แนะนำโปรแกรม เที่ยวโตเกียว แบบครบทุกที่ฮิต จบใน 6 วัน 5 คืน

Photo: hans-johnson [CC BY-SA 2.0] from flickr.com/photos/hansjohnson/36570809373/


โตเกียวเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ไม่ว่าจะด้วยสถานที่ท่องเที่ยวแนววัฒนธรรม ศาสนา แหล่งช็อปปิ้ง อาหารยิ่งไม่ต้องพูดถึงมีแต่ของอร่อยๆที่คนรักอาหารญี่ปุ่นต้องแทบยอมพลีชีพน้ำหนักขึ้นก็ต้องยอม เวลาในการท่องเที่ยว 6 วัน 5 คืนนี่เรียกว่ากำลังพอดีสำหรับคนที่อยากเก็บสถานที่ท่องเที่ยว พร้อมเสพบรรยากาศความเป็นเมืองหลวงที่ทั้งทันสมัยแต่ก็ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรมด้านต่างๆที่น่าสนใจ เราได้คัดสถานที่ท่องเที่ยวดีๆ เด็ดๆ รวมไปถึงแลนด์มาร์กที่ไม่ควรพลาดมาให้ได้สัมผัสกัน หากพร้อมแล้วละก็ตามมาค่ะ

 

 

>> จองที่พักโตเกียว ราคาพิเศษ กับ Traveloka <<

 

 

▌วันที่ 1

มาโตเกียวทั้งทีการได้ชมวิวในทิวทิศน์สวยๆในมุมสูงของเมืองก็นับเป็นอะไรที่ดีงามมาก ซึ่งจะสามารถไปชมได้ที่โตเกียวสกายทรีทาวน์ ที่ไม่ได้มีแค่ชมวิวได้เท่านั้นยังมีสุมิดะอควาเรียม ที่มีทั้งสัตว์น้ำในแทงน้ำใหญ่ยักษ์ รวมไปถึงโซนจัดแสดงแมวน้ำกับแพนกวินบริเวณโอเพ่นพูลที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น พร้อมการแสดงโชว์น่ารักๆ การเดินทางลงที่สถานีรถไฟโตเกียวสกายทรีเดิน 5 นาที

วิวจากด้านหน้าวิหารของวัดอาซากุสะ

ไม่มาที่นี่เหมือนมาไม่ถึงโตเกียว เพราะไม่ว่าใครก็ต้องมาแชะรูปโคมแดงยักษ์หน้าวัดไว้เป็นที่ระลึกทั้งนั้นที่วัดอาซากุสะ หรืออีกชื่อที่รู้จัดกันในนามวันเซนโซจิ นอกจากจะได้ยลโฉมสถาปัตยกรรมวัดแบบดั้งเดิมที่งดงาม ไหว้พระขอพรให้โชคดีมีชัย บริเวณรอบๆถนนนากามิเสะยังเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ที่มีของกิน ขนมชื่อดังน่าลอง พร้อมของที่ระลึกให้ได้ช็อปกันแบบจุใจอีกด้วย การเดินทางจากสถานีรถไฟอาซากุสะเดินเท้าต่ออีกไม่เกิน 5 นาที

 

▌วันที่ 2

เริ่มต้นตอนเช้าของวันที่ 2 ด้วยการเข้าชมการจัดแสดงความเป็นมาแต่ละยุคสมัยที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติโตเกียว ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นพิพิธภัณฑ์เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดของประเทศญี่ปุ่น ภายในมีการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ผลงานศิลปะอันล้ำค่า และสิ่งประดิษฐ์ทางโบราณคดีมากกว่า 110,000 รายการ ด้านนอกสุดยังเป็นที่ตั้งของ Kuroda Memorial Hall ที่ตัวอาคารมีสถาปัตยกรรมที่ดูทันสมัยแตกต่างจากพิพิธภัณฑ์ที่ดูเป็นญี่ปุ่นมากกว่า มีการจัดแสดงผลงานของศิลปิน Kuroda Seiki ที่เป็นที่สุดของจิตรกรรมสมัยใหม่สไตล์ตะวันตก นอกจากส่วนจัดแสดงบริเวณใกล้ๆยังมีสวนสไตล์ญี่ปุ่นและโรงชาที่จะเปิดให้เข้าชมในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง) โดยรอบๆนั้นยังมีร้านค้า คาเฟ่เก๋ๆให้ได้เลือกแวะชม ชิม ช็อปกันอีกด้วย การเดินทางลงที่สถานีรถไฟอุเอะโนะเดินประมาณ 5-10 นาที

photos by Kyle Hasegawa from flickr.com/photos/kylehase/14366289491( cc by 2.0 )

มาเปลี่ยนบรรยากาศด้วยสวนริคุงิเอน สวนสาธารณะที่ขึ้นชื่อว่าสวยมากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ตัวสวนแห่งนี้ได้ถูกกว่าถึงในบทกวีชื่อดังเกี่ยวกับความงดงาม บริเวณตรงกลางเป็นบ่อขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยเนินเขา และต้นไม้อันร่มรื่น สบายตา สบายใจ เมาะกับการมาเสพอากาศบริสุทธิ์ พร้อมวิวที่จะงดงามมากที่สุดช่วงใบไม้ผลิกับใบไม้เปลี่ยนสี การเดินทางก็ไม่ยากสามารถนั่งรถไฟสาย JR Yamanote หรือ Namboku Subway Line ลงที่สถานีรถไฟโคมาโกเมะ เดินต่อประมาณ 5-10 นาที

Photo: Kakidai [CC BY 2.0] from commons.wikimedia.org/wiki/File:Kabukicho-Shinjuku-Tokyo_2015.jpg

ช่วงเย็นจนถึงค่ำแวะกินและช้อปที่ชินจูกุ ย่านใหญ่ใจกลางเมือง ที่มีทุกอย่างที่เราต้องการหาได้จากย่านนี้ ที่จริงย่านนี้เป็นย่านที่จะแวะมาได้หลายวันหลายคืนเลย ถ้าใครชอบที่จะช้อปกันอย่างจริงจัง สามารถเดินทางมาลงที่สถานีรถไฟชินจูกุ ได้เลย

 

[wp_ad_camp_1]

 

▌วันที่ 3

มาญี่ปุ่นทั้งทีแน่นอนว่าต้องอยากมาสัมผัสอาหารญี่ปุ่นวัตถุดิบสดใหม่แถมราคาไม่แพง ต้องที่นี่เลยตลาดปลาสึกิจิที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นและเป็นอันดับหนึ่งของโลก ยิ่งมาเช้ายิ่งมีเวลาเดินนานเพราะตลาดแบ่งเป็นสองส่วนด้านร้านอาหารจะเปิดตั้งแต่ตี 5 ส่วนด้วนในอีกส่วนคนทั่วๆไปจะสามารถเดินเข้าไปชมตั้งแต่เวลา 9 โมง นับเป็นตลาดที่กว้างมากๆร้านอาหารก็เยอะมีทั้งแบบขายเฉพาะปลาสด ไปจนถึงร้านอาหารที่รับประกันความสดใหม่ แต่ต้องรีบๆหน่อยเพราะจะปิดวันที่ 8 ตุลาคม 2018 เพื่อย้ายไปแถวๆ Toyosu ในวันที่  วันที่ 11 ตุลาคม 2018 การเดินทางรถไฟใต้ดินจะสะดวกสุดลงที่สถานีซึกิจิเดินประมาณ 3-5 นาที

ต่อด้วยการมายังพระราชวังอิมพีเรียลหรือปราสาทเอโดะ ที่เคยเป็นที่พำนักของโชกุนและบุคคลสำคัญหลายยุคนับเป็นพันปี ด้วยสถาปัตยกรรมด้านนอกที่เป็นแบบญี่ปุ่นโบราณเหมือนหลุดเข้ามายังญี่ปุ่นเอโดะประมาณนั้น อีกทั้งด้านนอกยังเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ล้อมรอบปราสาทให้ได้เดินเพลินๆชมความร่มรื่นกันได้เพลินๆ โดยที่นี่สามารถมาได้ด้วยการเดินจากสถานีโตเกียวประมาณ 15 นาที

ตกเย็นเราจะไป โตเกียวทาวเวอร์ ที่เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่พลาดไม่ได้ของโตเกียว ที่ไม่มาคงเสียใจแน่ๆ เพราะวิวชั้นบนสวยมากๆ อาจเรียกได้ว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดเลยก็ว่าได้ การเดินทางสามารถเดินเท้าจากสถานีรถไฟอากิฮาบาระได้ในเวลา 10 นาที ต่อด้วยการมาสัมผัสย่านช็อปปิ้งที่ย่านอากิฮาบาระที่ถือเป็นแหล่งเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แต่ละร้านมีทั้งเล็กใหญ่สองฝั่งถนนมากกว่า 100 ร้าน รวมทั้งยังมีสินค้าที่เหล่าโอตาคุไม่ว่าจะเป็นโมเดลฟิกเกอร์ของการตูนดังๆ ตังแต่รุ่นธรรมดาไปจนถึงลิมิเต็ด เอดิชั่น เรียกได้ว่าหารุ่นไหนมีหมด บริเวณรอบๆยังมีเมดคาเฟ่ที่ร้านจะมีธีมแตกต่างกันไป โดยจะมีสาวเสิร์ฟแต่งตัวน่ารักๆมาให้ได้เปลี่ยนบรรยากาศกัน การเดินทางสามาถไปได้หลายสายทั้ง JR Yamanote Line, JR Keihin-Tohoku Line และ JR Sobu Line ลงที่สถานีรถไฟอากิฮาบาระเดินต่ออีกประมาณ 3 นาที

 

[wp_ad_camp_1]

 

▌วันที่ 4

photos by fortherock from commons.wikimedia.org/wiki/File:Disneyland_Tokyo.jpg(cc by 2.0 )

ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ต้องอยากที่จะไปเยือนโตเกียวดิสนีย์แลนด์ดูซักครั้ง ซึ่งที่นี่นั้นนับว่าเป็นที่นิยมมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลกเลยก็ว่าได้ แบ่งอออกเป็น 7 โซน ได้แก่ World Bazaar ตกแต่งสไตล์ตะวันตกมีร้านค้า ร้านอาหารเรียงรายเต็มไปหมด Tomorrowland พื้นที่ที่เป็นเสมือนโลกในอนาคตที่ผสมผสานเทคโนโลยีที่เห็นแล้วต้องร้องว้าว Toontown จำลองเป็นเหมือนเมืองเล็กๆของเหล่าตัวการ์ตูน Fantasyland ส่วนที่เป็นปราสาทเจ้าหญิงในเทพนิยายหวานๆ Critter Country เมืองเล็กๆขอเหล่าตัวการ์ตูนจากเรื่อง Song of the South ให้ได้แปลงจากจินตนาการมาเป็นเมืองให้เห็นกันจริงๆ Westernland เมืองแห่งคาวบอย ดินแดนทางตะวันตกของอเมริกา และท้ายสุด Adventureland ดินแดนของการผจญภัยนานาชนิด เรียกได้ว่าเวลาหนึ่งวันเต็มๆนี่ยังแทบจะไม่พอ เพราะที่นี่กว้างมากๆ แต่ละโซนก็มีเครื่องเล่นฮอตๆคิวเพียบ ควรวางแผนการเล่นดีๆ การเดินทางง่ายๆด้วยรถไฟลงที่โตเกียวดิสนีย์แลนด์ เดินแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว

photos by Dick Thomas Johnson from flickr.com/photos/31029865@N06/17095143062(cc by 2.0 )

แต่ถ้าคุณไม่อยากไปดิสนีย์แลนด์ เราก็ขอแนะนำทางเลือกให้ คือ การไปเที่ยวที่ย่านโอไดบะ(Odaiba) ย่านที่มีหุ่นกันดั้มเท่าของจริงตั้งอยู่นั่นเอง การเดินทางก็ไม่ยากเพราะมีรถไฟเข้าไปถึง นอกจากนี้ก็ยังมีอะไรน่าสนใจให้เลือกทำกันได้อีกหลายอย่าง ทั้งห้างใหญ่ Outlet จนถึงที่ออนเซน ที่แต่ละแห่งอยู่ไม่ไกลกันนักแถมมีรถบัสชัตเทิลบัสคอยให้บริการฟรีอยู่ด้วย

 

▌วันที่ 5

วันนี้เราจะนั่งรถไฟออกไปเที่ยวนอกเมืองโตเกียวกันบ้าง จะได้เห็นว่าญี่ปุ่นในส่วนอื่นๆที่ไม่ใช่โตเกียวนั้นเป็นยังไง ซึ่งจริงๆโปรแกรมเที่ยวแบบ 1 วันจากเมืองโตเกียวนี้มีให้เราเลือกได้มากมายเลย แต่ในโปรแกรมเที่ยวนี้จะขอเน้นที่เดินทางง่ายและใช้เวลาไม่นานไว้ก่อน เราจึงจะเลือกไปเที่ยวกันที่เมืองคาวาโกเอะ ที่เดินทางได้ง่ายๆมากๆ จากสถานีรถไฟชินจูกุ นั่งรถไฟต่อเดียวประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึง คาวาโกเอะ(Kawagoe) เป็นเมืองโบราณสมัยเอโดะ จนมีฉายาว่า ลิตเติ้ลเอโดะ(Koedo) อยู่ใกล้กับโตเกียวเพียงแค่ 30 นาทีเท่านั้นเอง คนส่วนใหญ่จึงนิยมเที่ยวคาวาโกเอะแบบวันเดย์ทริปจากเมืองโตเกียว เพราะเป็นเมืองที่มีสเน่ห์และเดินทางไปเที่ยวง่าย คาวาโกเอะจะมีถนนเส้นหลักชื่อ Kurazukuri มีอาคารบ้านเรือนสมัยก่อน ให้บรรยากาศเหมือนเดินอยู่ในเมืองเมื่อหลายร้อยปีก่อน ผู้คนจึงขนานนามเมืองแห่งนี้ว่าเอโดะน้อย หรือ Little Edo หรือ Koedo

ชิบูย่า

เที่ยวจนบ่ายแก่ๆหรือเย็นๆก็นั่งรถไฟกลับมาโตเกียว เดินเที่ยวเล่น กินช้อปต่อที่ย่านชินจูกุ หรือจะไปชิบูย่า ดูห้าแยกชิบูย่ากับรูปปั้นสุนัขฮาจิโกะ ก็ได้ การเดินทางลงที่สถานีรถไฟชิบูย่า

 

วันที่ 6

ย่านฮาราจูกุ

วันสุดท้ายของการท่องเที่ยวกับการมายังแหล่งช็อปปิ้งอันเลื่องชื่ออย่างฮาราจูกุ เพื่อได้เห็นแฟชั้นชิคๆของเหล่าวัยรุ่นญี่ปุ่น ถ้าโชคดีอาจได้เห็นคนแต่งแนวคอสเพลย์ให้ดูกันด้วย สายหวานต้องไม่พลาดเลยกับมหกรรมร้านเครปที่จะเรียงกันอยู่ในสายนี้แบบว่าเลือกกันไม่ถูก เอาเป็นถูกใจร้านสไตล์ไหนก็ตามนั้น เพราะจริงๆก็รสชาติอร่อยได้มาตรฐานกันทุกร้าน แถมแถวนี้มีร้านขายขนมของฝาก ร้านยา ที่จะสามารถช็อปปิ้งของฝากได้อีกด้วย การเดินทางลงที่สถานีรถไฟฮาราจูกุ เดินออกมายาวตลอดทั้งสาย ถ้ามีเวลาเหลือจะแวะเข้าศาลเจ้าเมจิ จิงงู ศาลเจ้าใหญ่ชื่อดังอีกแห่งของโตเกียวที่อยู่ติดๆกันกับย่านนี้ด้วยก็ได้

 

 

 

>> จองที่พักโตเกียว ราคาพิเศษ กับ Traveloka <<


Exit mobile version