ยามากุจิ

จังหวัดยามากุจิ (Yamaguchi) ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้สุดของเกาะฮอนชู เกาะหลักของญี่ปุ่น ทำให้เป็นจุดเชื่อมต่อไปยังเกาะคิวชูด้วย เป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่น รวมทั้งชมความงามของธรรมชาติ และชิมอาหารอร่อย เพราะที่นี่นอกจากถูกโอบล้อมด้วยทะเล ในอดีตเคยเป็นฐานที่มั่นของตระกูลซามูไรที่ทรงอำนาจในช่วงยุคเซนโกคุ จนถูกเรียกว่า “เกียวโตแห่งตะวันตก” มาถึงตรงนี้หลายคนน่าจะเริ่มสนใจกันบ้างแล้ว คราวนี้ตามไปดูกันต่อดีกว่าว่าที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรน่าสนใจบ้าง       Spyan/shutterstock.com f11photo/shutterstock.com gnoparus/shutterstock.com สะพานคินไทเคียว (Kintaikyo Bridge) สะพานไม้ที่สวยงามและมีชื่อเสียงมากที่สุดในญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในเมืองอิวาคุนิ (Iwakuni) สะพานมีความยาว 193.3 เมตร ทอดข้ามแม่น้ำนิชิกิ (Nishiki River) ที่รอบบริเวณมีวิวทิวทัศน์งดงาม ทำให้สะพานแห่งหนึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่ต้องไปเยือนหากเดินทางมายังจังหวัดยามากุจิ สะพานคินไตเคียวถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1673 ในยุคเอโดะ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้เป็นทางเชื่อมระหว่างพื้นที่ในเมืองและปราสาทอิวาคุนิ (Iwakuni Castle) ซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาใกล้เคียง ความโดดเด่นของสะพานคือการออกแบบที่ใช้วิธีการประกอบไม้แบบพิเศษ โดยไม่ใช้ตะปู ซึ่งเป็นการออกแบบที่ไม่เพียงแค่สวยงาม แต่ยังคงทนต่อสภาพอากาศที่แปรปรวนและน้ำท่วม สะพานคินไตเคียวได้รับการบูรณะและซ่อมแซมหลายครั้งเพื่อรักษาความงดงาม และความแข็งแรงของโครงสร้างให้คงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน สิ่งที่ทำให้สะพานคินไตเคียวโดดเด่นเป็นพิเศษ ก็คือการออกแบบความโค้งของสะพานเป็น 5 ช่วงที่มีความสมดุลและสวยงาม การเดินข้ามสะพานจะทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปยังยุคโบราณ ขณะเดียวกันก็สามารถชมวิวแม่น้ำนิชิกิและธรรมชาติรอบไปพร้อมๆ…

Motonosumi Inari Shrine  ตั้งอยู่ในเมือง Nagato จังหวัด Yamaguchi เป็นศาลเจ้าที่โดดเด่นด้วยเสาโทริอิสีแดงเรียงรายถึง 123 ต้น ไล่เรียงลงไปสู่ทะเลญี่ปุ่น ตำนานเล่าว่าศาลเจ้าแห่งนี้เกิดขึ้นจากการที่ชาวประมงท้องถิ่นได้พบกับสุนัขจิ้งจอกขาว และตั้งใจสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1955 ใครมาที่นี่จะได้ทั้งความสงบและวิวธรรมชาติที่สวยมาก จุดเด่นที่ห้ามพลาด เสาโทริอิสีแดง เสาโทริอิ 123 ต้นที่เรียงรายทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในมุมถ่ายรูปที่สวยที่สุด วิวเสาแดงที่ตัดกับทะเลและฟ้าสีครามคือที่สุด กล่องรับเงินทำบุญแบบไม่เหมือนใคร กล่องรับเงินทำบุญของที่นี่ตั้งอยู่บนยอดเสาโทริอิสูงถึง 6 เมตร ลองโยนเหรียญลงกล่องแล้วอธิษฐาน ถ้าทำสำเร็จเขาเชื่อว่าคำขอจะเป็นจริง ฤดูกาลที่ควรไป ที่นี่สวยทุกฤดู แต่ถ้าไปช่วงฤดูหนาว ทะเลจะมีคลื่นแรงและวิวจะดูดุดันแบบธรรมชาติสุด ๆ     dar44/shutterstock.com nakamura7/shutterstock.com     พิกัด: 498 Yuyatsuo เมือง Nagato จังหวัด Yamaguchi

ศาลเจ้า Hofu Tenmangu (โฮฟุ เท็นมังกู) ในเมือง Hofu (โฮฟุ) จังหวัดยามากุจิ ถือเป็น “ศาลเจ้าเท็นมังกูแห่งแรกในญี่ปุ่น” ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 904 เพื่อบูชา Sugawara no Michizane (สุงาวาระ โนะ มิจิซาเนะ) ผู้เป็นเทพแห่งการศึกษา ใครที่อยากขอพรเรื่องการเรียนหรือการสอบ ส่วนใหญ่จะมาไหว้ที่นี่ mTaira/shutterstock.com Emi Leung/shutterstock.com     สิ่งที่น่าสนใจในศาลเจ้า อาคารหลัก (Honden) จุดสำคัญที่คนมักมาขอพรเรื่องการเรียน บันไดหิน 57 ขั้น เป็นสัญลักษณ์อายุของมิจิซาเนะตอนเดินทางมายัง Hofu รูปปั้นวัวในฝัน (Dream Cow) วัวทองสัมฤทธิ์ที่เชื่อว่าเป็นผู้ส่งสารของเทพเท็นจิน เชื่อว่าลูบตัววัวแล้วจะโชคดี ชมดอกบ๊วยบาน (ช่วงกุมภาพันธ์) รอบศาลเจ้ามีต้นบ๊วยประมาณ 1,100 ต้น ช่วงบานจะสวยมาก เทศกาล Tanabata (ช่วงกรกฎาคม) มีการประดับโคมไฟทั่วบริเวณ ดูสวยงามและมีบรรยากาศแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม  …

ทั่วประเทศญี่ปุ่นมีแหล่งชมซากุระที่สวยงามอยู่มากมาย เรียกว่าถ้าไปถูกที่ถูกเวลาก็สามารถชมดอกซากุระบานที่สวยงามได้ทุกที่ แต่มีอยู่ 10 สถานที่ชมซากุระในญี่ปุ่นที่ได้รับการจัดอันดับจากเว็บไซต์ท่องเที่ยวญี่ปุ่นว่ามีความสวยงามและเป็นที่นิยมมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เรามาดูกันเลยดีกว่าว่า 10 สุดยอดจุดชมซากะระบานอยู่ที่ไหนกันบ้าง 1. บริเวณรอบๆ ปราสาท คุมะโมโตะ ที่ตั้ง:เมืองคุมะโมโตะ จังหวัดคุมะโมโคะ ปราสาทคุมะโตะ สร้างขึ้นเมื่อประมาณ 400 ปีก่อน เป็นหนึ่งในสามปราสาทที่มีแนวรั้วกำแพงหินที่สวยงามในญี่ปุ่น เมื่อถึงฤดูการชมดอกซากุระ จะเปิดให้เข้าชมในเวลากลางคืนด้วย จึงสามารถเพลิดเพลินกับการชมดอกซากุระยามราตรี ไปตามถนนที่ประดับด้วยโคมไฟแล้วท่านก็จะได้ลิ้มรสกับความสุขที่ยากจะหาใดเปรียบ การเดินทาง: ขึ้นรถโดยสารประจำทาง จากสถานีรถไฟ JR คุมะโมโตะ 15 นาที ช่วงเวลาชมดอกซากุระ: ปลายเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน ค่าผ่านประตู: ผู้ใหญ่ 500 เยน/ เด็ก 200 เยน 2. สะพานคินไตเคียว ที่ตั้ง: เมืองอิวะคุนิ จังหวัดยะมะงุจิ สะพาน “คินไตเคียว” เป็นสะพานที่มีรูปร่างแตกต่างจากสะพานทั่วไป ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสามสะพานที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น เมื่อย่างเข้าเดือนเมษายน บริเวณๆสะพานแห่งนี้ จะเต็มไปด้วยสีชมพูของดอกซากุระ งานเทศกาลชมดอกซากุระแห่งสะพาน “คินไตเคียว” จัดขึ้นในช่วงต้นเดือนเมษาของทุกปี ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจำนานมาก…

JR Hiroshima Yamaguchi Area Pass – ตั๋วรถไฟเจอาร์ฮิโรชิม่า และยามากูจิ เป็นตั๋วเดินทางแบบเหมาสำหรับ รถบัสและรถไฟในเครือ JR สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติโดยเฉพาะ ใช้ได้ติดต่อกัน 5 วัน สามารถโดยสารรถไฟ JR trians line (รวมถึงรถไฟ shinkansen และ limited express แบบไม่สำรองที่นั่ง) ภายในฮิโรชิม่า ยามากูจิ และไปได้ไกลถึงเมืองฟูกุโอกะ เกาะคิวชู ได้โดยไม่จำกัดครั้ง อาจจะเหมาะกับคนที่นั่งเครื่องบินไปลงที่เมืองฟูกูโอกะแล้วอยากไปเที่ยวที่ Hiroshima   * ตั๋วเด็กอายุ 6-11 ปี จำหน่ายครึ่งราคา 5 วัน (ติดต่อกัน) ￥15,000 / 7,500         โดยสารรถไฟ local, rapid และ limited express JR…

ตั๋วรถไฟ เจอาร์ คันไซ ฮิโรชิม่า (JR Kansai Hiroshima Area Pass) เป็นพาสการเดินทางแบบเหมาจ่าย ที่ใช้เดินทางได้ไม่จำกัดภายในพื้นที่ภูมิภาคคันไซและเมืองฮิโรชิมะ โดยไม่จำกัดครั้ง ติดต่อกัน 5 วัน จำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเท่านั้น สามารถโดยสารรถไฟ และรถบัส JR (รวมถึงรถไฟ shinkansen และ limited express แบบไม่สำรองที่นั่ง) ภายในภูมิภาคคันไซ ตามแนวชายฝั่งซันโย(ถึงฮิโรชิม่า) เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเดินทางเที่ยวข้ามภูมิภาค เช่น จาก โอซาก้า ไปเที่ยวถึง ฮิเมจิ ฮิโรชิม่า เกาะมิยาจิม่า จะคุ้มค่าพาสที่สุด แต่ถ้าเที่ยวอยู่แค่ในคันไซก็จะมีพาสอื่นให้เลือกที่ราคาถูกกว่านี้     5 วัน ต่อเนื่องกัน ผู้ใหญ่ ￥17,000 เด็ก(6-11 ปี) ￥8,500           โดยสารรถไฟ local, rapid…

ตั๋วรถไฟเจอาร์แถบ ซันโย ซันอิน (JR Sanyo Sanin Area Pass) เป็นพาสเดินทางแบบเหมาจ่ายที่กินพื้นที่ให้บริการเป็นอันดับสองจาก JR WEST จำหน่ายให้เฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเท่านั้น สามารถโดยสารรถไฟ shinkansen และ limited express ในภูมิภาคชุโกกุ และบางส่วนของภูมิภาคคันไซได้โดยไม่จำกัด และยังยาวไปถึง เมืองฟูกุโอกะ ที่เกาะคิวชูด้วย   7 Day ผู้ใหญ่ ￥23,000 เด็ก(6-11 ปี) ￥11,500             สามารถซื้อได้จากนอกประเทศญี่ปุ่นผ่านเอเจนซี่ท่องเที่ยว หรืออินเทอร์เน็ต แล้วนำ exchange order มาเปลี่ยนเป็นบัตรแข็งเมื่อเดินทางเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่น แต่ถ้าหากซื้อในประเทศญี่ปุ่นสามารถซื้อได้ตามสถานีรถไฟที่ตั๋วชนิดนี้ครอบคลุม ซึ่งจะมีราคาสูงกว่า 1,000 เยน จำกัดสิทธิ์ให้ 1 คนซื้อได้ 1 ใบ   โดยสารรถไฟ local, rapid…

อุโมงค์ใต้น้ำ(Kanmon Pedestrian Crossing Tunnel) นับเป็นอุโมงค์ที่อยู่ใต้ทะเลแห่งแรกของญี่ปุ่นเลนนะคะ เริ่มก่อสร้างเมื่อประมาณปี ค.ศ.  1937  แต่เสร็จพร้อมใช้งานจริงๆแล้วเมื่อปี ค.ศ.  1958  โดยมีระยะทางยาวรวม 3,461 เมตร จุดต่ำสุดลึก 780 เมตรเมื่อทำการวัดจากระดับน้ำทะเล  เรียกได้ว่าเป็นสิงอำนวยความสะดวกในการท่องเที่ยวของสองเกาะเลยก็ว่าได้ล่ะค่ะ เพราะอุโมงค์แห่งนี้นั้นจะเป็นทางเดินสำหรับข้ามจากฝั่งเกาะฮอนชู(Shimonoseki, Yamaguchi) ไปยังฝั่งเกาะคิวชู(Mojiko, Kitakyushu, Fukuoka) ผ่านช่องแคบคันม่อน น่าเสียดายที่เมื่อตอนสร้างนั้นคนที่ออกแบบเน้นไปที่การใช้งานมากกว่าจะเน้นความสวยงาม คนที่อาจจะอาจมองเห็นท้องทะเลใต้น้ำผ่านอุโมงค์แห่งนี้อาจจะต้องผิดหวังกัน เนื่องจากลักษณะอุโมงค์เป็นกำแพงฉาบปูนหนาทึบ ไม่ได้สร้างเป็นกระจกที่สามารถมองเห็นใต้น้ำได้ ระหว่างทางเดินก็จะพบกับความเงียบสงบไม่ได้มีร้านค้ามาขายของอะไรระหว่างเส้นทาง ซึ่งแลดูจะธรรมดาหากก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงวิถีชีวิตขอคนทั่วๆไปได้ดีอีกทางหนึ่งค่ะ แถมยังสะดวกมากๆแค่เดินก็ไปยังอีกเกาะได้โดยไม่ต้องยุ่งยากนั่งเรือ บอกเลยว่าน่าจะถูกใจคนเมาเรือมากๆ อีกทั้งยังจะมีกิจกรรมให้ปั๊มตราแสตมป์ของทั้งสองฝั่งเก็บไว้เป็นที่ระลึก แล้วนำตราปั๊มนี้ไปแลกเป็นประกาศนียบัตรได้ที่ Information Center ของทั้งสองเมืองได้อีกนะคะ นับว่าเป็นการเดินทางข้างฝั่งที่สะดวกสบายแบบสุดๆเลยล่ะค่ะ