ค้นหาคูปองและบทความ

Close
สมัครสมาชิก

โอโคโนมิยากิแนะนำในโอซาก้า ญี่ปุ่น

กรุณาเข้าสู่ระบบ

โอโคโนมิยากิแนะนำในโอซาก้า ญี่ปุ่น

หากโตเกียวคือเมืองแห่ง Sushi และเกียวโตคือดินแดนแห่ง Kaiseki โอซาก้าก็คือ หัวใจของอาหารข้างถนนญี่ปุ่น เมืองที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า Kuidaore no machi หรือเมืองที่กินจนหมดตัว และหนึ่งในจานที่สะท้อนจิตวิญญาณของโอซาก้าได้ชัดที่สุดคือ โอโคโนมิยากิ พิซซ่าญี่ปุ่นแสนอร่อยที่เกิดจากความคิดง่าย ๆ ว่าอยากกินอะไรก็ใส่ไปได้หมด ทั้งหมู ไข่ กะหล่ำปลี ปลาหมึก กุ้ง หรือชีส ล้วนถูกผสมรวมกันแล้วทอดบนกระทะเหล็กร้อน ๆ กลิ่นหอมของซอสหวานเค็มและมายองเนสที่ถูกพ่นเป็นลวดลายบนหน้าแป้ง คือสัญญาณว่านี่แหละโอซาก้าของแท้ ทุกคนที่มาที่นี่ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มาโอซาก้าแล้วไม่ได้กิน โอโคโนมิยากิ… เหมือนยังมาไม่ถึงจริง ๆ

โอโคโนมิยากิ รสชาติของโอซาก้าที่เสิร์ฟบนกระทะเหล็ก

จุดเด่นของโอโคโนมิยากิจากโอซาก้า คือความบาลานซ์ระหว่างความนุ่มและความหอม แป้งไม่หนา ไม่บางจนเกินไป กะหล่ำปลีถูกซอยละเอียดจนให้ความกรอบเบา ๆ ในแต่ละคำ วัตถุดิบถูกคลุกเคล้ารวมกันก่อนทอด (ไม่แยกชั้นแบบฮิโรชิม่า) และเชฟมักจะปรุงสด ๆ ตรงหน้า เหมือนการแสดงเล็ก ๆ ที่มีเสียงกระทะเป็นจังหวะดนตรี

โอโคโนมิยากิของโอซาก้ามีความเป็นอาหารของประชาชน ไม่หรูหรา ไม่ต้องใช้มีดส้อม แค่ใช้เกรียงเหล็กตัดแบ่งแล้วกินตรงจากกระทะ มันคืออาหารที่อบอุ่นและจริงใจ เหมือนเมืองที่มันเกิดมา ถ้า Sushi คือศิลปะของความประณีต งั้น โอโคโนมิยากิ ก็คือศิลปะของความอร่อยแบบบ้าน ๆ ที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา

จุดกำเนิดของโอโคโนมิยากิ จากของเหลือสู่ของโปรด

โอโคโนมิยากิ เกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในช่วงที่อาหารยังขาดแคลน คนโอซาก้าฉลาดพอจะคิดว่า ของเหลือในบ้านทุกอย่าง เอามาทอดรวมกันก็น่าจะอร่อยได้ จึงเกิดเป็นเมนู อะไรก็ได้ที่ชอบ (Okonomi แปลว่า “ตามใจชอบ” + Yaki แปลว่า “ทอด”)

เมื่อเวลาผ่านไป มันกลายเป็นอาหารประจำถิ่นที่คนญี่ปุ่นทุกวัยรู้จักดี และไม่ว่าจะไปย่านไหนของโอซาก้า Namba, Dotonbori, Shinsekai หรือ Umeda กลิ่นของซอสหวานเค็มและเสียงกระทะร้อน ๆ ก็ลอยอยู่ในอากาศเสมอ

ความแตกต่างระหว่าง โอโคโนมิยากิ โอซาก้า และ ฮิโรชิม่า

โอโคโนมิยากิโอซาก้า

แม้จะใช้ชื่อเดียวกัน แต่โอโคโนมิยากิของโอซาก้าและฮิโรชิม่ากลับมีเสน่ห์คนละแบบอย่างสิ้นเชิง ในโอซาก้า เชฟจะนำวัตถุดิบทั้งหมด แป้ง ไข่ หมู กะหล่ำปลี และเครื่องต่าง ๆ มาคลุกเคล้ารวมกันก่อนเทลงกระทะร้อน วิธีนี้ทำให้รสชาติกระจายทั่วทั้งชิ้น เนื้อแป้งนุ่มฟูแต่ไม่เละ กะหล่ำปลีให้ความกรอบเบา และทุกคำมีรสกลมกล่อมแบบพอดี เป็นสไตล์ที่เรียบง่าย แต่อบอุ่นและจริงใจเหมือนวิถีของคนโอซาก้า

ขณะที่เวอร์ชันฮิโรชิม่าจะพิถีพิถันในการจัดชั้นมากกว่า เชฟจะเทแป้งบาง ๆ ลงก่อน แล้วค่อยวางกะหล่ำปลี ถั่วงอก หมู และมักเพิ่มเส้นยากิโซบะหรืออุด้งไว้ตรงกลาง ก่อนปิดทับด้วยไข่ดาวด้านบน ทุกชั้นถูกเรียงอย่างเป็นระเบียบ จนได้รสสัมผัสซับซ้อน เคี้ยวสนุก และซอสเข้มข้นกว่าของโอซาก้า

พูดให้เข้าใจง่าย ๆ ถ้าโอซาก้าคือความอร่อยที่อบอุ่นเหมือนบ้าน ฮิโรชิม่าก็คือความอร่อยที่เปี่ยมด้วยศิลปะและความประณีตในทุกขั้นตอน ทั้งสองแบบอาจต่างสไตล์ แต่ไม่ว่าจะชอบแบบไหน ทั้งคู่ต่างเป็นหน้าตาของความสร้างสรรค์แบบญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยหัวใจของผู้คนในแต่ละเมือง

7 ร้านโอโคโนมิยากิแนะนำในโอซาก้า

คัดมาเฉพาะร้านยอดนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวและคนญี่ปุ่น ตั้งแต่ร้านเก่าแก่จนถึงร้านคาเฟ่สมัยใหม่ที่ต่อคิวกันทุกวัน

1. Mizuno ตำนานกว่า 70 ปีใน Dotonbori

mizuno

หากพูดถึงโอโคโนมิยากิ ร้านแรกที่ชาวโอซาก้าจะนึกถึงคือ Mizuno ตั้งอยู่ใจกลาง Dotonbori เปิดมาตั้งแต่ปี 1945 แป้งบางนุ่ม มีหลายสูตรให้เลือก ทั้งหมู กุ้ง ปลาหมึก หรือเนื้อวัวญี่ปุ่น ทุกชิ้นทอดบนกระทะเหล็กตรงหน้า เสิร์ฟพร้อมกลิ่นหอมชวนหิว ควรจองล่วงหน้าเพราะคิวยาวตลอดวัน

2. Kiji โอโคโนมิยากิ ของคนท้องถิ่นแท้ ๆ

kiji

ซ่อนตัวอยู่ในตึก Shin-Umeda Sky Building ร้านเล็กแต่แน่นไปด้วยคนญี่ปุ่นจุดเด่นคือแป้งฟูแต่ไม่หนัก กะหล่ำปลีหวาน และซอสที่ทำเอง เมนูแนะนำ คือ “Butatama” (หมู + ไข่) และ “Negi-yaki” (ใส่ต้นหอมเยอะ ๆ) กลิ่นไหม้เบา ๆ จากกระทะคือเสน่ห์ของร้านนี้

3. Chibo เชนร้านหรูที่อร่อยเสมอต้นเสมอปลาย

chibo

มีหลายสาขาทั่วโอซาก้า โดยเฉพาะสาขา Namba และ Shinsaibashi ตกแต่งทันสมัย บางโต๊ะมีเตาแยกให้ทอดเองได้ เหมาะกับครอบครัวและนักท่องเที่ยวที่อยากลองปรุงด้วยตัวเอง เมนูแนะนำ คือ “Deluxe Mix” รวมซีฟู้ดทุกชนิดในชิ้นเดียว

4. Botejyu เจ้าพ่อซอสหวานสูตรต้นตำรับ

botejyu

ร้านเก่าแก่ตั้งแต่ปี 1946 ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกซอสโอโคโนมิยากิ ซอสหวานเค็มเข้มข้น ราดเคลือบหน้าจนเป็นเอกลักษณ์ แป้งหนานุ่มแต่ไม่เละ เหมาะกับคนชอบรสจัด ยังมีเมนูอื่นอย่าง Yakisoba และ Takoyaki ให้เลือกครบจบในร้านเดียว

5. Ajinoya ร้านที่คนญี่ปุ่นยกให้เป็นที่สุดของ Dotonbori

ajinoya

เปิดมาตั้งแต่ปี 1965 เป็นที่รักของทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว เชฟทอดอย่างชำนาญจนข้างนอกกรอบนิด ๆ ข้างในนุ่มละมุน เมนูเด่นคือ Seafood Special และ Pork & Cheese บรรยากาศอบอุ่น เหมือนกินข้าวเย็นในบ้านคนญี่ปุ่น

6. Tsuruhashi Fugetsu ร้านโอโคโนมิยากิสไตล์ครอบครัว

tsuruhashi fugetsu

อีกหนึ่งเชนยอดนิยมที่มีหลายสาขาทั่วคันไซ จุดเด่นคือชิ้นใหญ่และรสเข้มแน่น ใส่กะหล่ำปลีเยอะจนฟู
เหมาะกับคนกินจุ และมีตัวเลือกหลากหลายทั้งกุ้ง หมู ปลาหมึก หรือชีส ราคากลาง ๆ แต่รสชาติระดับมืออาชีพ

7. Houzenji Sanpei ร้านบรรยากาศย้อนยุคกลางตรอกเล็ก

ตั้งอยู่ใกล้ศาลเจ้า Houzenji ในตรอกเล็ก ๆ ของ Namba ภายในร้านตกแต่งสไตล์ยุคโชวะ ให้ฟีลอบอุ่นแบบญี่ปุ่นแท้ โอโคโนมิยากิ ที่นี่เน้นความเรียบง่าย แป้งบาง หอมซอส และเสิร์ฟร้อนจากเตา ใครชอบความคลาสสิก ไม่ควรพลาด

เคล็ดลับการกินโอโคโนมิยากิแบบคนญี่ปุ่น

  • อย่าราดซอสเพิ่มเองมากเกินไป ซอสที่เชฟราดมามีสัดส่วนที่พอดีแล้ว
  • กินร้อน ๆ จากกระทะ เพราะรสชาติที่ดีที่สุดอยู่ในช่วงแรกหลังเสิร์ฟ
  • ใช้เกรียงเหล็กตัดคำเล็ก ๆ แล้วตักเข้าปากโดยตรง เป็นวิธีที่คนญี่ปุ่นทำกัน
  • อย่าลืมจับคู่กับเบียร์หรือสาเก เพราะรสหวานเค็มของโอโคโนมิยากิเข้ากับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างไม่น่าเชื่อ

ย่านที่ควรกินโอโคโนมิยากิในโอซาก้า

  • Dotonbori / Namba: แหล่งรวมร้านดังและนักท่องเที่ยว
  • Shinsekai: ย่านเก่าที่เต็มไปด้วยร้านเก่าแก่ราคาย่อมเยา
  • Umeda: เหมาะสำหรับร้านสมัยใหม่และบรรยากาศหรู
  • Tsuruhashi: จุดกำเนิดของเชนร้านชื่อดังหลายแห่ง

บทสรุป โอโคโนมิยากิ คือรสชาติแห่งความอบอุ่นของโอซาก้า

ถ้าจะอธิบายจิตวิญญาณของโอซาก้าในรสชาติเดียว โอโคโนมิยากิ คงเป็นคำตอบที่ตรงที่สุด เพราะอาหารจานนี้ไม่ได้เกิดจากความหรูหรา หากแต่เกิดจากความคิดเรียบง่ายของผู้คนที่อยากกินให้อิ่ม อยากหัวเราะให้เต็มที่ และอยากใช้เวลาอยู่รอบกระทะร้อนกับเพื่อนและครอบครัว เสียงชู่ของแป้งที่สัมผัสกระทะ กลิ่นหอมของซอสหวานเค็มที่เริ่มไหม้นิด ๆ ตามขอบแป้ง คือกลิ่นที่ทำให้คนญี่ปุ่นคิดถึงบ้าน และทำให้คนต่างชาติอย่างเราตกหลุมรักโอซาก้าโดยไม่รู้ตัว

โอโคโนมิยากิไม่ใช่เพียงอาหาร แต่คือช่วงเวลาแห่งความสุข มันเชื่อมคนแปลกหน้าให้หัวเราะร่วมโต๊ะเดียวกัน เชื่อมรุ่นสู่รุ่นผ่านสูตรครอบครัวที่ส่งต่อกันมาเกินครึ่งศตวรรษ ในร้านเล็ก ๆ ที่มีเชฟยืนหลังเตาร้อนระอุ จะเห็นทั้งเหงื่อ แววตา และความภูมิใจในทุกคำที่เขากลับแป้งด้วยมือ

ทุกเมืองของญี่ปุ่นต่างมีอาหารขึ้นชื่อ แต่โอซาก้าไม่พยายามทำให้มันหรู เมืองนี้ซื่อสัตย์กับตัวเอง และโอโคโนมิยากิก็คือภาพสะท้อนนั้น อบอุ่น อร่อย จริงใจ และเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ลองนึกภาพว่ากำลังนั่งอยู่ในร้านเล็ก ๆ ย่าน Dotonbori ด้านนอกคือแสงไฟนีออนของป้าย Glico Man ที่สะท้อนบนแม่น้ำ ด้านในคือกระทะร้อนที่ส่งไอร้อนและกลิ่นหอมมาแตะจมูก เชฟค่อย ๆ กลับแป้ง พลิกด้านด้วยท่าทีมั่นใจ แล้วลากเส้นมายองเนสบนหน้าแป้งเป็นลวดลายคลื่น ขณะเดียวกัน เพลงญี่ปุ่นยุคโชวะเบา ๆ ก็ดังคลออยู่ในพื้นหลัง เมื่อตักคำแรกเข้าปาก และในวินาทีนั้น จะเข้าใจทันทีว่า โอซาก้าไม่ได้เป็นแค่ชื่อเมือง แต่มันคืออารมณ์หนึ่งที่อบอุ่นจับใจ

เพราะไม่ว่าจะกินโอโคโนมิยากิในร้านเก่าแก่ที่เปิดมาตั้งแต่หลังสงคราม หรือในร้านคาเฟ่ทันสมัยใจกลาง Umeda รสชาติที่แท้จริงจะไม่เคยเปลี่ยน คือรสของความรักในวัตถุดิบ ความตั้งใจของคนทำ และความสุขของคนกิน ดังนั้น เมื่อมีโอกาสมาเยือนโอซาก้า อย่าลืมหาเวลาแวะนั่งหน้ากระทะร้อน สั่งเมนูโปรดที่อยากลอง แล้วปล่อยให้กลิ่นซอสและเสียงกระทะพาไปสู่ความทรงจำที่ไม่มีวันลืม เพราะในที่สุดแล้วโอโคโนมิยากิไม่ได้เป็นแค่ของอร่อยของเมืองโอซาก้า แต่มันคือบทกวีแห่งความอบอุ่น ที่เขียนด้วยกลิ่น เสียง และรอยยิ้มของผู้คนในเมืองนี้

กดบันทึกคูปองและบทความไว้เพื่อทำให้การเดินทางไปญี่ปุ่นของคุณสะดวกสบายยิ่งขึ้น!

ถ้ากดบันทึกคูปองหรือบทความที่ชอบเอาไว้ ก็จะสามารถค้นหาได้อย่างง่ายดายจาก "My Page" ในระหว่างการเดินทาง ลองใช้กันดูนะ!

สมัครสมาชิก

ロンタ

บันทึกแล้ว!