แจกลิสต์ 15 ที่เที่ยวฮิตใน อิบารากิ เมืองสวยชิล ห้ามพลาด ใกล้โตเกียว 2567

top-places-ibaraki

Photo from hitachikaihin.jp


อัพเดตล่าสุดเมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2567

 

จังหวัดอิบารากิ Ibaraki ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือบนเกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเกาะขนาดใหญ่มีภูมิประเทศที่สวยงามของธรรมชาติ ผู้คนรู้จักกันเป็นจำนวนมาก และมีชายฝั่ง Oarai เป็นที่เที่ยวยอดนิยมที่หลายคนเดินทางไปว่ายน้ำและอาบแดดในช่วงฤดูร้อน รวมไปถึงมีสวนสาธารณะที่มีความงดงามเต็มไปด้วยดอกไม้จำนวนมากอย่าง Hitachi Seaside Park โดยเฉพาะดอก Nemophila ที่จะเห็นได้ในฤดูใบไม้ผลิและดอก Kochia ที่เบ่งบานในฤดูใบไม้ร่วง แถมยังเป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์จำนวนมาก สามารถสัมผัสวัฒนธรรมที่หลากหลาย อาทิเช่น ปราสาทมิโตะ เป็นปราสาทดั้งเดิมที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในประเทศญี่ปุ่น ศาลเจ้าคาซามะอินาริ เป็นศาลเจ้าที่ติด 1 ใน 3 ที่มีความสำคัญในญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน และจะมีสถานที่น่าเที่ยวใดอีกบ้างนั้นไปดูกันได้เลย

แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดอิบารากิ เมืองสวยชิล ใกล้โตเกียว ต้องห้ามพลาด

 

 

1. สวนฮิตาชิ ซีไซด์ ปาร์ค Hitachi Seaside Park

รูปภาพจากการท่องเที่ยวจังหวัดอิบารากิ

รูปภาพจากการท่องเที่ยวจังหวัดอิบารากิ

รูปภาพจากการท่องเที่ยวจังหวัดอิบารากิ

รูปภาพจากการท่องเที่ยวจังหวัดอิบารากิ

สวนริมทะเลฮิตาชิ ซีไซด์ ปาร์ค (Hitachi Seaside Park) หรือสวนฮิตาชิ(Hitachi Park) เป็นสวนริมทะเลขนาดใหญ่ ที่มีชื่อเสียงด้านทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม โดยเฉพาะทุ่งดอกโคเชีย(Kochia)ที่โดยปกติจะมีสีเขียว และจะเปลี่ยนเป็นสีแดงในช่วงฤดูใบไม้ร่วงอยู่ที่เมืองฮิตาชินากา(Hitachinaka) ของจังหวัดอิบารากิ อยู่ห่างจากเมืองโตเกียวไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 130 กิโลเมตร

วิธีเดินทาง:

นั่งรถไฟ Limited Express JR Joban Line มาลงที่ Katsuta Station จากนั้นออกทาง East Exit มาขึ้นบัสที่จุดขึ้นรถหมายเลข 2 มาลง Hitachi Seaside Park West Entrance หรือ South Entrance

 

 

 

2. พระใหญ่ อุชิคุ ไดบุสสึ (Ushiku Daibutsu)

รูปภาพจากการท่องเที่ยวจังหวัดอิบารากิ

รูปภาพจากการท่องเที่ยวจังหวัดอิบารากิ

พระใหญ่ อุชิคุ ไดบุสสึ (Ushiku Daibutsu) เป็นพระพุทธรูปปางยืนที่สูงที่สุดของประเทศญี่ปุ่น และเคยเป็นรูปปั้นที่สุงที่สุดในโลกที่ถูกบันทึกไว้โดยหนังสือบันทึกสถิติโลกกินเนสบุ๊ค(Guinness Book of word records)เมื่อปี ค.ศ. 1995 ด้วย จากความสูงถึง 120 เมตร ทำให้สามารถมองเห็นได้ตั้งแต่ใจกลางเมืองโตเกียวเลยทีเดียว

วิธีเดินทาง:

นั่งรถไฟ Limited Express JR Joban Line มาลงที่ Ushiku Station และเดินไปยังจุดหมายประมาณ 5 นาที

 

 

 

3. ศาลเจ้าคาซะมะ อินาริ (Kasama Inari Shrine)

Photo from https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Kasama_Inari_Shrine_05.jpg

Photo by Σ64 from commons.wikimedia.org/wiki/File:Kasama_Inari_Shrine_04.jpg[CC by 3.0]

Photo by On-chan from commons.wikimedia.org/wiki/File:Haiden_of_Kasama_Inari_Shrine01.jpg [CC by 3.0]

ศาลเจ้าคาซะมะ อินาริ (Kasama Inari) หรือคาซะมะ จินจะ(Kasama Jinja) ตั้งอยู่ในเมืองคาซามะของจังหวัดอิบารากิ ถือเป็น 1 ใน 3 ศาลเจ้าอินาริที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ทั้งยังได้รับรางวัล Senior First Rank ซึ่งเป็นอันดับขั้นสูงสุดของการจัดลำดับสำหรับศาลเจ้า ทำให้ได้รับความนิยมในการมาเคารพสัการะบูชาจากชาวญี่ปุ่นรวมถึงนักท่องเที่ยวอย่างมาก เห็นได้จากจำนวนคนที่มาสักการะมีมากถึง 3 ล้าน 5 แสนคนต่อปี โดยเฉพาะช่วงมีปีใหม่ที่มีจะมีนักท่องเที่ยวจำมากมากมาเพื่อสักการะขอพรให้เกิดโชคดีเข้ามาตลอดทั้งปี อีกทั้งยังสามารถเพลิดเพลินไปกับความงดงามของดอกวิสเตอร์เรียสีม่วงหลากหลายสายพันธุ์ในเดือนพฤษภาคม และเทศกาลชมดอกคิคุ (ดอกเบญจมาศ) ในเดือนพฤศจิกายน รวมทั้งสนุกกับการเดินเล่นและรับประทานอาหารที่ถนนหน้าศาลเจ้าได้อีกด้วย

วิธีเดินทาง:

รถไฟ JR สาย Mito ลงที่สถานี Kasama ต่อรถบัสไปประมาณ 5 นาที หรือเดิน 20 นาที

 

 

 

4. สวนไคราคุเอน (Kairakuen Garden)

รูปภาพจากการท่องเที่ยวจังหวัดอิบารากิ

รูปภาพจากการท่องเที่ยวจังหวัดอิบารากิ

รูปภาพจากการท่องเที่ยวจังหวัดอิบารากิ

รูปภาพจากการท่องเที่ยวจังหวัดอิบารากิ

สวนไคราคุเอน (Kairakuen Garden) ตั้งอยู่ในเมืองมิโตะ (Mito) เมืองหลวงของจังหวัดอิบารากิ (Ibaraki) ที่บอกเลยว่าคนที่พักเมืองโตเกียวนี่สามารถเดินทางมาเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับได้สบายๆเลยนะคะ เดินทางมาด้วยรถไฟใช้เวลามาประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้นเอง สวนแห่งนี้นับว่าเป็นสวนสวยที่เที่ยวได้ยาวๆตลอดทั้งปี แถมการันตีความดีงามจากการถูกจัดให้เป็นเป็นสวนที่มีภูมิทัศน์สวยงาม 1 ใน 3 ของประเทศญี่ปุ่นด้วยล่ะค่ะ ที่ดังสุดก็คือการมาชมดอกบ๊วยในช่วงเดือนกุมภาพันธ์~มีนาคม เนื่องจากที่นี่มีภายในมีการปลูกต้นบ๊วยไว้มากว่า 3,000 ต้น คิดดูว่าเวลาบานพร้อมๆกันมันจะตื่นตาตื่นใจแค่ไหน ปกติเราคุ้ยเคยกันแต่ดอกซากุระใช่ไหมคะ บอกเลยว่าดอกบ๊วยนี่สวยสง่าไม่แพ้ดอกซากุระเชียวล่ะค่ะ แถมยังหาดูได้ยากกว่ามากอีกด้วย

วิธีเดินทาง:

รถไฟ JR สาย Joban ลงที่สถานี Mito ต่อรถบัสไปอีก 15 นาที
*ในช่วงเทศกาลชมดอกบ๊วย รถไฟขาออกเท่านั้นที่จะจอดที่สถานี Kairakuen ซึ่งเป็นสถานีชั่วคราว

 

 

 

 

5. ชายหาดโออาไร (Oarai Beach)

รูปภาพจากการท่องเที่ยวจังหวัดอิบารากิ

รูปภาพจากการท่องเที่ยวจังหวัดอิบารากิ

Photo from https://ja.wikipedia.org/wiki/%E3%83%95%E3%82%A1%E3%82%A4%E3%83%AB:%E5%A4%A7%E6%B4%97%E7%A3%AF%E5%89%8D%E7%A5%9E%E7%A4%BE_%E7%A5%9E%E7%A3%AF%E9%B3%A5%E5%B1%85.JPG

ชายหาดโออาไร (Oarai Beach) รายล้อมไปด้วยโขดหินที่มีความสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในเขตฮิงาชิอิบารากิ (Higashi-Ibaraki-gun) เมืองโออาไร (Oarai-cho) ของจังหวัดอิบารากิ (Ibaraki) ใช้เวลาเดินทางจากโตเกียวประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ ตัวหาดทอดยาวจากพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไปจนเกือบถึงท่าเรือโออาไร(Oarai Port) เป็นระยะทางเกือบ 2 กิโลเมตร จุดไฮไลท์ของที่นี่คือความงดงามของแนวหินที่ก่อตัวบริเวณใกล้ชายฝั่งที่ธรรมชาติรังสรรค์การจัดวางอย่างลงตัว ซึ่งเป็นที่ตั้งของซุ้มประตูศาลเจ้า (Kamiiso-no-Torii) หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ซึ่งสามารถมองเห็นดวงอาทิตย์ขึ้น-ตกได้จากจุดนั้น

วิธีเดินทาง:

รถไฟ JR สาย Joban ลงที่สถานี Mito ต่อรถบัสไป 30 นาที หรือรถไฟสาย Kashima Rinkai ลงที่สถานี Oarai ต่อรถบัสไป 10 นาที

 

 

 

6. เรียวกัง Honen Mansaku และ น้ำตก Fukuroda

รูปจากการท่องเที่ยวจังหวัดอิบารากิ

รูปจากการท่องเที่ยวจังหวัดอิบารากิ

น้ำตกฟุคุโรดะเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดอิบารากิ และยังเป็นหนึ่งในสามน้ำตกที่มีชื่อเสียงในญี่ปุ่น ซึ่งมีนักกวีไซเงียวและมิตสึคุนิ โทกุกาวะ มาเยือน ที่นี่สามารถเพลิดเพลินกับความงามของแต่ละฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นความเขียวขจีในฤดูร้อน ใบไม้สีแดงในฤดูใบไม้ร่วง และน้ำแข็งที่กลายเป็นน้ำแข็งในฤดูหนาว ใช้เวลาเดินเพียง 5 นาทีจาก โรงแรม Honen Mansaku

วิธีเดินทาง:

รถไฟ JR สาย Suigun ลงที่ สถานี Fukuroda ต่อรถบัสหรือแท็กซี่ 10 นาที

 

 

 

7. มันหวานที่ฟาร์ม Daimaruya  Hoshiimo

Review image of Daimaruya Hosiimo

Review image of Daimaruya Hosiimo

Review image of Daimaruya Hosiimo

หนึ่งในสินค้าขึ้นชื่อที่เป็นทั้งขนมและของฝากจากญี่ปุ่นที่หลายๆคนชื่นชอบก็คือ อิโมะ(imo) หรือมันหวานญี่ปุ่น นั่นเอง แต่รู้ไหมว่า จังหวัดอิบารากิเป็นหนึ่งในผู้ปลูกมันหวานที่ดีที่สุดลำดับต้นๆของญี่ปุ่นเลยทีเดียว ซึ่งหนึ่งใน ฟาร์มมันหวาน ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดนี้ก็คือ ไดมารุยะ ฟาร์ม(Daimaruya) นั่นเอง

วิธีเดินทาง :

รถไฟ Hitachinaka Kaihin Tetsudo ลงที่สถานี Nakaminato แล้วเดินต่อประมาณ 3 นาที

 

 

 

8. หม้อไฟ Anko-Nabe ที่ร้านอันดับหนึ่ง Marumitsu Ryoka

Review image of Anko Nabe Marumitsu Ryokan Cover

Review image of หม้อไฟปลาอังโค (Anko Nabe)

ใครจะรู้ว่าหม้อไฟท้องถิ่นอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นจะอยู่ที่จังหวัดอิบารากิ นี่เอง นั่นคือ อังโคนาเบะ(Anko-Nabe) หรือ หม้อไฟปลาอังโค ซึ่งเชื่อกันว่ามีแหล่งกำเนิดอยู่ที่เมืองนี้นี่เอง และถ้าใครอยากจะทานเมนูเด็ดนี้ ก็ต้องไปที่ Marumitsu Ryokan ในเมือง Kitaibaraki จังหวัดอิบารากิ เลย เพราะที่นี่ได้รางวัลหม้อไฟท้องถิ่นชนะเลิศการประกวดที่หนึ่งของญี่ปุ่นเป็นการตัวการันตีความเด็ด

วิธีเดินทาง :

รถไฟ JR สาย Joban ลงที่สถานี Otsuko แล้วนั่งแท็กซี่ต่อประมาณ 5 นาที

 

 

 

9. ศาลเจ้าทอง Hoshiimo Shrine

Review image of Hoshiimo

Review image of Hoshiimo Shrine Horide Shrine Cover

Review image of Hoshiimo

ถ้าเกียวโตมีศาลเจ้าเสาแดง ที่อิบารากิ ก็มีศาลเจ้าเสาทองที่ชื่อว่า ศาลเจ้าโฮริเดะ(Horide Shrine) และ ศาลเจ้าโฮชิอิโมะ(Hoshiimo Shrine) นั่นเอง โดยทั้งสองศาลเจ้านี้จะตั้งอยู่ติดข้างกันบนเนินเขาพร้อมทิวทัศน์อันสวยงามของหาดอาจิกาอุระ ศาลเจ้าว่าสวยแล้ว แต่วิวทิวทัศน์สวยไม่แพ้กัน โดยมีไฮไลท์คือประตูโทริอิสีทองสวยงามเรียงรายเป็นสองแถว ทำให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งจุดถ่ายรูปยอดนิยมของจังหวัดอิบารากิ

วิธีเดินทาง :

จากสถานี Katsuta ขึ้นรถไฟสาย Hitachinaka Kaihin Tetsudo Minato Line ลงที่สถานีสุดท้าย Ajigaura แล้วเดินต่อประมาณ 2 นาที

 

 

 

10. ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์บนภูเขา Oiwa Shrine

Review image of Oiwa Shine Cover

Review image of 2.2 Oiwa Shine

Review image of 2.2 Oiwa Shine

ศาลเจ้าโออิวะ(Oiwa shine) เป็นศาลเจ้าชื่อดังที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดอิบารากิ ตั้งอยู่บนภูเขาโออิวะ(Oiwa mount)ชื่อเดียวกับศาลเจ้าที่อยู่ห่างไกลจากโซนในเมือง เป็นอีกหนึ่งสถานที่พักผ่อนทั้งกาย ใจ และจิตวิญญาณของชาวญี่ปุ่นทั้งในละแวกท้องถิ่นและจากเมืองอื่นๆ เป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่มีตำนานและเรื่องเล่าขานมามากมายมาอย่างยาวนานมากกว่าพันปี รวมทั้งยังเป็นหนึ่งในศาลเจ้าเพียงไม่กี่แห่งที่มี 2 ศาสนาตั้งอยู่รวมกัน คือ ชินโต และพุทธ

วิธีเดินทาง :

จากสถานี Hitachi ต่อแท็กซี่ หรือรถบัส Ibaraki Kotsu 60 ที่จุดขึ้นรถหมายเลข 1 มุ่งหน้า Higashigodo ลงที่ Oiwa shrine mae

 

 

 

11. พิธภัณฑ์ไข่ปลาเมไทโกะ (Mentai Park)

รูปภาพจากการท่องเที่ยวจังหวัดอิบารากิ

รูปภาพจากการท่องเที่ยวจังหวัดอิบารากิ

รูปภาพจากการท่องเที่ยวจังหวัดอิบารากิ

รูปภาพจากการท่องเที่ยวจังหวัดอิบารากิ

Mentai Park เป็นพิพิธภัณฑ์ไข่ปลาเมไทโกะซึ่งเป็นที่ท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ ได้รับความนิยมมากที่สุด พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ในจังหวัดอิบารากิ ผู้ที่มาเที่ยวจะได้สัมผัสวัฒนธรรมที่มีความน่าสนใจ มีกิจกรรมให้ทำมากมาย ซึ่งจะมีความเกี่ยวข้องกับเมนไทโกะ ไม่ว่าจะเป็น การพาทัวร์โรงงานเมนไทโกะ ซึ่งชมกระบวนการผลิตและสามารถทดลองทำเอง รวมไปถึงมีพิพิธภัณฑ์เมนไทโกะ ที่จัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญไว้ให้ศึกษา พร้อมทั้งยังมีที่เที่ยวที่สำคัญนั่นก็คือถนนเมนไต เป็นถนนที่ถูกจำลองขึ้นมาในสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม โดยจะเต็มไปด้วยร้านค้าร้านอาหารที่ทำเมนูเมนไทโกะให้เลือกรับประทานอย่างเอร็ดอร่อย สามารถเลือกรับประทานเมนูนี้ได้หลากหลาย เช่น ข้าวผัดเมนไทโกะ พาสต้าเมนไทโกะ ไอศครีมเมนไทโกะ เป็นต้น เมื่อรับประทานอิ่มท้องแล้วสามารถเดินซื้อของที่ระลึกมากมายกลับไปได้อีกด้วย

วิธีเดินทาง :

รถไฟ JR สาย Joban ลงที่สถานี Mito จากนั้นเปลี่ยนไปนั่งสาย Oarai-Kashima และลงที่สถานี Oarai จากนั้นเดินต่อ 20 นาทีหรือแท็กซี่ 2 นาที

 

 

 

12. พิพิธภัณฑ์ Aqua World Ibaraki Oarai Aquarium

รูปภาพจากการท่องเที่ยวจังหวัดอิบารากิ

พิพิธภัณฑ์ Aqua World Ibaraki Oarai Aquarium เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รู้จักกันในชื่อ “Oarai Aquamarine Fukushima” เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงสัตว์น้ำที่มีขนาดใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น มีสัตว์ทะเลจากมหาสมุทรแปซิฟิกหลากหลายชนิดอาศัยอยู่ที่นี่ รวมไปถึงสัตว์ทะเลในเซโตะ อาทิเช่น ปลาฉลาม ปลากระเบน และปลาในเขตร้อน มีอุโมงค์อะคริลิคขนาดใหญ่ที่มีปลาฉลามแหวกว่ายไปรอบๆ ทำให้ผู้ที่เข้ามาชมได้เห็นอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงสัตว์น้ำที่หลากหลาย จัดแสดงในรูปแบบ Interactive เช่น “Touch Pool” โดยที่ผู้เข้าชมจะสามารถสัมผัสสัตว์ทะเลชนิดต่างๆได้ โดยเฉพาะปลาดาวและเม่นทะเล พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังมีจุดไฮไลท์ที่ดึงดูดผู้คนนั่นก็คือ ห้องแมงกระพรุน ที่เต็มไปด้วยแมงกะพรุนหลากหลายชนิด รวมไปถึงมีแมงกระพรุนพระจันทร์ ที่ส่องแสงสวยงามให้ได้ชม ไม่เพียงเท่านั้นยังมีการจัดแสดงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลอีกด้วย เช่น สิงโตทะเล โลมา เป็นต้น โดยสามารถเดินทางเข้ามาชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน

วิธีการเดินทาง:

เดินทางด้วยรถไฟ: ขึ้นสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุดคือ “Oarai” นั่งสาย Suigun เพื่อที่จะมายังพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ เมื่อมาถึงแล้วสามารถเดินทางก็จะถึงจุดเป้าหมาย

เดินทางโดยรถประจำทาง: มีรถประจำทางหลายสายที่เดินทางมายังพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ โดยขึ้นรถจากสถานี Mito รถบัสหมายเลข “Oarai line” จากนั้นนั่งมาลงที่ป้าย “Oarai Aquamarine Fukushima”

 

 

 

13. สะพานริวจิน (Ryujin Bridge)

รูปภาพจากการท่องเที่ยวจังหวัดอิบารากิ

รูปภาพจากการท่องเที่ยวจังหวัดอิบารากิ

รูปภาพจากการท่องเที่ยวจังหวัดอิบารากิ

รูปภาพจากการท่องเที่ยวจังหวัดอิบารากิ

สะพานริวจิน Ryujin Bridge เป็นสะพานที่หลายคนรู้จักในชื่อ สะพานเทพเจ้ามังกร ซึ่งสะพานแห่งนี้จะทอดยาวข้ามเขื่อนริวจิน สามารถมองเห็นทัศนียภาพที่สวยงามของธรรมชาติได้ ไม่ว่าจะเป็นภูเขา ทะเลสาบริวจิน โดยสะพานจะมีชื่อเสียงโด่งดังมีความเป็นเอกลักษณ์ในเรื่องการออกแบบ มีความโดดเด่นด้วยรูปปั้นมังกรที่อยู่ทั้งสองด้านของสะพาน ซึ่งมีความเชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งเทพเจ้ามังกรที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบริวจิน ในช่วงเวลาค่ำคืนสะพานริวจินจะถูกตกแต่งด้วยไฟระยิบระยับที่สวยงาม ให้ความรู้สึกที่น่าหลงใหลสะกดทุกสายตาของผู้ที่มาเที่ยว โดยสามารถเดินข้ามสะพานและชมทิวทัศน์สุดตระการตาของทะเลสาบและภูเขาได้รอบด้าน พร้อมทั้งนี้ผู้ที่มาเที่ยวสามารถเดินชมธรรมชาติป่าไม้ซึ่งจะมีเส้นทางเดินป่าที่อยู่บริเวณใกล้เคียงให้เดินชมอีกด้วย เป็นเส้นทางสำรวจธรรมชาติที่สามารถสัมผัสได้อย่างใกล้ชิด

วิธีการเดินทาง

สถานีรถไฟที่อยู่ใกล้ที่สุดคือ JR Suigun สถานี Kami-Sugaya จากนั้นนั่งรถบัสมาไม่ไกลก็จะถึงเขื่อนริวจิน ซึ่งเป็นจุดที่สามารถเดินชมความงดงามของสะพานได้

 

 

 

14. ภูเขาสึคุบะ (Mount Tsukuba)

รูปภาพจากการท่องเที่ยวจังหวัดอิบารากิ

รูปภาพจากการท่องเที่ยวจังหวัดอิบารากิ

Photo from https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Mount_Tsukuba_Rope_Way_2.jpg

Photo from https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Mt.Tsukuba_22.jpg

ภูเขาสึคุบะ Mount Tsukuba เป็นภูเขาที่มีชื่อเสียงหรือที่หลายคนเรียกกันว่า สึคุบะซัง ภูเขาแห่งนี้ตั้งอยู่ในภูมิภาคคันโต เป็นภูเขาที่รู้จักกันในยอดเขาแฝด นันไตซัง ซึ่งเป็นยอดเขาผู้ชาย และเนียวไทซัง ยอดเขาผู้หญิง ที่แห่งนี้มีความสำคัญ เปรียบเสมือนที่ของเทพเจ้าและเทพธิดา บนภูเขาจะมีเส้นทางเดินเขาที่หลากหลายให้ผู้ที่ชอบผจญภัยได้สัมผัสธรรมชาติอย่างเพลิดเพลิน ซึ่งเส้นทางที่ได้รับความนิยมนั่นก็คือกระเช้าลอยฟ้าสึคุบะซัง เป็นพาหนะนำเที่ยวพาขึ้นไปบนยอดเขา ซึ่งจะสามารถเพลิดเพลินไปกับวิวธรรมชาติที่มองเห็นได้รอบด้าน รวมถึงได้เห็นความสวยงามของเมืองสึคุบะอีกด้วย นอกจากนี้ภูเขาสึคุบะยังเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีความสวยงาม เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตในช่วงฤดูใบไม้ร่วง บนภูเขายังเป็นที่ตั้งของวัดและศาลเจ้าหลายแห่ง เช่น ศาลเจ้าสึคุบะซัง ซึ่งเป็นที่ประทับแห่งเทพเจ้าบนหุบเขา

วิธีการเดินทาง

สถานีที่ใกล้ที่สุดคือ TX สถานี Tsukuba จากนั้นนั่งรถบัส Tsukuba shuttle bus ไปลงที่ป้าย Tsutsujigaoka จากตรงนั้นจะสามารถขึ้น Tsukuba Ropeway ได้

 

 

 

15. พิพิธภัณฑ์ศิลปะเซรามิกอิบารากิ (Ibaraki Ceramic Art Museum)

รูปภาพจากการท่องเที่ยวจังหวัดอิบารากิ

Photo from https://visit.ibarakiguide.jp/en/sightseeing/22291/

พิพิธภัณฑ์ศิลปะเซรามิกอิบารากิ Ibaraki Ceramic Art Museum เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงศิลปะเซรามิกอิบารากิ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นศูนย์จัดแสดงศิลปะเซรามิกแบบดั้งเดิม และจัดแสดงศิลปะเซรามิคแบบร่วมสมัยในประเทศญี่ปุ่น มีเครื่องปั้นดินเผาจำนวนมาก ซึ่งเป็นผลงานในยุคเอโดะ ปี ค.ศ 1603-1868 และยุคเมจิ ปี ค.ศ 1868 – 1912 ใครที่สนใจสามารถชมผลงานศิลปะเซรามิกได้มากมาย มีผลงานของศิลปินระดับท้องถิ่นและระดับชาติที่มีชื่อเสียงโด่งดัง นอกจากชมความสวยงามของผลงานเครื่องปั้นดินเผาและเซรามิก ยังสามารถเรียนรู้ประวัติศาสตร์เทคนิคในการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นต่างๆขึ้นมาอีกด้วย

วิธีการเดินทาง

รถไฟ JR สาย Mito ลงที่สถานี Kasama ต่อแท็กซี่ 5 นาทีหรือเดิน 25 นาที
รถไฟ JR สาย Joban ลงที่สถานี Tomobe ต่อแท็กซี่ 20 นาที

 

 


Exit mobile version