เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว รวมไฮไลท์ ทีเด็ด ฤดูนี้ แต่งตัวยังไง มีอะไรไม่ควรพลาดบ้าง

ฤดูหนาวญี่ปุ่นนับเป็นช่วงเวลาที่มีเสน่ห์มากที่สุดช่วงหนึ่งเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะสถานที่ท่องเที่ยวมากมายหลายแห่งที่จะปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน และอาหารการกินที่จะฟินมากที่สุดในช่วงฤดูหนาว ที่สำคัญฤดูหนาวถือเป็นช่วงโลว์ซีซันของการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ทำให้มีโปรโมชั่นสายการบิน และที่พักราคาถูกหลุดออกมาอยู่เรื่อยๆ ในบทความนี้จะมาแนะนำสถานท่องเที่ยวเด็ดๆ เมนูอาหารอะไรที่ห้ามพลาด รวมทั้งการแต่งตัวรับมือกับความหนาวเย็นกันยังไง เรารวมไว้ให้หมดแล้ว

 

สถานที่ท่องเที่ยวและงานเทศกาลต่างๆในช่วงหน้าหนาวก็คือจะหนีไม่พ้นการไปชมหิมะหรือน้ำแข็ง แต่ก็ไม่ใช่แค่จะธรรมดาทั่วไปเพราะในญี่ปุ่นก็จะต้องมีอะไรที่พิเศษเฉพาะตัวอยู่มากมาย กระจายกันไปตามพื้นที่ต่างๆของประเทศ โดยเฉพาะที่ฮอกไกโด อาจจะเรียกได้ว่ามีการจัดงานกันมากที่สุดในช่วงนี้เลยก็ได้

 

เทศกาลแสดงไฟหมู่บ้านชิราคาวาโกะ ตั้งอยู่ที่เมืองทาคายาม่า จังหวัดกิฟุ  ถือว่าเป็นเทศกาลที่โด่งดังในความสวยงามมากที่สุดแห่งในช่วงฤดูหนาว เนื่องจากหมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกจากความมีเอกลักษณ์ อีกทั้งยังคงรักษากลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นดั้งเดิมไว้อย่างเต็มเปี่ยม ตัวบ้านจะมีการเน้นใช้วัสดุธรรมชาติที่เห็นได้ยากในสังคมญี่ปุ่นปัจจุบัน ยิ่งมีหิมะปกคลุมขาวโพลน พร้อมการประดับไฟในช่วงกลางคืนให้ดูสว่างไสวยิ่งงามจับตา ไม่ใช่ว่าจะสวยเฉพาะกลางคืนกลางวันก็จะได้เห็นทัศนียภาพที่สวยไม่แพ้กัน โดยเทศกาลนี้จะมีระยะเวลาเปิดไฟทั้งหมด 4 วัน ในปี 2018 เริ่มตั้งตั้งแต่วันที่ 21 ,28 มกราคม และ 4,12 กุมภาพันธ์  ซึ่งจะการแสดงไฟจะเต็มอิ่ม 2 ชั่วโมงเต็มๆ ตั้งแต่เวลา 17:30 – 19:30 น.

 

เทศกาลน้ำแข็งทะเลสาบชิโคะทสึ จัดขึ้นที่เมืองจิโตะเซะ ถือเป็นเทศกาลน้ำแข็งที่อลังการมากๆ เพราะเนรมิตพื้นที่บริเวณทะเลสาบชิโคะทสึและรอบๆให้เป็นเมืองแห่งน้ำแข็ง มีปราสาทที่ทำจากน้ำแข็งเต็มไปหมด รวมทั้งยังมีประติมากรรมแกะสลักจากน้ำแข็งที่งดงาม ฉากด้านหลังเป็นวิวทิวทัศน์ทะเลสาบอีกต่างหาก ยิ่งตอนกลางคืนนี่ยิ่งต้องมาได้ยลซักครั้ง เนื่องจากมีการประดับไฟหลากสีตรงส่วนของปราสาทยิ่งทำให้เป็นการเปิดประสบการณ์ที่ควรมาซักครั้งหนึ่งในชีวิต

 

เทศกาลฤดูหนาวสุดยิ่งใหญ่ของฮอกไกโด ที่ทั่วทั้งเมืองจะถูกประดับประดาด้วยสงไฟท่ามกลางหิมะสีขาวที่ปกคลุม มองแล้วเหมือนหลุดออกมาจากภาพฝันก็ไม่ปาน บริเวณแม่น้ำจะมีการจุดเทียนเต็มพื้นน้ำที่ดูโรแมนติกสุดๆโดยจะมีส่วนหลักๆที่จัดประดับไฟอยู่ 3 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ ริมคลองโอตารุ (Unga Kaijo) ที่จะประดับไฟอยู่ริมครองเวลาสะท้อนกับหิมะแลดูระยิบระยับ สถานีรถไฟเก่าแก่ (Temiyasen Kaijo) ที่ผสมผสานระหว่างธรรมชาติกับความเก่าแก่อย่างลงตัว และบริเวณบ่อน้ำพุร้อน (Asarigawa Hot Spring Village) โดยงานจะถูกจัดขึ้นเป็นระยะเวลา 10 วัน ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี

 

การได้ขึ้นกระเช้าเบปปุ (Beppu Ropeway) ในจังหวัดโออิตะ เพื่อขึ้นไปยังยอดเขา Tsurumi เพื่อที่จะได้ชมวิวทัศน์พื้นที่เทือกเขาสลับซับซ้อนของภูเขารอบๆ  ที่ในช่วงฤดูหนาวจะดูสวยงามแปลกตาจากปรากฏการณ์น้ำแข็งเกาะตามต้นไม้ ทำให้เหมือนมีแต่สีขาวโพนไปหมดทั่วทั้งบริเวณโดยกระเช้าของที่นี่นั้นมีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นตะวันตกสามารถจุคนได้มากสุดถึง101 คน

 

รีสอร์ทยอดนิยมอันดับต้นๆของญี่ปุ่นตั้งอยู่ในจังหวัดยามากาตะ ที่ดังมากๆสำหรับคนที่ต้องการไปเล่นสกี แถมยังอยู่ไม่ไกลจากโตเกียวมากนักนั่งรถไฟแบบชิงกังเซ็นไม่เกิน 2 ชั่วโมงก็ถึง โดยการมาเล่นสกีที่นี่วิวดีมากเพราะมีพื้นที่กว้างขวาง หิมะฟูฟ่อง แถมยังมีกองทัพมนุษย์หิมะที่เกิดจากการที่หิมะจำนวนมากโรยมาปิดทับต้นไม้ทำให้แลดูคล้ายมนุษย์ยังไงยังงั้น ทำให้มีการเรียกว่าเป็น “Snow Monster” ช่วงกลางคืนยังมีการเปิดไฟประดับประดาสร้างสีสันให้เหล่า “Snow Monster” กันอีกด้วย

 

หุบเขานรกตั้งอยู่ที่เมืองโนโบริเบะสึ (Noboribetsu) นับเป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น จากการที่มีบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติมากถึง 9 บ่อด้วยกัน โดยแต่ละบ่อจะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป อย่างงที่เด่ดๆก็จะเป็นบ่อน้ำพุกีเซอร์ที่จะพุ่งสูงในทุกๆครึ่งชั่วโมง ยิ่งช่วงหนาวๆหิมะฟูๆล้อมรอบนี่สวยอย่างกับหลุดมาจากภาพวาด ใครที่อยากจะแช่ที่นี่คงต้องผิดหวังกันไปเพราะไม่สามารถแช่ได้ แต่ยังสามารถพักในรีสอร์ทแถวๆนี้ก็จะมีน้ำพุร้อนออนเซ็นธรรมชาติให้เลือกแช่กันหลายแห่ง

 

เทศกาลคามาคุระหรือที่เรียกกันอีกชื่อว่าเทศกาลบ้านน้ำแข็ง จัดขึ้นที่เขตโยโกเตะ เมืองอะกิตะสืบต่อกันมายาวนานถึง 400 ปีแล้ว โดยจะมีการสร้างบ้านหิมะขนาดเล็กๆจำนวนมาก ที่แปลกก็คือการสร้างศาลเทพเจ้าด้านในบริเวณผนัง พร้อมจุดตะเกียงที่เวลาส่องแสงกระทบหิมะดูมีออร่าอย่างบอกไม่ถูก อีกอย่างหนึ่งขาดไม่ได้ในเทศกาลนี้ก็คือการเชื้อเชิญแขกให้เข้าไปการจิบสาเกพร้อมกินโมจิภายในบ้านหิมะเหล่านี้ ซึ่งเชื่อว่าการทำแบบนี้จะนำพาความโชคดีในการเกษตรต่างๆ เทศกาลนี้จะมีการจัดขึ้นช่วงวันที่ 15- 16 กุมภาพันธ์ของทุกๆปี

 

สตรอว์เบอร์รีสายพันธุ์ของญี่ปุ่นนั้นถือว่าเลื่องชื่อเรื่องลูกที่โตสวยและรสชาติหวานฉ่ำเป็นอย่างมาก ทำให้เป็นที่นิยมในหมู่คนไทยที่รักผลไม้ชนิดนี้เป็นพิเศษ ช่วงเดือน ม.ค .- พ.ค. ของทุกปีนี่เรียกว่าเป็นเทศกาลเก็บสตรอว์เบอร์รี่ของญี่ปุ่น เนื่องจากสวนหรือฟาร์มต่างๆจะมีการเปิดให้ลูกค้าได้เข้ามาเก็บสตรอว์เบอร์รี่สดๆจากต้น แบบเด็ดปุ๊บกินปั๊บหรือจะนำกลับก็ได้แต่จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม โดยแหล่งเพาะปลูกใหญ่ๆที่ใกล้โตเกียวก็อย่างจังหวัดจิบะ และจังหวัดชิซุโอะกะ ปกติราคาตกประมาณคนละ 1,000-1500 เยน ที่สำคัญควรต้องมีการจองล่วงหน้า เพราะปกติแล้วจะมีการจองก่อนเข้าไปเสมอ ถ้าไม่โทรไปสอบถามหรือจองก่อนนี่อาจจะไปเสียเที่ยวหมดสนุกไปเลยก็ได้

 

งานประดับไฟที่ญี่ปุ่น เป็นอะไรที่จัดใหญ่ จัดจริง เต็มสุดอะไรสุดจริงๆ อลังการยิ่งกว่าดาวล้านดวงจริงๆ เพราะบางแห่งใช้เค้าเคลมว่าใช้ไฟ LED กันเป็นหลักหลายล้านดวงเลยทีเดียว ทำให้การจัดงาน Illumination ในญี่ปุ่นเป็นอะไร ที่คนมาเที่ยวหน้าหนาวห้ามพลาดโดยเด็ดขาด โดยงานนี้จะมีจัดการหลายแหล่งทั่วประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าคุณจะไปเมืองไหนก็มักจะมีงานประดับไฟนี้ให้เที่ยวอยู่ไม่ไกลแน่นอน

 

กลายเป็นประเพณีของชาวญี่ปุ่นไปแล้ว ที่จะต้องมีการจัดงานคล้ายกับตลาดนัด ตามสวนสาธารณะท้องถิ่นของเมืองต่างๆ ที่จะมีการออกร้านแผงลอยจัดงานกันในช่วงฤดูหนาวก่อนจะถึงวันคริสมาสตามแบบชาวยุโรปที่เรียกกันว่า Chirsmas Market ซึ่งงานนี้จะมีจัดอยู่ทั่วไปแทบทุกเมืองใหญ่ๆในญี่ปุ่นเลย มีการขายของที่ระลึก อาหาร ขนมและเบียร์ให้ผู้คนออกมาเดินเล่น จับจ่ายกันสนุกสนาน

 

 

เรียกได้ว่าต้องพร้อมทุกสถานการณ์ เพราะอากาศหนาวของญี่ปุ่นแบ่งเป็นหลายช่วง ในโตเกียวน่าจะหนาวน้อยกว่าแถบฮอกไกโดหรือซัปโปโร ที่สำคัญบางวันนอกจากหนาวแล้วลม ฝน และหิมะ อาจมาได้ง่ายๆ ติดตามพยากรณ์อากาศของทางญี่ปุ่นให้เหนียวแน่นดีที่สุด อุปกรณ์กันหนาวในฤดูหนาวควรมีดังนี้

• เสื้อผ้าด้านใน : เสื้อแบบ Heat teach นี่ต้องมีเลย เพราะช่วยลดจำนวนชั้นของเสื้อกันหนาวได้มาก จะมีทั้งรุ่นธรรมดาที่เหมาะกับอุณหภูมิประมาณ 5 องศาขึ้นไป เอ็กตร้าเหาะกับอุณภูมิประมาณไม่เกิน -2 แต่ถ้าหนาวมากๆหรือไปเล่นสกีอากาศช่วงมกราคมนี้ต้องประมาณรุ่นอัลตร้าที่ติดลบมากกว่า 5 ก็เอาอยู่ แต่ต้องทับด้วยเสื้อ Sweater อีกซักชั้น
• กางเกง : เน้นแบบเนื้อผ้า Wool หรือจะเป็นยีนส์ก็ได้ แต่ควรใส่แบบ Heat teach กันเหนียว
• เสื้อโค้ท : ที่อุ่นแบบสุดๆก็น่าจะเป็นแบบเนื้อผ้า Wool หรือแบบบุขนเป็ด เรียกว่าสำคัญมากๆ เลือกแบบดีๆไปเลยเพื่อความชัวร์ ดีกว่าไปเจอของปลอมแล้วต้องไปทนหนาวตอนไปเที่ยว
• รองเท้ากับถุงเท้า : ถุงเท้านี่ต้องเตรียมไปหลายๆคู่หน่อย เผื่อไปเจอหิมะหรือฝนทำให้ชื้นจะทำให้ไม่สบายตัว ยิ่งหนายิ่งดี ดีที่สุดก็แบบ Wool รองเท้าจะเป็นผ้าใบก็ได้อยู่แต่ควรเลือกที่พื้นกันลื่น ถ้าจะไปเที่ยวแนวสกีรีสอร์ทใส่แบบบูทดีที่สุดแล้ว
• อุปกรณ์กันหนาวอื่นๆ : ถุงมือ ผ้าพันคอ หมวกนี่ต้องมีติดไว้อย่างน้อยชุดนึง อีกอย่างหนึ่งที่ช่วยได้มากก็คือ “ถุงร้อน” ถ้าหาซื้อยากในไทยก็ไปซื้อที่ญี่ปุ่นได้ เพราะหาง่ายมากๆ แถมช่วยคลายหนาวได้ดีเว่อร์ คนขี้หนาวมากๆนี่แนะนำเลย หนาวตรงไหนใส่มันตรงนั้น และอีกสิ่งที่ถ้าคิดจะไปเดินลุยหิมะหรือน้ำแข็งควรมีคือตัวติดรองเท้าสำหรับกันลื่นจะเป็นแผ่นพร้อมยางรัดรองเท้า ทำให้มีพื้นคล้ายรองเท้ากอล์ฟหรือสตั๊ดฟุตบอล เดินแล้วจะไม่ลื่น

 

 

ช่วงหน้าหนาวนี่มีหลายเมนูเด็ดๆที่ทานช่วงนี้ฟินสุดแล้วไม่ว่าจะเป็น ปูทาราบะทีส่วนมากจะหวานมากเป็นพิเศษ ปลาปักเป้าที่มีมากกว่าทุกฤดู โอเด้งจะนั่งกินแถวๆร้านข้างหางท่างกลางอากาศหนาวๆดีต่อใจนักแล และอีกเมนูที่ขาดไม่ได้เลยก็คือหม้อไฟนาเบะที่เครื่องแน่นจัดหนักจัดเต็มกินแล้วอุ่นไปทั้งตัว ส่วนผลไม้แน่นอนว่าสตรอว์เบอร์รีนี่ตัวชูโรงเลยไม่กินไม่ได้ ช่วงหน้าหนาวนี่จะหาง่ายมีให้เลือกเยอะแยะ จากการที่สตรอว์เบอร์รีเยอะทำให้มีขนมที่ใช้ผลไม้ชนิดนี้เยอะมากทั้งโมจิ เค้ก ขนมปัง เรียกได้ว่าคนรักสตรอว์เบอร์รีต้องยอมอ้วนดีกว่าจะอดกินของอร่อยแบบนี้แน่นอน