แนะนำ โรงแรมที่พัก โตเกียว ญี่ปุ่น อัพเดตล่าสุด

อัพเดต เจาะลึก เบ่งขั้นสุดด้วยตั๋วรถไฟเทพที่นั่งได้ทั่วญี่ปุ่น JR Pass หรือ Japan Rail Pass แบบ All Area Whole Japan 2567


อัพเดตล่าสุดเมื่อ 2 เมษายน 2567

 

JR Pass หลังปรับราคาล่าสุดแล้ว ยังคุ้มอยู่ไหม??

 

ตั๋วรถไฟทั่วประเทศ (All Area Japan Rail Pass หรือ JR Pass) เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางไกลข้ามภูมิภาคในประเทศญี่ปุ่น ให้สิทธิ์สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวชั่วคราวที่สามารถพำนักอยู่ในประเทศญี่ปุ่น 15 วัน/90 วันเท่านั้น ตั๋วชนิดนี้ใช้กับรถไฟของบริษัท JR ได้โดยไม่จำกัดครั้ง

 

* JR Pass รูปแบบใหม่หลังโควิด จะไม่ได้เป็นเล่มๆ ที่เวลาเข้าออกประตูกั้นรถไฟต้องเดินออกทางประตูด้านข้างแล้ว แต่จะมีลักษณะเหมือนกับตั๋วรถไฟทั่วไปที่เสียบที่ช่องทางเดินเข้าออกอัตโนมัติได้เลย แต่อย่าลืมหยิบคืนจากเครื่องมาด้วยนะ

รูปแบบใหม่ของ JR Pass เสียบใส่ช่องเหมือนตั๋วรถไฟได้เลย รูปจาก klook.com

 

 

JR PASS งงมั้ย?


สำหรับคนที่ยังไม่เคยไปญี่ปุ่นเองมาก่อนหรือยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับระบบพาสของญี่ปุ่น จะขอคั่นเวลาอธิบายเล็กน้อย สำหรับใครที่รู้ดีอยู่แล้วข้ามไปได้เลยจ้า

การเดินทางในประเทศญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเน้นที่รถไฟเป็นหลัก ซึ่งมักจะดำเนินงานโดยบริษัทรถไฟของรัฐบาลที่เรียกว่า JR หรือ Japan Rail โดยจะแบ่งการดำเนินการออกเป็นบริษัทย่อยตามพื้นที่ เช่น Central Japan, East Japan, West Japan, Kyushu และ Hokkaido แล้วแต่ละส่วนก็มีการออกพาสของตัวเองแบบยิบย่อยมากมาย เช่น Tokyo Wide Pass หรือ Kansai Wide Pass แล้วเรียกทุกแบบว่าเป็น JR Pass เหมือนกัน ทำให้อาจจะสับสนกับ JR Pass ในหน้านี้ได้

สำหรับJR Pass ในหน้านี้จะหมายถึง พาสที่สามารถใช้ได้กับทุกภูมิภาคทุกส่วนของประเทศญี่ปุ่นที่บริหารโดยบริษัท JR และก็มีราคาแพงที่สุดในบรรดาพาสทั้งหมดด้วยเพราะว่านั่งได้ทั่วประเทศญี่ปุ่นเลย ทำให้บางคนเรียกพาสนี้ว่า JR All Area Pass หรือ JR Whole Japan Pass หรือ All Japan Pass อะไรประมาณนี้นั่นเอง

 

 

ชนิดและราคาของ JR Pass


JR Pass แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ Ordinary(รถไฟชั้นธรรมดา) และ Green(รถไฟชั้น1 ที่นั่งกว้างกว่า) แต่ละชนิดจำหน่ายตั๋วสำหรับใช้งาน 7 วัน 14 วัน และ21 วัน
ราคา (วันที่ 1 มีนาคม 2016)

▌GREEN – รถไฟชั้น 1(แบบหรูกว่า) ราคาแพงกว่าประมาณ 30%

7-Days ผู้ใหญ่ ¥70,000
เด็ก(6-11 ปี) ¥35000
 14-Days ผู้ใหญ่ ¥110,000
เด็ก(6-11 ปี) ¥55000
 21-Days ผู้ใหญ่ ¥140,000
เด็ก(6-11 ปี) ¥70000

▌ORDINARY PASS – รถไฟธรรมดา

7-Days ผู้ใหญ่ ¥50,000
เด็ก(6-11 ปี) ¥25,000
 14-Days ผู้ใหญ่ ¥80,000
เด็ก(6-11 ปี) ¥40,000
 21-Days ผู้ใหญ่ ¥100,000
เด็ก(6-11 ปี) ¥50,000

*ราคาข้างต้นเป็นสกุลเงินเยน ค่าใช้จ่ายจริงจะเป็นไปตามสกุลเงินท้องถิ่น(บาท)
ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดดูที่เว็บไซต์ Japan Rail Pass สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม หรือตรวจสอบจากเอเจนซี่ท่องเที่ยว

▌ดูรีวิวและราคาโปรโมชั่น JR Pass ทั้งหมด

 

 

 

ข้อแตกต่างระหว่างรถไฟชั้น 1(Green) กับ แบบธรรมดา(Ordinary)


Green รถไฟชั้น 1 จะมีที่นั่งกว้างกว่า Ordinary ชั้นธรรมดา และผู้โดยสารมักจะมีจำนวนน้อยกว่า ข้อแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยว หากต้องการความหรูหราสะดวกสบายไม่แออัดให้เลือกนั่งรถไฟชั้น 1

นักท่องเที่ยวที่ซื้อตั๋ว Ordinary หากต้องการอัพเกรดไปนั่ง Green จะมีค่าใช้จ่ายต่างหากซึ่งราคาค่อนข้างสูง

ที่นั่งรถไฟขบวนธรรมดา(ordinary)

ที่นั่งรถไฟชั้นธรรมดา(Ordinary)

ที่นั่งรถไฟชั้น 1(Green)

ที่นั่งรถไฟชั้น 1(Green)

 

 

สถานที่ซื้อ


ซื้อได้ทั้งในและนอกประเทศญี่ปุ่น แต่ควรซื้อจากนอกประเทศญี่ปุ่นผ่านเอเจนซี่ท่องเที่ยวที่ถูกกฎหมายเพราะจะมีราคาถูกกว่า แล้วจึงนำเอกสารมาแลกเปลี่ยนตั๋วเมื่อเดินทางมาถึง ตั๋วมีอายุในการแลกเปลี่ยนภายใน 90 วันหลังจากวันซื้อ

exchange order ที่ได้รับเมื่อซื้อตั๋วผ่านเอเจนซี่ท่องเที่ยวนอกประเทศญี่ปุ่น

exchange order ที่ได้รับเมื่อซื้อตั๋วผ่านเอเจนซี่ท่องเที่ยวนอกประเทศญี่ปุ่น

▌ดูรีวิวและราคาโปรโมชั่น JR Pass ทั้งหมด

 

 

การใช้งาน


1. รถไฟ JR
ใช้กับรถไฟ JR Group Railways-Shinkansen ได้ทั่วประเทศ รวมทั้ง Shinkansen, limited express trains, express trains, rapid และ local trains

2. รถไฟ Aoimori Railways เดินทางระหว่าง Aomori กับ Hachinohe
ผู้ใช้สามารถลงได้เพียง 3 สถานี คือ Aomori, Noheji และ Hachinohe รวมถึงการเดินทางไปยังคาบสมุทรชิโมคิตะ(Shimokita Peninsula)ด้วย

3. รถไฟโมโนเรลไปกลับ Haneda Airport-Tokyo

4. ใช้ได้เฉพาะเรือเฟอร์รี่ข้ามฟาก JR Miyajima ferry เท่านั้น (ไม่ครอบคลุมเรือเฟอร์รี่ JR Hakata-Pusan(Korea))

5. รถบัสประจำทาง JR
ใช้ได้กับรถบัสประจำทางท้องถิ่นของบริษัท JR(ไม่รวมรถบัสhighway) ได้แก่
– ยามากูจิ(Yamaguchi)ฮากิ(Hagi)
– สถานีเกียวโต(Kyoto Station)เรียวอันจิ(Ryoanji)ทาคาโอะ(Takao)
– สถานีคานาซาว่า(Kanazawa Station)เคนโรคุเอน(Kenrokuen)
– รถบัส JR ไปยัง ทะเลสาบโทวาดะ(Lake Towada)
– รถบัสนักท่องเที่ยว(tourist loop bus)ในเมืองฮิโรชิม่า(Hiroshima)
– รถบัส(city bus)รอบๆเมืองซัปโปโร(Sapporo)
– รถบัสJRท้องถิ่นไปยังคุซาสึออนเซน(Kusatsu Onsen)

 

 

ข้อจำกัดการใช้งาน ไม่ครอบคลุมรถไฟและเส้นทางดังต่อไปนี้


  • รถไฟ Nozomi Trains
    ผู้ใช้ตั๋ว JR สามารถใช้รถไฟ Hikari Trains ในเส้นทางเดียวกันแทนได้ ซึ่งจะช้ากว่าเล็กน้อย
    หากต้องการใช้บริการรถไฟ Nozomi Trains จะต้องจ่ายราคาเต็ม
  • รถไฟ Mizuho Trains
    ผู้ใช้ตั๋ว JR สามารถใช้รถไฟ Sakura Trains ในเส้นทางเดียวกันแทนได้ ซึ่งจะช้ากว่าเล็กน้อย
    หากต้องการใช้บริการรถไฟ Mizuho Trains จะต้องจ่ายราคาเต็ม
  • รถไฟ JR Trains บางสาย
    มีประมาณ 12 สายที่ไม่สามารถใช้ตั๋ว JR Pass ได้ (รถไฟ Non-JR Track)
  • ช่องและชานชาลาพิเศษ
    ชานชาลาของรถไฟกลางคืนไม่สามารถใช้ตั๋ว JR Pass ได้
  • รถไฟที่ต้องใช้ตั๋วไลเนอร์(Liner Ticket)
    รถไฟในแถบชานเมืองของเครือข่าย JR เช่น Home Liner  ยกเว้น Marine Liner, Seaside Liner และ Ishikari Liner สามารถใช้ตั๋ว JR Pass ได้
  • รถบัสทางหลวง(Highway Buses)

 

 

สิทธิพิเศษเพิ่มเติมสำหรับตั๋ว JR Pass 


  • สำรองที่นั่งโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ผ่านเคาน์เตอร์ที่สถานีรถไฟ JR หลักๆ
  • ส่วนลดสำหรับโรงแรมในเครือ JR
    โรงแรมในเครือ JR เป็นกลุ่มโรงแรมที่ตั้งอยู่ในหรือใกล้สถานีรถไฟ เช่น Metropolitan, Mets, Massocia และ Granvia เป็นต้น โดยสามารถจองห้องพักแบบออนไลน์ได้อย่างสะดวก

 

 

การนับวันหมดอายุของตั๋ว


ตั๋ว JR Pass จะนับระยะเวลาตามปฏิทิน(เที่ยงคืน-เที่ยงคืน) เช่น ตั๋ว 7 วัน เริ่มต้นใช้งานวันแรกเวลาเที่ยงวัน(12:00) จะหมดอายุในเวลาเที่ยงคืน(00:00)ของวันที่เจ็ด

แต่ถ้าคุณนั่งอยู่ในรถไฟเวลาเที่ยงคืนของวันหมดสุดท้ายของตั๋ว คุณยังสามารถนั่งไปได้จนถึงสถานีปลายทางที่ต้องการลง (ยกเว้นกรณีที่คุณเปลี่ยนไปนั่ง Shinkansen, limited express หรือ express train หลังเที่ยงคืน จะไม่สามารถใช้ตั๋วได้)

 

 

การแลกเปลี่ยนตั๋วหลังจากเดินทางมาถึงประเทศญี่ปุ่น


image from KLOOK

เมื่อซื้อตั๋ว JR Pass มาแล้ว หลังจากเดินทางมาถึงประเทศญี่ปุ่นจะต้องนำไปเปลี่ยนเป็นตั๋ว JR Pass (ตามในรูป) ที่สถานีรถไฟหลักของ JR ได้ทั่วประเทศญี่ปุ่น รวมถึง Narita Airport และ Kansai Airport
เอกสารสำคัญที่ต้องใช้: Exchange order + พาสปอร์ต + กรอกใบเอกสารที่ได้รับจากเจ้าหน้าที่

หลักจากที่แลกเป็นตั๋วที่เหมือนกับตั๋วรถไฟแล้ว คุณสามารถเลือกวันเริ่มต้นการใช้งานภายในระยะเวลา 1 เดือน โดยเมื่อเลือกวันแล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

รูปแบบใหม่ของ JR Tokyo Wide Pass เสียบใส่ช่องเหมือนตั๋วรถไฟได้เลย รูปจาก klook.com

 

 

วิธีใช้ JR Pass


ผู้ใช้ตั๋ว JR Pass แบบใหม่ สามารถสอดตั๋วเข้าช่องประตูอัตโนมัติได้เลย

 

 

วิธีสำรองที่นั่ง


ต้องสำรองที่นั่งผ่านเคาน์เตอร์ JR ticket office ล่วงหน้าก่อนวันเดินทางอย่างน้อย 1 วัน
การสำรองที่นั่งมีเฉพาะรถไฟที่เดินทางไกลข้ามเมืองหรือภูมิภาค รวมถึง
– Narita Express(Tokyo-Narita Airport)
– Hayabusa และ Hayate trains(เส้นทางของ Tohoku Shinkansen)
– Komachi Trains(เส้นทางของ Akita Shinkansen)
– รถไฟกลางคืน(ส่วนใหญ่)

หากคุณไปไม่ทันรถไฟขบวนที่สำรองที่นั่งไว้ สามารถรอรถไฟขบวนถัดไปโดยนั่งโบกี้ non-reserved หรือสำรองที่นั่งใหม่

 

 

สรุป JR Pass คุ้มมั้ย?


คุ้มหรือไม่คุ้มจะขึ้นอยู่กับว่า แพลนการเที่ยวของคุณเป็นยังไง ถ้าไปเที่ยวแบบย้ายเมืองไปเรื่อยๆผ่านไปหลายๆภูมิภาค เช่น จากคิวชูทางใต้ไปถึงฮอกไกโด หรือเที่ยว 2-3 ภูมิภาคของเกาะใหญ่ฮอนชู หรือ จากโตเกียว ไป โอซาก้า เกียวโต ฮิเมจิ ฮิโรชิม่า อะไรแบบนี้ ก็ต้องบอกว่าการซื้อ JR PASS นี้คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม แถมจะได้นั่งรถไฟความเร็วสูงหรือชินคันเซนกันจนเบื่อเลยทีเดียว แต่ถ้าคุณจะเที่ยวอยู่แค่ในภูมิภาคเดียวอยู่แค่ 1-2 เมืองอย่างงี้ก็น่าจะไม่ค่อยคุ้ม เพราะ JR PASS แบบทั่วญี่ปุ่นนี้มีราคาที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับพาสแบบอื่นๆที่ครอบคลุมพื้นที่เล็กกว่าซึ่งมีให้เลือกเยอะมากตามแต่ละพื้นที่ เช่น Tokyo Wide passKansai Wide Pass หรือ Hokkaido Pass เป็นต้น

▌ดูรีวิวและราคาโปรโมชั่น JR Pass ทั้งหมด