เที่ยว ญี่ปุ่น ครั้งแรก ไปไหนดี ? 5 เมืองควรไปในปี 2025

เชื่อว่าทุกคนที่กำลังวางแผนไปเที่ยว ญี่ปุ่น ครั้งแรก คงจะมีคำถามเหมือนๆ กันคือ “จะ ไปไหนดี นะ?” เพราะญี่ปุ่นมีที่เที่ยวเยอะมาก และแต่ละเมืองก็มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันจนเลือกไม่ถูกว่าจะเริ่มต้นที่ไหนดี บทความนี้จึงจะมาแนะนำ 5 เมืองที่เหมาะกับการเริ่มต้นทริปญี่ปุ่นครั้งแรก พร้อมอัปเดตแลนด์มาร์กใหม่ล่าสุดที่น่าสนใจในปี 2025 รวมถึงเคล็ดลับการเตรียมตัวที่จะช่วยให้การวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้ราบรื่นและสนุกยิ่งขึ้น พร้อมแล้วไปดูกันเลย
เตรียมตัวก่อนเที่ยว ญี่ปุ่น ครั้งแรก ปี 2025
วางแผนการเดินทาง
ขั้นตอนแรกควรเริ่มจากการเลือกช่วงเวลา และเมืองที่จะไปก่อน จะช่วยให้เตรียมเรื่องอื่นง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าที่เหมาะกับอากาศ การเลือกเส้นทาง วิธีเดินทาง หรือหาที่พักและร้านอาหารให้ใกล้จุดที่อยากไป ที่สำคัญควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียด เช่น รอบรถไฟในแต่ละวัน หรือเวลาเปิด – ปิดของบางสถานที่ซึ่งอาจจะเปลี่ยนตามฤดูกาล จะได้ไม่เสียเวลาเที่ยว
ลงทะเบียน Visit Japan
ก่อนจะไปเที่ยวญี่ปุ่น แนะนำให้ลงทะเบียน Visit Japan ผ่านทางเว็บไซต์ www.vjw.digital.go.jp ก่อน เป็นระบบกรอกข้อมูลตม. แบบออนไลน์ ที่ช่วยให้ขั้นตอนการเข้าเมืองสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เมื่อไปถึงตม. ก็สามารถนำ QR Code ที่ได้ไปโชว์ให้เจ้าหน้าที่ดูได้เลย ไม่ต้องกรอกเอกสารเพิ่มอีก แนะนำให้เผื่อเวลาลงทะเบียนล่วงหน้าอย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ก่อนออกเดินทาง จะได้มีเวลาเตรียมเอกสาร ตรวจสอบหรือแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง โดยเอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับการลงทะเบียน มีดังนี้
หนังสือเดินทางเล่มปัจจุบันและยังไม่หมดอายุ
รายละเอียดที่พักในญี่ปุ่น เช่น ชื่อที่พัก ที่อยู่ และเบอร์ติดต่อ
ข้อมูลการเดินทาง เช่น สายการบิน หมายเลขไฟลท์ วันเดินทาง
ทำประกันการเดินทาง
ประกันการเดินทางเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่ควรมองข้ามเมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่น เพราะอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันหรืออาการเจ็บป่วยสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลญี่ปุ่นก็อาจไม่ง่ายนัก ทั้งเรื่องระบบที่ไม่คุ้นเคย หรือปัญหาในการสื่อสาร รวมถึงค่าใช้จ่ายที่สูงเอาเรื่อง เพราะฉะนั้นเพื่อความอุ่นใจ แนะนำให้ซื้อประกันเดินทางไว้ก่อนเลย โดยเฉพาะคนที่มีแผนจะไปเล่นหิมะหรือทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูง
บัตรรถไฟ
ญี่ปุ่นมีระบบรถไฟที่ครอบคลุมและสะดวกมาก ทั้งเดินทางในเมืองและระหว่างเมือง แต่ด้วยความหลากหลายของบัตรโดยสารก็อาจจะทำให้เกิดความสับสนว่าจะซื้ออันไหนดี เพราะมีทั้ง JR Pass, IC Card, Tokyo Subway Ticket, Osaka Amazing Pass, Kansai Thru Pass ฯลฯ แนะนำให้วางแผนเส้นทางล่วงหน้าว่าจะไปที่ไหนบ้าง แล้วคำนวณค่าเดินทางทั้งหมด จากนั้นจึงนำมาเปรียบเทียบดูว่าบัตรไหนช่วยประหยัดได้มากที่สุด เพราะบางครั้งซื้อแยกก็อาจจะถูกกว่า
ซิมเน็ต
อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยในยุคนี้คือ ซิมเน็ต เพราะบางครั้งเราก็อาจจะต้องใช้หาข้อมูลระหว่างเดินทาง เช็กแผนที่ หรือติดต่อสื่อสารกับเพื่อนๆ แนะนำว่าให้ซื้อซิมจากไทยไปเลย จะสะดวกกว่ามาก ถึงญี่ปุ่นก็พร้อมใช้งานได้ทันที หรืออาจจะเปิด Roaming ผ่านมือถือก็ได้เหมือนกัน เหมาะสำหรับคนที่จำเป็นต้องรับ OTP เพื่อทำธุรกรรมธนาคาร แต่ค่าใช้จ่ายโดยรวมอาจจะสูงกว่า
ญี่ปุ่น ไปไหนดี แนะนำ 5 เมืองน่าเที่ยวในญี่ปุ่น สนุกครบรส
โตเกียว

โตเกียวเป็นเมืองหลวง และเมืองที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น เต็มไปด้วยความทันสมัยและบรรยากาศคึกคักแบบมหานคร อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตมากมาย มีให้เลือกครบทุกแบบ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ แม่น้ำ ภูเขา วัด ศาลเจ้า พระราชวัง ไปจนถึงแหล่งช้อปปิ้งชื่อดัง เดินทางไปไหนก็สะดวกด้วยระบบขนส่งสาธารณะที่ครอบคลุมทั่วเมือง
ในปี 2025 นี้โตเกียวมีแลนด์มาร์กใหม่ที่น่าสนใจอย่าง teamLab Borderless Azabudai Hills พิพิธภัณฑ์ศิลปะดิจิทัลขนาด 7,000 ตร.ม. ที่รวมผลงานกว่า 50 ชิ้น เชื่อมต่อกันเป็นโลกไร้ขอบเขต แสง สี เสียงจัดเต็ม เดินเพลินเหมือนหลุดเข้าไปในจักรวาลแห่งจินตนาการ และ Toyosu Senkyaku Banrai คอมเพล็กซ์ใหม่ ที่ตั้งอยู่ติดกับตลาดปลาโทโยสุ (Toyosu) ตกแต่งแบบย้อนยุคในสไตล์เอโดะ มีร้านค้า ร้านอาหาร และออนเซ็นที่มองเห็นวิวพาโนรามา 360 องศา
เกียวโต

แม้ชื่อคล้ายกัน แต่บรรยากาศแตกต่างกันมาก เพราะเกียวโตเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของญี่ปุ่นยุคเก่า สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมจึงเป็นพวกวัด ศาลเจ้า ย่านเก่าแก่ และธรรมชาติที่สวยงาม เช่น วัดคิโยมิซุ หรือวัดน้ำใส (Kiyomizu-dera) , วัดคินคะคุจิ (Kinkakuji Temple), ป่าไผ่อาราชิยาม่า (Arashiyama) เหมาะสำหรับคนที่อยากมาเที่ยวญี่ปุ่นแบบชิลๆ เดินเล่นซึมซับบรรยากาศ แวะจิบกาแฟในคาเฟ่
ไฮไลต์ประจำปี 2025 คือ โซนเปิดใหม่ที่ชั้น 7 East Square สถานี JR Kyoto ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Garden Project ที่ร่วมมือกันระหว่างสำนักงานกิจการวัฒนธรรม องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดเกียวโต และบริษัท NAKED, INC. ที่ขึ้นชื่อเรื่องการจัดแสดงไฟ มีพื้นที่เปิดโล่งให้นั่งเล่น และในตอนกลางคืนยังมีการฉายภาพแลนด์มาร์กต่างๆ ของเกียวโตบนตัวอาคารด้วย บอกเลยว่าสวยงามอลังการมาก นอกจากนี้ยังมีร้านน้ำชา KIWA ที่มีการจัดแสดงงานศิลปะจากไม้ไผ่ ผสมผสานกับแสงไฟ illumination ให้ประสบการณ์ดื่มชาแบบใหม่ไม่เหมือนใคร !
โอซาก้า

โอซาก้าเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในภูมิภาคคันไซ สามารถนั่งเครื่องบินจากไทยมาลงที่นี่ได้เลยไม่ต้องต่อเครื่อง มาเที่ยวญี่ปุ่นเมืองนี้บอกเลยว่าสนุกมาก เพราะเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสีสันและความมีชีวิตชีวา อาหารอร่อย ช้อปปิ้งสนุก บรรยากาศคึกคักตลอดทั้งวัน ที่สำคัญยังเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ด้านประวัติศาสตร์ เนื่องจากเคยเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นในอดีต จึงมีทั้งปราสาท วัดวาอาราม และย่านเมืองเก่าที่ผสมผสานกับความทันสมัยได้อย่างลงตัว
แลนด์มาร์กใหม่ที่ต้องมาเช็กอินคือ Grand Green Osaka ในอุเมดะ เป็นโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ที่รวมทั้งสวนสาธารณะ สำนักงาน โรงแรม ร้านอาหาร และแหล่งช้อปปิ้งไว้ในที่เดียวบนพื้นที่กว่า 90,000 ตร.ม. ที่สำคัญคือมี Time Out Market Osaka ฟู้ดฮอลล์ชื่อดังที่มาเปิดที่นี่เป็นที่แรกของเอเชียด้วย นอกจากนี้ที่สวนสนุก Universal Studios Japan ยังเปิดโซนใหม่ Donkey Kong Country ในธีมป่าดงดิบ ที่มีรถไฟเหาะสุดมันส์ พร้อมมุมถ่ายรูปสวยๆ อีกเพียบ
ชิซูโอกะ (Shizuoka)

ชิซูโอกะ ตั้งอยู่ในภูมิภาคชูบุของเกาะฮอนชู สามารถนั่งรถไฟจากโตเกียวมาได้โดยใช้เวลาแค่ประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น เป็นจังหวัดมีชื่อเสียงเรื่องการปลูกชา และทิวทัศน์ธรรมชาติที่งดงาม นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟฟูจิ สัญลักษณ์สำคัญของญี่ปุ่น ที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนจากหลายจุดในเมือง เช่น สะพานแขวนมิชิมะ (Mishima Sky Walk) ซึ่งเป็นสะพานแขวนที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น และไร่ชาโอบุจิซะซะบะ (Obuchi Sasaba) ที่มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิ
ในปี 2025 สวนอิซุ พาโนรามา พาร์ค (Izu Panorama Park) ยังเปิดโซนใหม่ที่ชื่อว่า Sky Garden by Ao Terrace ซึ่งมีจุดชมวิว Grand Loop ที่มีทางเดินวนเป็นวงกลม และระเบียงที่ยื่นออกไปนอกภูเขา มองเห็นทัศนียภาพอันกว้างไกลของธรรมชาติโดยรอบ รวมถึงภูเขาไฟฟูจิที่อยู่ตรงหน้าแบบพอดีเป๊ะ !
ฟุกุโอกะ (Fukuoka)

ฟุกุโอกะ ตั้งอยู่บนเกาะคิวชู ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น บรรยากาศออกแนวสโลว์ไลฟ์ ทันสมัยแต่ไม่วุ่นวาย การเดินทางก็สะดวกสบาย เพราะมีทั้งรถบัสและรถไฟครอบคลุมทั่วเมือง ไฮไล์ของที่นี่คือ วัดนันโซอิน (Nanzoin Temple) ซึ่งมีพระนอนองค์ใหญ่ที่คนไทยนิยมมากราบไหว้ขอพรกัน นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น ปราสาทฟุกุโอกะ (Fukuoka Castle Ruin) และศาลเจ้าดาไซฟุ เท็มมังกู (Dazaifu Tenmangu)
ส่วนแลนด์มาร์กใหม่รับรองว่าถูกใจขาช้อปสุดๆ กับ One Fukuoka Bldg. ที่มีความสูงถึง 19 ชั้น และชั้นใต้ดินอีก 4 ชั้น ภายในมีทั้งโรงแรม สำนักงาน ร้านอาหาร 30 แห่ง และร้านค้ากว่า 126 ร้านค้า ที่จำหน่ายทั้งสินค้าแฟชั่น เครื่องสำอาง สินค้าไลฟ์สไตล์ อุปกรณ์กีฬา ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีงานศิลปะ 126 ชิ้นจากศิลปิน 21 ท่าน ประดับอยู่ทั่วตึกด้วย
ใครยังไม่เคยมาเที่ยวญี่ปุ่น ก็ลองหาเวลามากันได้ ประเทศนี้เที่ยวเองได้ไม่ยาก แค่เตรียมตัวดี ๆ วางแผนล่วงหน้าสักนิด เลือกเส้นทางให้เหมาะกับสไตล์ที่ชอบ รับรองว่าจะได้ทั้งความสนุก ความประทับใจ และความทรงจำดีๆ กลับไปแน่นอน