อิวาเตะ

เปิดแผนเที่ยว 5 วัน 4 คืน “โทโฮคุ” ไหว้พระขอพร สูดอากาศบริสุทธิ์ อิ่มกันแบบสุด ๆ ด้วยอาหารท้องถิ่นขึ้นชื่อ ไม่พลาดแลนด์มาร์กที่เลื่องลือจนขึ้นทะเบียนมรดกโลก ชมวิวมุมสูงแบบพาโนรามา เดินทางสัมผัสความงามของน่านน้ำกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ชิมอาหารท้องถิ่นขึ้นชื่อร้านดังแบบเต็มอิ่ม พักโรงแรมแช่ออนเซ็นผ่อนคลายกันได้อย่างเต็มที่  ปิดทริปด้วยการย้อนวันวานเดินทางข้ามเวลาไปยังหมู่บ้านซามูไร เที่ยวชมบ้านตระกูลอันยิ่งใหญ่แบบครบทุกบ้าน จะน่าสนใจแค่ไหนไปชมกันเลย แพลนเที่ยวโทโฮคุ 5 วัน 4 คืน วันที่ 1 : เริ่มต้นการเดินทางด้วยการชมวัด สักการะขอพร 08:18 – 10:28 เดินทางไปสถานีโมริโอกะ (Morioka) 10:40 – 10:50 ฝากสัมภาระที่โรงแรม Hotel Metropolitan Morioka 12:20 – 13:20 รับประทานอาหารกลางวันที่ร้าน Ekimae Bashokan 13:30 – 14:15 เที่ยวชมวัดโมสึจิ (Motsuji Temple) 14:30 – 16:30…

ฤดูหนาวในญี่ปุ่นเป็นช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต่างตั้งตารอ เพราะนอกจากทิวทัศน์ขาวโพลนที่โรแมนติกแล้ว ประเทศญี่ปุ่นยังขึ้นชื่อเรื่อง สกีรีสอร์ท ที่ครบเครื่อง ทั้งลานสกีคุณภาพระดับโลก พาวเดอร์สโนว์ที่นักสกีใฝ่ฝัน รวมถึงโรงแรมและออนเซ็นที่ช่วยเติมเต็มการพักผ่อนให้อบอุ่นและผ่อนคลาย แม้จะเล่นสกีไม่เป็นก็ไม่ต้องกังวล เพราะสกีรีสอร์ทในญี่ปุ่นยังมีกิจกรรมสนุก ๆ อีกมากมายให้เลือก เช่น การนั่งสโนว์โมบิล เลื่อนหิมะ หรือเพียงแค่เดินเล่นท่ามกลางหิมะขาวโพลนก็เพลิดเพลินไม่แพ้กัน บทความนี้ได้รวบรวม 7 สกีรีสอร์ทแนะนำจากภูมิภาคต่าง ๆ ของญี่ปุ่น ตั้งแต่ฮอกไกโดซึ่งโดดเด่นเรื่องหิมะคุณภาพ ไปจนถึงกุนมะที่เดินทางสะดวกจากโตเกียว แต่ละแห่งมาพร้อมเสน่ห์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นลานสกีขนาดใหญ่ วิวภูเขาอันตระการตา ออนเซ็นกลางแจ้งท่ามกลางหิมะ หรือกิจกรรมหิมะสุดพิเศษที่หาไม่ได้ง่าย ๆ รับรองว่าถูกใจทั้งครอบครัว คู่รัก และเพื่อน ๆ ที่อยากสัมผัสบรรยากาศฤดูหนาวของญี่ปุ่นแบบเต็มอิ่ม Rusutsu Resort Hotel & Convention – จังหวัดฮอกไกโด Rusutsu Resort คือ สกีรีสอร์ท ที่ใหญ่ที่สุดในฮอกไกโด มีพื้นที่เล่นสกีขนาดมหึมา รวมเส้นทางกว่า 37 คอร์ส ระยะทางรวมกว่า 42 กิโลเมตร ให้เลือกสนุกได้ทั้งมือใหม่ที่เพิ่งหัดเล่น ไปจนถึงผู้เชี่ยวชาญที่อยากสัมผัสพาวเดอร์สโนว์คุณภาพสูงของฮอกไกโดที่ขึ้นชื่อ…

ภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น ที่ปัจจุบันเชื่อมต่อกับฮอกไกโดด้วยชินคันเซนสายใหม่ มีทัศนียภาพและภูมิประเทศที่สวยงามชวนหลงไหล สภาพภูมิประเทศที่ไม่เหมือนใครของเขตโทโฮะคุเกิดจากภูมิประเทศที่ซับซ้อนของพื้นที่ การรักท้องถิ่นของคนในท้องที่สามารถเห็นได้จากบรรยากาศอันอบอุ่นและความนิยมใน “เทศกาล”ต่างๆ โทโฮคุยังเป็นแหล่งปลูกข้าวที่สำคัญแห่งหนึ่ง ในช่วงฤดูร้อนทุ่งนาที่เรียงกันสวยงามก่อให้เกิดทัศนียภาพที่สวยงามอย่างยิ่ง ประกอบไปด้วย 6 จังหวัดโดยมี เซนได(Sendai)เป็นเมืองใหญ่ที่สุดของภูมิภาค โทโฮคุนั้นมีที่เที่ยวสวยๆ และน่าสนใจหลากหลายที่ แต่ที่เด็ดๆนั้นได้คัดมาให้แล้วกับ 15 ที่เที่ยวเด็ดต้องไป ใน โทโฮคุ 2023       หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกซาโอะ(Zao Fox Village) ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองชิโรอิชิในภูเขาของจังหวัดมิยากิ เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ปี 1990 ภายในหมู่บ้านมีสัตว์นานาชนิดกว่า 100 ตัว รวมถึงสุนัขจิ้งจอก 6 สายพันธุ์ที่วิ่งไปมาได้อย่างอิสระในพื้นที่กว้าง ในหมู่บ้านจะมีอยู่ 2 โซนด้วยกัน คือโซนที่สัตว์อยู่ในกรงและอีกโซนคือเป็นพื้นที่โล่งแบบเปิด ผู้เข้าชมสามารถเข้าถึงตัวสัตว์ต่างๆได้อย่างใกล้ชิด และสามารถป้อนอาหารได้อีกด้วย แต่ก็ควรระมัดระวังในการให้อาหารด้วยเช่นกัน       ปราสาทฮิโรซากิ(Hirosaki Castle) ถูกสร้างขึ้นในปี 1611 โดยตระกูลซูการุ โครงสร้างปราสาทมีทั้งหมด 3 ชั้น…

จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีในโทโฮคุ Tohoku Autumn leaves Spots มีทั้งหมด 4 แห่ง ดังต่อไปนี้ 1. ฮาจิมังไท(Hachimantai) ต้นเดือน-ปลายเดือนตุลาคม จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่งดงามที่สุดพบได้บริเวณเทือกเขาฮาจิมังไท ได้แก่ ยอดภูเขาฮาจิมังไท(Mount Hachimantai), โงโชงาเกะออนเซน(Goshogake Onsen) ใกล้สระน้ำโอนุมะ, ทามากาวะออนเซน(Tamagawa Onsen) และนิวโตะออนเซน(Nyuto Onsen)   2. ทะเลสาบโทวาดะ(Lake Towada) และ ลำธารโออิราเซะ(Oirase Stream) ปลายเดือนตุลาคม หนึ่งในชุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น คือ ทะเลสาบโทวาดะ(Lake Towada) และ ลำธารโออิราเซะ(Oirase Stream) ในจังหวัดอาโอโมริ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินเลียบลำธารไปประมาณ 3-4 กิโลเมตรเพื่อชมสีสันอันงดงามของใบไม้ที่สลับกันทั้งสีเหลือง ส้ม แดง 3. หุบเขานารุโกะ(Naruko Gorge) ปลายเดือนตุลาคม-ต้นเดือนพฤศจิกายน ตั้งอยู่ห่างจากเซนไดไปประมาณ 2 ชั่วโมงหุบเขานารุโกะเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีชื่อเสียงของภูมิภาคโทโฮคุ และยังมีเส้นทางเดินป่าสำหรับชมวิวทิวทัศน์อันงดงามของป่าและสะพานโอฟุคาซาว่า(Ofukazawa Bridge) ที่ตั้งอยู่เหนือหุบเขาอีกด้วย 4. ที่ราบสูงอูระบันได(Urabandai) ต้นเดือน-ปลายเดือนตุลาคม…

ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีภูมิประเทศเป็นเกาะ อาหารญี่ปุ่นจึงมักจะมีวัตถุดิบหลักที่มาจากทะเล เช่น ซูชิ หรือพวกข้าวปั้น ตลาดปลาหรือตลาดที่เน้นขายเฉพาะผลิตภัณท์จากทะเลจึงมีอยู่มากมายกระจายกันไปตามเมืองต่างๆทั่วประเทศ และแต่ละแห่งก็มักจะมีความเฉพาะตัวด้วย เราจึงรวบรวมเอาตลาดที่เราคิดว่าเจ๋งมาแนะนำให้รู้จักกัน 4 แห่งด้วยกัน เผื่อใครมีโอกาสได้ไปที่ไหน จะได้แวะไปดู ไปชม ไปชิม กันได้ 1. ตลาดปลาซึกิจิ(Tsukiji Fish Market) ตลาดปลาแห่งแรกที่เราจะมาแนะนำกันนั้น เป็นตลาดปลาที่สำคัญและมีชื่อเสียงระดับโลกเลยทีเดียว หลายคนคงจะเดากันได้ว่าต้องเป็นตลาดซึกิจิแห่งเมืองโตเกียว ที่เป็นแหล่งขายส่งอาหารทะเลโดยเฉพาะปลาทูน่าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก อีกทั้งยังมีการประมูลปลาทูน่าที่แปลก แหวกแนวหาดูจากที่ไหนไม่ได้อีกด้วย การเดินทางมาที่นี่นั้นสะดวกและง่ายมาก เพราะห่างจากสถานีรถไฟใต้ดินหรือ Tokoy subway ไม่ถึง 5 นาทีเท่านั้น 2. ตลาดปลาฟูรุคาวะ(Furukawa Fish Market หรือ Aomori Gyosai Center) เป็นตลาดปลาที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองอาโอโมริ จุดพิเศษของตลาดปลาแห่งนี้ คือให้นักท่องเที่ยวได้สร้างสรรค์เมนูดงบูริ(donburi ข้าวราดหน้าต่างๆ)ด้วยตนเอง เรียกว่า นกเคดง(nokkedon) จากอาหารทะเลตามฤดูกาลประจำท้องถิ่น ที่ขายอยู่ภายในตลาดเป็นประจำทุกวันที่ตลาดเปิด 3. ตลาดปลาชิโองามะ(Shiogama Fish Market) ที่เมือง อิวาเตะ(Iwate) เป็นศูนย์กลางการค้าปลาและอาหารทะเลที่คึกคักที่สุดในของภูมิภาคโทโฮคุ ภายในตลาดมีร้านค้ากว่า 140…

1.สระน้ำกัปปะบูจิ(Kappabuchi Pond) เป็นสระน้ำขนาดเล็กตั้งอยู่หลังวัดโจคังจิ(Jokanji Temple) เชื่อว่ามีวิญญาณกัปปะอาศัยอยู่ในน่านน้ำที่เงียบสงบแห่งนี้ คุณอาจได้พบกับชาวบ้านที่มาตกปลาโดยใช้แตงกวาเป็นเหยื่อล่อ ถัดจากบ่อน้ำไปเป็นศาลเจ้าเล็กๆสำหรับบูชากัปปะ ซึ่งแม่ลูกอ่อนจะนิยมมาบูชาเพื่อให้มีน้ำนมที่อุดมสมบูรณ์แก่บุตร ค่าเข้าชม: ฟรี เวลาเปิด-ปิด: เปิดตลอด 24 ชั่วโมง วันปิดทำการ: เปิดทุกวัน 2.วัดฟูคุเซนจิ(Fukusenji Temple) เป็นวัดพุทธของนิกายชินกอนที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่และซับซ้อน ตั้งอยู่ในทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองโตโนะ ประกอบด้วยห้องโถงขนาดใหญ่หลายแห่ง และเจดีย์ 5 ชั้น ที่ตั้งอยู่ทางลาดภูเขา จุดที่น่าสนใจที่สุดของวัดคือรูปสลักไม้ของเจ้าแม่กวนอิมสูง 17 เมตร ค่าเข้าชม: 300 เยน เวลาเปิด-ปิด: 8:00-17:00 วันปิดทำการ: มกราคม-มีนาคม(ยกเว้นทุกวันอาทิตย์) 3.โกยาคุราคัง(Gohyaku Rakan) เป็นพื้นที่ที่มีรูปสลักของบรรดาสาวกของพระพุทธเจ้าซึ่งมีมอสปกคลุมอยู่ รูปสลักเหล่านี้สร้างขึ้นมากว่า 200 ปีแล้ว โดยเรียงรายไปตามลำธารในภูเขาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของใจกลางเมือง ค่าเข้าชม: ฟรี เวลาเปิด-ปิด: เปิดตลอด 24 ชั่วโมง วันปิดทำการ: เปิดทุกวัน 4.หินสึซูคิอิชิ(Tsuzukiishi Stone) ก้อนหินขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนก้อนหินที่เล็กกว่า 2 ก้อน ซึ่งถูกวางไว้แบบนี้มานานกว่า 1,000 ปีแล้วโดยพระสงฆ์นักรับ Benkei  จากลานจอดรถต้องเดินขึ้นเนินเขามาในป่าประมาณ 10-15…

นอกจากหมู่บ้านพื้นเมืองในโตโนะที่พบในเขตชานเมืองแล้ว บริเวณรอบๆใจกลางเมืองยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจ 3 แห่ง ซึ่งเน้นการจัดแสดงเกี่ยวกับชาวบ้านในท้องถิ่น 1.พิพิธภัณฑ์เทศบาลโตโนะ (Tono Municipal Museum) จัดแสดงเกี่ยวกับวัฒนธรรมพื้นบ้านที่หลากหลาย วิถีชีวิตท้องถิ่น ประวัติศาสตร์ และผลงานของ Yanagita Kunio และจะเน้นไปทางนิทานพื้นบ้านต่างๆ และสิ่งมีชีวิตในตำนานประจำภูมิภาค รวมถึงวีดีโออธิบายถึงกัปปะ ค่าเข้าชม: 300 เยน เวลาเปิด-ปิด: 9:00-17:00(เข้าชมก่อน 16:30) วันปิดทำการ: ทุกวันจันทร์ (เดือนพฤศจิกายน-มีนาคม ยกเว้นวันหยุดราชการ) วัดสุดท้ายของทุกเดือน(ยกเว้นเดือนเมษายน) 2.พิพิธภัณฑ์โตโนะโมโนกาทาริคัง (Tono Monogatarikan Musuem) สร้างขึ้นในพื้นที่โรงกลั่นเบียร์ที่ได้รับการปรับปรุงแล้ว ห่างจากพิพิธภัณฑ์เทศบาลเพียงเล็กน้อย ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงนิทรรศการผ่าน ภาพยนตร์ รูปปั้น ภาพประกอบ การอ่านข้อมูลสด และการแสดงที่ใช้แสงและเงาดำเนินเรื่องราวตำนานเมืองโตโนะ ซึ่งเป็นผลงานของ Yanagita Kunio ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง รวมถึงอาคารบ้านเดิมของ Yanagita ที่ถูกย้ายมาจากโตเกียวอีกด้วย ค่าเข้าชม: 500 เยน(รวมค่าเข้าชม Jokamachi Musuem) เวลาเปิด-ปิด: 9:00-17:00(เข้าชมก่อน…

ภายในเมืองโตโนะ มีหมู่บ้านพื้นเมือง 3 แห่ง ประกอบด้วย บ้านไร่ดั้งเดิมมาการิย่า(traditional magariya farmhouses) ยุ้งฉาง และพิพิธภัณฑ์ ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมในชนบท และทดลองใช้เครื่องมือต่างๆ และเข้าร่วมกิจกรรมที่หลากหลาย: 1.หมู่บ้านพื้นเมืองฟูรุซาโตะ(Furusato Village) เป็นหมู่บ้านพื้นเมืองที่ใหญ่ที่สุด และได้รับการดูแลรักษาไว้อย่างดีที่สุด ประกอบด้วยหมู่บ้านเกษตรกรรมแบบดั้งเดิม บ้านไร่แบบมุงหลังคา ยุ้งฉาง กังหันน้ำ และพื้นนา มักใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครโทรทัศน์และภาพยนตร์ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆได้ เช่น การทำฟาร์ม และงานหัตถกรรมจากไม้ไผ่ ค่าเข้าชม: 540 เยน (ไม่รวมค่าเข้าร่วมกิจกรรม ซึ่่งต้องจองล่วงหน้า) เวลาเปิด-ปิด: 9:00-17:00(เดือนพฤศจิกายน-มีนาคม ปิด 15:30) เข้าชมก่อนเวลาปิด 30 นาที วันปิดทำการ: เปิดทุกวัน 2.หมู่บ้านพื้นเมืองเดนโชเอน(Denshoen) เป็นหมู่บ้านขนาดเล็ก ประกอบด้วยบ้านไร่แบบดั้งเดิม 10 กว่าหลัง โกดัง พิพิธภัณฑ์ซาซากิคิเซน(Sasaki Kisen musuem) และอาคารอื่นๆ นักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับประเพณี วิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของเกษตรกรในท้องถิ่น และมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ เช่น…