ หมายเลขที่ 7 / ถนนหมายเลข 44 มุ่งไปยังถนนหลักเส้น 103 ใช้ระยะเวลาประมาณ 42 นาที

・เวลาทำการ: ฤดูร้อน – ใบไม้ร่วง (มี.ค. – ต้น พ.ย.) เปิดทำการเวลา 09:00 น. ถึงเที่ยวสุดท้ายประมาณ 16:20 น. / ฤดูหนาว (กลาง พ.ย. – ก.พ.) เปิดทำการเวลา 09:00 น. ถึงเที่ยวสุดท้ายประมาณ 15:40 น. แต่ควรตรวจสอบเวลาและสภาพอากาศก่อนเดินทาง เนื่องจากอาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือปิดให้บริการเนื่องจากลมแรง

・ค่าบริการ: ราคาไป-กลับผู้ใหญ่ (นักเรียนมัธยมต้นขึ้นไป) ประมาณ 2,200 เยน

・MAP: https://maps.app.goo.gl/rLXYdH44qkEfFP9x5

★ 12:30 – 13:15 น. รับประทานอาหารกลางวันที่ร้าน Kattaya Mizuumitei

Kattaya Mizuumitei

ร้าน Kattaya Mizuumitei เป็นร้านอาหารท้องถิ่นที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากนักท่องเที่ยวที่มาเดินชมลำธารโออิราเสะ เนื่องจากตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวกสบายบริเวณ เนโนคุจิ (Nenokuchi) ซึ่งเป็นต้นน้ำของลำธารโออิราเสะที่เชื่อมต่อกับทะเลสาบโทวาดะ (Lake Towada) ร้านนี้ให้บริการอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะอาหารที่ให้ความอบอุ่นและสบายท้อง มีอูด้งและโซบะเป็นเมนูพื้นฐานที่หลายคนสั่งและให้ความเห็นว่ารสชาติดี เมนูข้าวหน้าเนื้อ ก็ได้รับคำชมจากนักรีวิวที่มีความเห็นตรงกันว่าอร่อยมาก 

ส่วนเมนูปลาชิชาโมะ เป็นอาหารพื้นเมืองที่หาได้ในท้องถิ่นที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวว่ามาแล้วต้องลองชิม พลาดไม่ได้กับเมนูซาชิมิปลาโคคาเนะ (Kokanee sashimi) และ คิริทันโปะ (Kiritanpo) อาหารท้องถิ่นอีกเมนูที่ได้รับคำชมในเรื่องของรสชาติ บรรยากาศและการบริการของร้านเป็นบรรยากาศสบาย ๆ เหมือนบ้านพนักงานมีความใส่ใจและสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้บ้าง นอกจากนี้ยังมีเมนูภาษาอังกฤษให้บริการด้วย มีบริเวณที่นั่งเสื่อทาทามิ (Tatami mat) และเก้าอี้ปกติ พร้อมวิวที่สวยงามของทะเลสาบโทวาดะ

・วิธีเดินทาง : ขับรถจากกระเช้าฮักโกดะไปตามถนนหมายเลข 103 เป็นเวลา 44 นาที

・ที่จอดรถ : จอดรถใกล้ลำธารโออิราเสะ

・เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 09:00 – 15:00 น.

・ค่าใช้จ่าย : ราคาเริ่มต้น 1,300 เยน

・MAP : https://maps.app.goo.gl/agMKgK8gdwHUVnry9

★ 13:15 – 13:55 น. เดินเที่ยวไป-กลับเลียบลำธารโออิราเสะ (Oirase Stream)

Oirase Stream

ลำธารโออิราเสะ (Oirase Stream) เป็นหนึ่งในเส้นทางธรรมชาติที่สวยงามและมีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น ลำธารนี้มีความยาวตลอดสายประมาณ 14 กิโลเมตร ไหลจากทะเลสาบโทวาดะ ไปยังยาเกะยามะ ตลอดเส้นทางมีที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกและกระแสน้ำเชี่ยวไฮไลต์ที่แรกคือ น้ำตกโชชิ โอทากิ เป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดของลำธารโออิราเสะ มีความสูงประมาณ 7 เมตร และกว้าง 20 เมตร เรียกได้ว่าเป็น “ประตูสู่ลำธารโออิราเสะ” ก็ว่าได้ น้ำตกแห่งนี้เป็นจุดที่มีสายน้ำไหลลงมาอย่างทรงพลังและสวยงามตระการตา

น้ำตกคุโมอิ น้ำตกสองชั้นที่มีความสูงถึง 25 เมตร ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในน้ำตกที่ยิ่งใหญ่และทรงพลังที่สุด สามารถเดินเข้าไปใกล้ฐานน้ำตกเพื่อสัมผัสกับพลังของสายน้ำได้อย่างเต็มที่กระแสน้ำอาชูระ เป็นจุดที่มีกระแสน้ำไหลเชี่ยวและรวดเร็วที่สุดในบรรดาทางน้ำไหลทั้งหมดของโออิราเสะ มีโขดหินมากมายเรียงรายอยู่ในลำธาร สร้างภาพของสายน้ำที่พุ่งทะยานและสับสนวุ่นวายได้อย่างงดงาม ถือเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยม 

รวมทั้งกระแสน้ำซามิดาเระ เป็นหนึ่งในลำธารที่เป็นตัวแทนของโออิราเสะ มีลักษณะพิเศษคือมีน้ำไหลช้าและมีปริมาณน้ำมาก ลำธารที่แยกกันสามสายไหลมารวมกันและเกิดฟองสีขาวลอยขึ้นมา เป็นจุดที่จะได้เห็นลักษณะของลำธารโออิราเสะได้อย่างชัดเจน โดยมีมอสและพืชต่าง ๆ เติบโตบนหินอย่างอุดมสมบูรณ์ และอิชิเกโดะ เป็นจุดพักหลักและลานจอดรถที่สำคัญของเส้นทางเดินป่า มีร้านขายของที่ระลึกและเป็นจุดเริ่มต้นหรือสิ้นสุดการเดินที่สะดวกที่สุด

・วิธีเดินทาง : เดินเลียบจากลานจอดรถ

・MAP : https://maps.app.goo.gl/MJWKBGM58jzof24L6

★ 14:40 – 15:30 น. ล่องเรือทะเลสาบโทวาดะ (Lake Towada Cruise)

Lake Towada Cruise

การล่องเรือชมทิวทัศน์ทะเลสาบโทวาดะ (Lake Towada Sightseeing Cruise) เป็นกิจกรรมที่พลาดไม่ได้เลยหากใครอยากชมธรรมชาติอย่างใกล้ชิด เพราะจะได้ชมทัศนียภาพอันงดงามของทะเลสาบที่ถูกโอบล้อมด้วยภูเขาและคาลเดรา (Caldera) โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงกลางเดือนพฤศจิกายนจะสวยงามเป็นพิเศษ 

เรือสำราญมี 2 เส้นทางหลัก โดยมีท่าเรือหลักอยู่ที่ ยาสึมิยะ (Yasumiya) ซึ่งเป็นบริเวณที่มีลานจอดรถ คือ A Course (Nenokuchi – Yasumiya) ใช้เวลาในการล่องเรือประมาณ 50 นาที เส้นทางล่องเรือแบบเที่ยวเดียว (One-way) ระหว่างเนโนคุจิ (Nenokuchi) ซึ่งเป็นปากทางเข้าลำธารโออิราเสะ ไปยังยาสึมิยะ (Yasumiya) และ B Course (Yasumiya – Yasumiya) ใช้เวลาในการล่องเรือประมาณ 50 นาทีเช่นเดียวกัน เส้นทางการล่องเรือจะเป็นวงกลม (Circular Route) ออกจากท่าเรือยาสึมิยะ เพื่อล่องเรือชมทิวทัศน์รอบคาบสมุทรโอคุระ (Ogura Peninsula) และคาบสมุทรนากายามะ (Nakayama Peninsula) แล้วกลับมาที่ยาสึมิยะ

・วิธีเดินทาง : ขับรถตามทางหลวงหมายเลข 103 และ ทางหลวงหมายเลข 394 เลียบริมทะเลสาบ ใช้เวลาประมาณ 12 นาที

・ที่จอดรถ : ที่จอดรถทะเลสาบโทวาดะ

・เวลาทำการ : Circular Route (ยาสึมิยะ-ยาสึมิยะ) ล่องเรือทุก 1-2 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 08:45 – 16:00 น. / Nenokuchi ไป Yasumiya ล่องเรือทุก 2-3 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 11:00 – 16:00 น. / Yasumiya ไป Nenokuchi ล่องเรือทุก 2-3 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 09:30 – 14:45 น. 

・ค่าบริการ : ค่าโดยสารต่อเที่ยว ผู้ใหญ่ 1,650 เยน, เด็ก 880 เยน หากอยากล่องเรือบนห้องชั้นบน ผู้ใหญ่เพิ่ม 550 เยน, เด็กเพิ่ม 330 เยน

・MAP : https://maps.app.goo.gl/WtXMW3c3K2DsNkWY6

★ 15:30 – 16:00 น. เดินเล่นริมทะเลสาบ ถ่ายรูปกับรูปปั้น (Statue of Otome no zo)

★ 16:20 – 16:40 น. จุดชมวิวฮักกะโทเกะ (Hakka Toge Viewpoint)

Hakka Toge Viewpoint

จุดชมวิวฮักกะโทเกะ (Hakka Toge Viewpoint) หรือที่รู้จักในชื่อ Hakka Pass Viewing Platform เป็นหนึ่งในจุดชมทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดของทะเลสาบโทวาดะ ซึ่งตั้งอยู่บนพรมแดนระหว่างจังหวัดอาโอโมริและอาคิตะ จุดชมวิวแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 631 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล เป็นจุดที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเพราะสามารถมองเห็นทะเลสาบโทวาดะได้สวยงามที่สุด โดยทิวทัศน์ที่กว้างใหญ่เบื้องหน้าคือผิวน้ำสีฟ้าใสของทะเลสาบที่ถูกโอบล้อมด้วยแนวเทือกเขาที่เป็นขอบของแอ่งภูเขาไฟ (Caldera Rim) ที่ก่อกำเนิดทะเลสาบแห่งนี้ 

ช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดจะเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง ประมาณเดือนกันยายน-ตุลาคม, ฤดูใบไม้ผลิ ช่วงเดือนพฤษภาคม สามารถชมดอกซากุระภูเขาที่บานต้อนรับเต็มไปหมด, ฤดูร้อน ในเดือนมิถุนายน-สิงหาคม ก็จะสามารถชมป่าสีเขียวขจีและเพลิดเพลินกับกิจกรรมริมทะเลสาบ ส่วนฤดูหนาวเดือนพฤศจิกายน – เมษายน จะพบกับภาพทะเลสาบจะเงียบสงบปกคลุมด้วยหิมะ

・วิธีเดินทาง : ขับรถตามถนนสาย 103 เป็นระยะทางประมาณ 7.3 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 11 นาที

・เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 08:00 น. – 17:00 น. (ปิดให้บริการช่วงฤดูหนาว กลางเดือนพฤศจิกายน ถึงปลายเดือนเมษายนของทุกปี)

・MAP : https://maps.app.goo.gl/GM6r7ymm8ZXcYPou8

★ 18:20 – 18:45 น. คืนรถเช่า JR Rent A Car สาขาสถานีชินอาโอโมริ

・วิธีเดินทาง : ขับรถจากจุดชมวิวฮักกะโทเกะ ไป JR Rent A Car เป็นระยะทางประมาณ 95.2 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 19 นาที

・MAP : https://maps.app.goo.gl/zM7GdBxdkWBoztUu8

★ 18:50 – 20:00 น. รับประทานอาหารเย็นที่ Fish Restaurant Den สาขา Shin Aomori

Fish Restaurant Den

ร้าน Fish Restaurant Den สาขาชินอาโอโมริ เป็นจุดแวะพักที่สะดวกสบายมากสำหรับผู้ที่เดินทางโดยรถไฟชินคันเซ็น เพราะตั้งอยู่ภายในอาคารสถานีโดยตรง เป็นร้านอาหารทะเลที่เปิดให้บริการพร้อมกับการเปิดตัวของรถไฟชินคันเซ็นโทโฮคุที่สถานีชินอาโอโมริในปี 2010 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็น “ประตูสู่รสชาติอาหารทะเลของอาโอโมริ” สำหรับนักท่องเที่ยว

ร้านเน้นอาหารทะเลสดใหม่ที่ส่งตรงจากท่าเรือในท้องถิ่น โดยเฉพาะ ไคเซ็นด้ง (Kaisendon – ข้าวหน้าปลาดิบรวม) และ ปลาทูน่ามากุโระจากโอมา (Oma Maguro) ซึ่งเป็นปลาทูน่าที่มีชื่อเสียงที่สุดของจังหวัดอาโอโมริ บรรยากาศร้านเหมาะสำหรับทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นการแวะรับประทานอาหารกลางวันคนเดียว หรือมาเป็นครอบครัว มีบรรยากาศสบาย ๆ และรวดเร็ว ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาจำกัดก่อนขึ้นรถไฟ

・วิธีเดินทาง : เดินมายังชั้น 1 ภายในโซน “Aomori Shunmikan” ของอาคารสถานีชินอาโอโมริ

・เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 11:00 – 19:00 น.

・ค่าใช้จ่าย : อาหารกลางวัน เริ่มต้นที่ 1,000 เยน, อาหารเย็น เริ่มต้นที่ 2,000 เยน

・MAP : https://maps.app.goo.gl/enQsxhJtSdJWxa1P8

★ 20:25 น. พักผ่อนที่โรงแรม Hotel Route-Inn Aomori Ekimae

・วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟท้องถิ่นจากสถานีชินอาโอโมริ (Shin-Aomori) กลับสถานีอาโอโมริ (Aomori) และเดินต่อไปที่โรงแรม 5 นาที (ประมาณ 260 เมตร)

・MAP : https://maps.app.goo.gl/LHh3KCKJhpNtZGwDA


วันที่ 4 : เยี่ยมชมแหล่งประวัติศาสตร์พิเศษซันไน-มารุยามะ อิเซกิ มรดกโลกจาก UNESCO ปี 2021

★ 08:00 – 09:00 น. รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม

ก่อนออกไปเที่ยวกันในวันนี้ มาเริ่มอาหารเช้าที่โรงแรมให้เต็มอิ่มกันก่อน

★ 09:10 – 09:20 น. เช็กเอาต์โรงแรม Hotel Route-Inn Aomori Ekimae

★ 09:40 – 09:50 น. ฝากสัมภาระในล็อกเกอร์ที่ชินอาโอโมริ (Shin-Aomori Coin locker)

・วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟจากสถานีอาโอโมริ (Aomori) ไปชินอาโอโมริ (Shin-Aomori)

・MAP : https://maps.app.goo.gl/KJWfCGvM6Dw6CmnT7

★ 10:15 – 11:40 น. เที่ยวชมแหล่งประวัติศาสตร์พิเศษซันไน-มารุยามะ อิเซกิ (Sannai-Maruyama Iseki)

Sannai-Maruyama Iseki

แหล่งประวัติศาสตร์พิเศษซันไน-มารุยามะ อิเซกิ (Sannai-Maruyama Iseki) เป็นหนึ่งในแหล่งโบราณคดีที่สำคัญที่สุดของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในเมืองอาโอโมริ (Aomori) และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO ในปี 2021 เป็นซากการตั้งถิ่นฐานขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งจากยุคโจมง (Jomon period) ซึ่งเป็นยุคก่อนประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น มีอายุประมาณ 5,500 ถึง 4,000 ปีที่แล้ว เป็นแหล่งโบราณคดีนี้ช่วยเปิดเผยภาพลักษณ์ใหม่ของวัฒนธรรมโจมง แสดงให้เห็นว่าผู้คนในยุคนั้นมีการใช้ชีวิตอย่างมั่นคงและมีความซับซ้อนทางสังคมสูงกว่าที่เคยคาดไว้

มีการสร้างแบบจำลองอาคารต่าง ๆ ขึ้นใหม่ เช่น อาคารเสาขนาดใหญ่ (Large Pillar-Supported Building) ที่ใช้เสาไม้ขนาดมหึมา เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เมตร ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของแหล่งนี้, บ้านเรือนหลุม (Pit-Dwellings) และบ้านยกพื้น (Stilt-Houses) วัฒนธรรมโจมงจิยูคัง (Jomon Jiyukan) เป็นศูนย์กลาง ภายในจัดแสดงวัตถุโบราณที่ขุดพบ เช่น เครื่องปั้นดินเผา เครื่องมือหิน เครื่องประดับจากหยก และเครื่องเคลือบที่สร้างสรรค์อย่างประณีต มีกิจกรรมให้ทดลองทำหัตถกรรมที่ได้รับแรงบันดาลใจจากยุคโจมง และมีร้านอาหารที่เสิร์ฟเมนูจากวัตถุดิบแบบโจมง เช่น เกาลัดและธัญพืช

・วิธีเดินทาง : ขึ้นรถบัสเทศบาล Aomori จากบริเวณสถานีชินอาโอโมริ ไปยังป้าย “ซันไนมารุยามะ อิเซกิ มาเอะ” (Sannai Maruyama Iseki-mae) ใช้เวลาประมาณ 42 นาที ค่าโดยสารโดยประมาณ 270 เยน

・เวลาทำการ : ช่วงเดือนตุลาคม-พฤษภาคม เปิดทำการทุกวัน เวลา 09:00-17:00 น., ช่วงเดือนมิถุนายน-กันยายน เปิดบริการทุกวัน เวลา 09:00-18:00 น. ปิดทุกวันจันทร์ที่ 4 ของเดือนและวันที่ 31 ธันวาคม – 1 มกราคม

・ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 410 เยน, นักเรียนมัธยมปลาย-นักศึกษา 200 เยน, เด็กเล็ก-มัธยมต้น เข้าฟรี

・MAP : https://maps.app.goo.gl/W4yZbr9KobPs9TScA

★ 12:00 – 13:00 น. รับประทานอาหารกลางวันที่สถานี ร้าน Fish Don Restaurant

ร้าน Fish Don Restaurant คืออีกร้านอาหารที่สะดวกอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เดินทางโดยรถไฟชินคันเซ็น รีวิวส่วนใหญ่มักกล่าวถึงคุณภาพของปลาและอาหารทะเลว่า “สดมาก” “ละลายในปาก” และ “อร่อยสมกับเป็นอาโอโมริ” โดยเฉพาะเมนู ข้าวหน้าปลาดิบ (Kaisendon) และ หอยเชลล์ (Hotate) ราคา สมเหตุสมผล (reasonable) เมื่อเทียบกับคุณภาพของวัตถุดิบที่ได้รับ โดยเฉพาะปลาทูน่า โอมะ (Ōma Maguro) ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของอาโอโมริ ที่สามารถหารับประทานได้ในราคาที่ไม่แพงเท่ากับในโตเกียว นอกจากข้าวหน้าปลาดิบแล้ว ยังมีเมนูอื่น ๆ เช่น ซูชิ (Sushi) และ ราเมนน้ำซุปปลาแห้ง (Niboshi Chūkasoba) ซึ่งเป็นเมนูเฉพาะของท้องถิ่นถึงบรรยากาศไม่ได้โดดเด่นเป็นพิเศษ แต่การบริการเป็นกันเองน่าประทับใจ 

・วิธีเดินทาง : นั่งรถบัสสายเดิมกลับสถานีชินอาโอโมริ

・เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 11:00 – 20:00 น.

・ค่าใช้จ่าย : อาหารกลางวัน เริ่มต้นที่ 1,000 เยน, อาหารเย็น เริ่มต้นที่ 2,000 เยน

・MAP : https://maps.app.goo.gl/enQsxhJtSdJWxa1P8

★ 13:00 – 13:10 น. นำสัมภาระออกจากล็อกเกอร์

★ 16:30 น. เช็กอินที่เรียวกัง Tae No Yu Ryokan

Tae No Yu Ryokan

・วิธีเดินทาง : เดินทางด้วยรถไฟ Shinkansen Hayabusa 22 ไปยังโมริโอกะ (Morioka) จากนั้นเปลี่ยนไปรถไฟ Shinkansen Komachi 21 ไปยังทะซะวะโกะ (Tazawako) และนั่งรถบัสท้องถิ่นจากสถานีไปยังป้าย Tae-No-Yu

・MAP : https://maps.app.goo.gl/d4xjyCJNAbd28aMz6


วันที่ 5 : ส่งท้ายทริปโทโฮคุ เยือนบ้านซามูไรตระกูลดังครบทุกหลัง

★ 07:00 – 08:30 น. รับประทานอาหารเช้าที่เรียวกัง และเพลิดเพลินกับออนเซ็น

Tae No Yu Ryokan

★ 08:45 น. เช็กเอาต์ Tae No Yu Ryokan

เช็กเอาต์โรงแรมและออกเดินทางกันต่อไปยังจังหวัดอาคิตะ (Akita)

★ 10:40 – 10:50 น. ฝากสัมภาระในล็อกเกอร์/ศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยว

・วิธีเดินทาง : นั่งรถบัสจากป้าย Tae-No-Yu ไปยังสถานีทะซะวะโกะ (Tazawako Sta.) และเดินทางด้วยรถไฟ Shinkansen Komachi 3 ไปยังสถานีคาคุโนะดาเตะ (Kakunodate)

・MAP : https://maps.app.goo.gl/mGcKSf7Gp6uhSCdu9

★ 11:05 – 11:50 น. เดินเที่ยวถนนหมู่บ้านซามูไรคาคุโนะดาเตะ (Kakunodate Samurai Residence Street) เยี่ยมชมบ้าน Odano Ke และ Kawarada Ke

Kakunodate Samurai Residence Street

ถนนหมู่บ้านซามูไรคาคุโนะดาเตะเป็นย่านประวัติศาสตร์ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี มีชื่อเสียงในฐานะ “เกียวโตน้อยแห่งโทโฮคุ” โดดเด่นด้วยรั้วไม้สีดำสนิทตัดกับต้นซากุระพันธุ์ย้อย (Weeping Cherry Blossoms) และต้นไม้โบราณขนาดใหญ่ ที่นี่สามารถเข้าชมหมู่บ้านซามูไรตระกูลดัง 2 ตระกูลคือ โอดาโนะเป็นบ้านของซามูไรชนชั้นกลางในกลุ่มที่อยู่ภายใต้ตระกูลซาตาเกะ (Satake) และบ้านตระกูลคาวาราดะตั้งอยู่ถัดจากบ้านโอดาโนะ และเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของบ้านซามูไรที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์

“บ้านซามูไรโอดาโนะ” ตระกูลโอดาโนะมีความเชื่อมโยงกับศิลปะและการศึกษา โดยมีบุคคลสำคัญคือ โอดาโนะ นาโอทาเกะ (Odano Naotake) ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกการวาดภาพแบบตะวันตกในญี่ปุ่น และเป็นผู้วาดภาพประกอบกายวิภาคศาสตร์ในหนังสือ ไคไต ชินโช (Kaitai Shinsho) ซึ่งเป็นตำราแพทย์ตะวันตกเล่มแรกที่แปลเป็นภาษาญี่ปุ่น ตัวอาคารหลักที่เห็นในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่หลังเกิดอัคคีภัยในปี ค.ศ.1900 และยังคงแสดงให้เห็นถึงรูปแบบการจัดวางผังบ้านซามูไรในยุคปลายสมัยเอโดะ ไฮไลต์คือสวนหน้าบ้านที่ถูกจัดวางอย่างสวยงามในรูปแบบดั้งเดิม โดยใช้ต้นไม้และพืชพรรณ เช่น ต้นโมมิจิ (เมเปิล) และไผ่แคระ (Kumasasa) ซึ่งจะงดงามเป็นพิเศษในฤดูใบไม้ร่วง เปิดให้ชมเฉพาะสวนและภายนอกตัวบ้านเท่านั้น ไม่อนุญาตให้เข้าสู่ภายในอาคารหลัก แต่จะมีการเปิดประตูบานเลื่อน (Sliding Doors) ในวันที่อากาศดี เพื่อให้ผู้เข้าชมสามารถมองเห็นห้องเสื่อทาทามิขนาดใหญ่จากภายนอกได้

・วิธีเดินทาง : เดินจากสถานีคาคุโนะดาเตะ (Kakunodate) ไปยังย่านซามูไร ระยะทางประมาณ 1.4 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 19 นาที

・เวลาทำการ : เปิด 09:00 – 16:30 น. (ประมาณกลางเดือนเมษายน – เดือนพฤศจิกายน) ปิดในฤดูหนาว (ประมาณเดือนธันวาคม – กลางเดือนเมษายน)

・ค่าเข้าชม: ฟรี

・MAP : https://maps.app.goo.gl/VF1guiBbFA2LUVLw6

“บ้านซามูไรคาวาราดะ” ตระกูลคาวาราดะตั้งอยู่ถัดจากบ้านโอดาโนะ และเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของบ้านซามูไรที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ตระกูลคาวาราดะเป็นตระกูลผู้รับใช้ขุนนางมาตั้งแต่สมัยที่ตระกูลอาชินะ (Ashina) ยังปกครองคาคุโนะดาเตะ และภายหลังได้ไปรับใช้ตระกูลซาตาเกะ-คิตาเกะ (Satake-Kita Family) ตัวอาคารปัจจุบันย้ายมาปลูกใหม่ในปี ค.ศ.1891 (เมจิปีที่ 24) โดดเด่นด้วยห้องนั่งเล่นแบบ โชอินซึกุริ (Shoin-zukuri) ซึ่งเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมสำหรับชนชั้นสูง โดยมี รันมะ (Ramma – แผ่นแกะสลักเหนือประตู) ลายผีเสื้อ และภาพวาดบนฉากกั้นโดยศิลปินชื่อดัง

ไฮไลต์อยู่ที่สวนสวยงามที่มีต้นไม้ใหญ่ เช่น ต้นซากุระย้อย, ต้นโมมิ (เฟอร์) และต้นยูริโนะกิ (ซึ่งเกี่ยวข้องกับนักกวีมิยาซาวะ เคนจิ) โดยการจัดสวนนี้ออกแบบมาให้เพลิดเพลินได้เสมือนเป็นภาพวาดภูมิทัศน์สามารถเข้าชมภายในตัวอาคารได้ (แตกต่างจากบ้านโอดาโนะ)

・เวลาทำการ : เปิด 09:00 – 17:00 น. (อาจปิดเร็วขึ้นในช่วงฤดูหนาว) ไม่มีวันปิดทำการ แต่จะมีการปิดในช่วงปลายปี-ต้นปีใหม่ (ประมาณ 28 ธ.ค. – 4 ม.ค.)

・ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 500 เยน, มัธยมต้น/ประถม 300 เยน

・MAP : https://maps.app.goo.gl/TGAaRwBNZqsfXmjVA

★ 12:00 – 13:00 น. รับประทานอาหารกลางวันที่ร้าน Sakura no Sato

ร้าน Sakura no Sato ตั้งอยู่ติดกับบ้านซามูไรคาวาราดะ (Kawarada Samurai House) ภายในย่านหมู่บ้านซามูไร ทำให้มีบรรยากาศกลมกลืนกับทัศนียภาพของบ้านซามูไร มีเมนูเด่นคือ โอยาโกะด้งไก่ฮิไน (Hinai Chicken Oyakodon) เมนูซิกเนเชอร์ของร้าน และมีชื่อเสียงว่าเป็น “โอยาโกะด้งไก่ฮิไนต้นตำรับแห่งคาคุโนะดาเตะ” ใช้เนื้อไก่ “ไก่ฮิไน (Hinai-jidori)” ซึ่งเป็นหนึ่งในสามไก่เนื้อชั้นนำของญี่ปุ่น มีเนื้อนุ่ม ชุ่มฉ่ำ และมีรสชาติเข้มข้นใช้ไข่ถึง 3 ฟองในการทำ ทำให้ไข่มีความนุ่มฟูแบบกึ่งสุกกึ่งดิบ (Half-cooked) ซึ่งเป็นจุดเด่นของเมนูนี้

อินานิวะ อูด้ง (Inaniwa Udon) เป็นอูด้งท้องถิ่นของจังหวัดอาคิตะ ที่มีชื่อเสียงด้านเส้นที่เรียวบางและเรียบลื่นเป็นพิเศษ (Silky-smooth) ทำให้ซดคล่องคอ ร้านนี้ใช้อูด้งของแบรนด์ Sato Yoetsu ซึ่งเป็นที่ยอมรับในเรื่องของคุณภาพ และไก่ฮิไนเสียบไม้ย่าง (Hinai Chicken Skewers) ที่มีการใช้ถ่านในการย่างด้วยรังสีอินฟราเรดระยะไกล เพื่อรักษาน้ำเนื้อ (Juicy) และความเหนียวนุ่มของไก่ฮิไน

เป็นร้านสไตล์บ้านเก่า (Old private house-style) ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น และบางครั้งอาจได้กลิ่นหอมของการย่างถ่านลอยมา ร้านนี้ไม่มีบริการจองล่วงหน้า และอาจมีคิวยาวในช่วงฤดูท่องเที่ยว โดยเฉพาะช่วงซากุระบาน เวลาเปิด-ปิดอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะในฤดูหนาว (ปิดเร็วขึ้น) แนะนำให้ตรวจสอบกับร้านค้าอีกครั้งก่อน

・วิธีเดินทาง : เดินจากหมู่บ้านซามูไรคาคุโนะดาเตะประมาณ 220 เมตร ใช้เวลาประมาณ 3 นาที

・เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 11:00 – 17:00 น.

・ค่าใช้จ่าย : เริ่มต้นที่ 1,000 เยน

・MAP : https://maps.app.goo.gl/FC4rodq2oFnaRGtCA

★ 13:00 – 13:30 น. เยี่ยมชมบ้าน Aoyagi House

Aoyagi House

บ้านซามูไรอาโอยากิ (Aoyagi House) เป็นหนึ่งในบ้านซามูไรที่โดดเด่นและมีชื่อเสียงที่สุดในย่านคาคุโนะดาเตะ เป็นที่รู้จักในฐานะ “พิพิธภัณฑ์คฤหาสน์ซามูไร” ที่มีพื้นที่กว้างขวางและมีอาคารจัดแสดงหลายแห่ง ไฮไลต์คือประตูยาคุอิมง เป็นประตูทางเข้าหลักที่มีความสง่างามและโดดเด่นกว่าบ้านซามูไรหลังอื่น ๆ ในย่านนี้ ตระกูลอาโอยากิได้รับอนุญาตเป็นพิเศษจากเจ้าเมืองให้สร้างประตูสไตล์นี้ในปี 1860 เพื่อเป็นการตอบแทนผลงานที่ทำประโยชน์ให้กับแคว้น ซึ่งแสดงถึงสถานะทางสังคมที่สูงส่งของตระกูล

คฤหาสน์อาโอยากิตั้งอยู่บนพื้นที่เกือบ 10,000 ตารางเมตร และประกอบด้วยอาคารจัดแสดงถึง 6 ส่วนหลัก คือ บ้านหลัก แสดงให้เห็นถึงรูปแบบการใช้ชีวิตของซามูไรชนชั้นสูง, คลังอาวุธ จัดแสดงดาบซามูไร อาวุธ และชุดเกราะเก่าแก่, หอศิลป์ไคไตชินโช จัดแสดงที่เกี่ยวข้องกับหนังสือ “ไคไตชินโช” หรือตำรากายวิภาคศาสตร์เล่มแรกของญี่ปุ่น ซึ่งมีภาพวาดประกอบโดยคุณโอดาโนะ นาโอทาเกะ ผู้มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลอาโอยากิ, พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านอาคิตะ ,พิพิธภัณฑ์เครื่องมือซามูไร และหอศิลป์สมัยบาคุมัตสึ

ที่บริเวณใกล้คลังอาวุธ นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสและยกดาบซามูไรและหอกของจริง เพื่อสัมผัสถึงน้ำหนักที่แท้จริงของอาวุธที่ซามูไรเคยใช้ มีบริการชาและกาแฟ (ที่เรียกว่า นัมบังฉะ หรือ Nanbancha) และที่ชั้น 2 มีการจัดแสดงของสะสมและกล้องถ่ายภาพโบราณ นอกจากนี้ยังมีสวนแบบเดินเล่น ที่ได้รับการดูแลอย่างดี พร้อมบ่อน้ำที่มีปลาคาร์ปนิชิกิโก่ย (Nishikigoi Carp) และมีต้นไม้ที่เปลี่ยนสีอย่างสวยงามในฤดูใบไม้ร่วง นอกจากนี้ยังมีน้ำพุธรรมชาติที่เรียกว่า “ชินเมซุย (Shinmeisui)” ซึ่งไหลต่อเนื่องมาหลายร้อยปี

・วิธีเดินทาง : เดินออกจากร้านอาหารเพียง 350 เมตร ใช้เวลาประมาณ 5 นาที

・เวลาทำการ : เปิดทุกวัน ช่วงเดือนเมษายน – พฤศจิกายน 09:00 น. – 17:00 น. / ช่วงเดือนธันวาคม – มีนาคม 09:00 น. – 16:00 น.

・ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 500 เยน, นักเรียนมัธยมต้น/ปลาย 300 เยน, เด็กเล็ก 200 เยน

・MAP : https://maps.app.goo.gl/d69CXBeNfTs1FnE39

★ 13:30 – 14:00 น. เยี่ยมชมบ้านซามูไรอิชิกุโระ (Ishiguro Samurai House)

Ishiguro Samurai House

บ้านซามูไรอิชิกุโระ (Ishiguro Samurai House) เป็นหนึ่งในบ้านซามูไรที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่ที่สุดในย่านคาคุโนะดาเตะเช่นเดียวกัน เชื่อกันว่าส่วนหลักของอาคารสร้างขึ้นในสมัยปลายเอโดะ (Late Edo period) และเป็นอาคารไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในย่านบ้านซามูไรที่ยังคงหลงเหลืออยู่ จุดเด่นที่สุดของบ้านอิชิกุโระคือ เป็นบ้านซามูไรเพียงหลังเดียวในบรรดา 6 หลังที่เปิดให้สาธารณชนเข้าชม ที่ยังมีลูกหลานโดยตรงของตระกูลอิชิกุโระอาศัยอยู่ในตัวอาคารหลักจนถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้ พื้นที่ที่เปิดให้เข้าชมจึงมีขนาดเล็กกว่าบ้านอาโอยากิเล็กน้อย แต่ผู้เข้าชมจะได้สัมผัสกับบรรยากาศของบ้านซามูไรที่ยังคงมีชีวิตอยู่จริง

ตระกูลอิชิกุโระถือเป็นตระกูลซามูไรระดับสูง (Upper-class samurai) ที่มีบทบาทสำคัญในการดูแลด้านการเงิน การบัญชี และการตรวจสอบของตระกูลซาตาเกะ-คิตะ ซึ่งเป็นผู้ปกครองคาคุโนะดาเตะในสมัยนั้น มีประตูยากุอิมง (Yakuimon) เป็นรูปแบบประตูที่มีหลังคาจั่วที่ใช้สำหรับบ้านของซามูไรระดับสูงเท่านั้น ประตูนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1809 พร้อมรั้วไม้สีดำพร้อมช่องมอง (Nozoki-mado) รั้วไม้สีดำ (Sasara-goi) มีช่องเล็ก ๆ ที่เรียกว่า โนโซกิมาโดะ เพื่อให้ซามูไรสามารถสอดส่องดูผู้มาเยือนหรือความเคลื่อนไหวบนถนนได้ก่อนที่คนภายนอกจะมองเห็นตัวอาคารหลักมีหลังคามุงจาก (Kayabuki) ที่ได้รับการดูแลรักษาตามวิธีการแบบดั้งเดิม

เป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งที่อนุญาตให้ผู้เข้าชมสามารถขึ้นไปเดินบนเสื่อทาทามิภายในห้องบางส่วนที่เปิดให้เข้าชมได้มีบริการไกด์นำชมซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาษาญี่ปุ่น แต่บางครั้งมีภาษาอังกฤษ โดยพนักงานจะอธิบายเกี่ยวกับโครงสร้างบ้าน ประเพณี และชีวิตประจำวันของตระกูลซามูไรในแต่ละห้อง ซึ่งใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที มีการจัดแสดงสมบัติของตระกูลที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน เช่น ชุดเกราะและอาวุธ (ดาบคาทานะ) เอกสารโบราณ รวมถึงเอกสารที่เกี่ยวข้องกับตำราการแพทย์และกายวิภาคศาสตร์ เนื่องจากซามูไรระดับสูงมักจะเรียนรู้ด้านการแพทย์เพื่อรับมือกับวิกฤต และเครื่องมือเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันของเขตที่เต็มไปด้วยหิมะ

・วิธีเดินทาง : เดินจากบ้านบ้านซามูไรอาโอยากิ ประมาณ 78 เมตร ใช้เวลาเพียง 1 นาที

・เวลาทำการ : เปิดทุกวัน ช่วงเมษายน – พฤศจิกายน 09:00 น. – 17:00 น. / ช่วงธันวาคม – มีนาคม 09:00 น. – 16:00 น.

・ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ (นักเรียนมัธยมปลายขึ้นไป) ราคา 500 เยน, เด็กประถม/มัธยมต้น ราคา 300 เยน

・MAP : https://maps.app.goo.gl/iMMfu6Zch2ZSNsQv6

★ 14:35 – 14:45 น. นำสัมภาระออกจากล็อกเกอร์/ศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยว

・วิธีเดินทาง : เดินกลับสถานีคาคุโนะดาเตะ (Kakunodate)

★ 14:58 – 18:04 น. เดินทางกลับสถานีโตเกียว (Tokyo Station)

・วิธีเดินทาง : เดินทางด้วยรถไฟ Shinkansen Komachi 28 กลับสถานีโตเกียว (Tokyo Station)

・MAP : https://maps.app.goo.gl/gMv2HXNhb6Bc6gat7


บทส่งท้าย

ทัวร์โทโฮคุ 5 วัน 4 คืนนี้เป็นการเดินทางที่ครบครัน เปิดเส้นทางการเดินทางที่ผสมผสานระหว่างมรดกโลกทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมท้องถิ่นที่ไม่เหมือนใคร และความงามของธรรมชาติอันน่าทึ่งในภูมิภาคโทโฮกุของประเทศญี่ปุ่น ตลอดการเดินทางจะได้สัมผัสประสบการณ์หลากหลาย ตั้งแต่การย้อนรอยอดีตของตระกูลซามูไรไปจนถึงการชมความอลังการของภูเขาไฟที่ดับแล้ว เป็นอีกสีสันในการท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่น่าสนใจไม่เลวเลยทีเดียว


สรุปค่าใช้จ่ายรวม (ต่อคนโดยประมาณ)

ค่าโรงแรม : 48,400 เยน

ค่าอาหาร : 18,600 เยน

ค่าเข้าสถานที่ : 7,910 เยน

ค่าเดินทาง : ประมาณ 14,120 เยน 

รวมค่าใช้จ่ายรวมโดยประมาณ (ต่อคน) : 118,730 เยน

กดบันทึกคูปองและบทความไว้เพื่อทำให้การเดินทางไปญี่ปุ่นของคุณสะดวกสบายยิ่งขึ้น!

ถ้ากดบันทึกคูปองหรือบทความที่ชอบเอาไว้ ก็จะสามารถค้นหาได้อย่างง่ายดายจาก "My Page" ในระหว่างการเดินทาง ลองใช้กันดูนะ!

สมัครสมาชิก

ロンタ

บันทึกแล้ว!