10 ที่เที่ยวฮิตใน อิบารากิ เมืองแห่งสวนดอกไม้และพระใหญ่ อัพเดท 2023

Photo from hitachikaihin.jp
จังหวัดอิบารากิ Ibaraki ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือบนเกาะฮอนซู ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเกาะขนาดใหญ่มีภูมิประเทศที่สวยงามของธรรมชาติ ผู้คนรู้จักกันเป็นจำนวนมาก และมีชายฝั่ง Oarai เป็นที่เที่ยวยอดนิยมที่หลายคนเดินทางไปว่ายน้ำและอาบแดดในช่วงฤดูร้อน รวมไปถึงมีสวนสาธารณะที่มีความงดงามเต็มไปด้วยดอกไม้จำนวนมากอย่าง Hitachi Seaside Park โดยเฉพาะดอก Nemophila ที่จะเห็นได้ในฤดูใบไม้ผลิและดอก Kochia ที่เบ่งบานในฤดูใบไม้ร่วง แถมยังเป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์จำนวนมาก สามารถสัมผัสวัฒนธรรมที่หลากหลาย อาทิเช่น ปราสาทมิโตะ เป็นปราสาทดั้งเดิมที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในประเทศญี่ปุ่น ศาลเจ้าคาซามะอินาริ เป็นศาลเจ้าที่ติด 1 ใน 3 ที่มีความสำคัญในญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน และจะมีสถานที่น่าเที่ยวใดอีกบ้างนั้นไปดูกันได้เลย
1. สวนฮิตาชิ ซีไซด์ ปาร์ค Hitachi Seaside Park
สวนริมทะเลฮิตาชิ ซีไซด์ ปาร์ค (Hitachi Seaside Park) หรือสวนฮิตาชิ(Hitachi Park) เป็นสวนริมทะเลขนาดใหญ่ ที่มีชื่อเสียงด้านทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม โดยเฉพาะทุ่งดอกโคเชีย(Kochia)ที่โดยปกติจะมีสีเขียว และจะเปลี่ยนเป็นสีแดงในช่วงฤดูใบไม้ร่วงอยู่ที่เมืองฮิตาชินากา(Hitachinaka) ของจังหวัดอิบารากิ อยู่ห่างจากเมืองโตเกียวไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 130 กิโลเมตร
2. พระใหญ่ อุชิคุ ไดบุสสึ (Ushiku Daibutsu)
พระใหญ่ อุชิคุ ไดบุสสึ (Ushiku Daibutsu) เป็นพระพุทธรูปปางยืนที่สูงที่สุดของประเทศญี่ปุ่น และเคยเป็นรูปปั้นที่สุงที่สุดในโลกที่ถูกบันทึกไว้โดยหนังสือบันทึกสถิติโลกกินเนสบุ๊ค(Guinness Book of word records)เมื่อปี ค.ศ. 1995 ด้วย จากความสูงถึง 120 เมตร ทำให้สามารถมองเห็นได้ตั้งแต่ใจกลางเมืองโตเกียวเลยทีเดียว
3. ศาลเจ้าคาซะมะ อินาริ (Kasama Inari Shrine)

Photo by On-chan from commons.wikimedia.org/wiki/File:Haiden_of_Kasama_Inari_Shrine01.jpg [CC by 3.0]
4. สวนไคราคุเอน (Kairakuen Garden)
สวนไคราคุเอน (Kairakuen Garden) ตั้งอยู่ในเมืองมิโตะ (Mito) เมืองหลวงของจังหวัดอิบารากิ (Ibaraki) ที่บอกเลยว่าคนที่พักเมืองโตเกียวนี่สามารถเดินทางมาเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับได้สบายๆเลยนะคะ เดินทางมาด้วยรถไฟใช้เวลามาประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้นเอง สวนแห่งนี้นับว่าเป็นสวนสวยที่เที่ยวได้ยาวๆตลอดทั้งปี แถมการันตีความดีงามจากการถูกจัดให้เป็นเป็นสวนที่มีภูมิทัศน์สวยงาม 1 ใน 3 ของประเทศญี่ปุ่นด้วยล่ะค่ะ ที่ดังสุดก็คือการมาชมดอกบ๊วย เนื่องจากที่นี่มีภายในมีการปลูกต้นบ๊วยไว้มากว่า 3,000 ต้น คิดดูว่าเวลาบานพร้อมๆกันมันจะตื่นตาตื่นใจแค่ไหน ปกติเราคุ้ยเคยกันแต่ดอกซากุระใช่ไหมคะ บอกเลยว่าดอกบ๊วยนี่สวยสง่าไม่แพ้ดอกซากุระเชียวล่ะค่ะ แถมยังหาดูได้ยากกว่ามากอีกด้วย
5. ชายหาดโออาไร (Oarai Beach)
6. พิธภัณฑ์ไข่ปลาเมทาโกะ (Mentai Park)
Mentai Park เป็นพิพิธภัณฑ์ไข่ปลาเมทาโกะซึ่งเป็นที่ท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ ได้รับความนิยมมากที่สุด พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ในจังหวัดอิบารากิ ผู้ที่มาเที่ยวจะได้สัมผัสวัฒนธรรมที่มีความน่าสนใจ มีกิจกรรมให้ทำมากมาย ซึ่งจะมีความเกี่ยวข้องกับเมนไทโกะ ไม่ว่าจะเป็น การพาทัวร์โรงงานเมนไทโกะ ซึ่งชมกระบวนการผลิตและสามารถทดลองทำเอง รวมไปถึงมีพิพิธภัณฑ์เมนไทโกะ ที่จัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญไว้ให้ศึกษา พร้อมทั้งยังมีที่เที่ยวที่สำคัญนั่นก็คือถนนเมนไต เป็นถนนที่ถูกจำลองขึ้นมาในสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม โดยจะเต็มไปด้วยร้านค้าร้านอาหารที่ทำเมนูเมนไทโกะให้เลือกรับประทานอย่างเอร็ดอร่อย สามารถเลือกรับประทานเมนูนี้ได้หลากหลาย เช่น ข้าวผัดเมนไทโกะ พาสต้าเมนไทโกะ ไอศครีมเมนไทโกะ เป็นต้น เมื่อรับประทานอิ่มท้องแล้วสามารถเดินซื้อของที่ระลึกมากมายกลับไปได้อีกด้วย
วิธีการเดินทาง
เดินทางโดยรถไฟ: ขึ้นสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุดที่จะพาเดินทางไปยัง Mentai Park คือสถานี “Oarai-Isosaki” สาย Joban หลังจากนั้นนั่งรถประจำทางไปยังสวนสาธารณะซึ่งจะใช้เวลา 15 นาทีเท่านั้น
เดินทางโดยรถประจำทาง: มีรถประจำทางหลายสายวิ่งผ่านไปยังสวนสาธารณะ อาทิเช่น ขึ้นรถจากสถานี mito นั่งรถบัสหมายเลข “Oarai line” โดยไปลงที่ป้าย “Mentai Park”
7. พิพิธภัณฑ์ Aquaworld Ibaraki Prefectural Aquarium

Photo from https://www.facebook.com/aquaworld.oarai/photos/pb.100057525276503.-2207520000./5660168867331144/?type=3

Photo from https://www.facebook.com/aquaworld.oarai/photos/pb.100057525276503.-2207520000./6118929631455063/?type=3
พิพิธภัณฑ์ Aquaworld Ibaraki Prefectural Aquarium เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รู้จักกันในชื่อ “Oarai Aquamarine Fukushima” เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงสัตว์น้ำที่มีขนาดใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น มีสัตว์ทะเลจากมหาสมุทรแปซิฟิกหลากหลายชนิดอาศัยอยู่ที่นี่ รวมไปถึงสัตว์ทะเลในเซโตะ อาทิเช่น ปลาฉลาม ปลากระเบน และปลาในเขตร้อน มีอุโมงค์อะคริลิคขนาดใหญ่ที่มีปลาฉลามแหวกว่ายไปรอบๆ ทำให้ผู้ที่เข้ามาชมได้เห็นอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงสัตว์น้ำที่หลากหลาย จัดแสดงในรูปแบบ Interactive เช่น “Touch Pool” โดยที่ผู้เข้าชมจะสามารถสัมผัสสัตว์ทะเลชนิดต่างๆได้ โดยเฉพาะปลาดาวและเม่นทะเล พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังมีจุดไฮไลท์ที่ดึงดูดผู้คนนั่นก็คือ ห้องแมงกระพรุน ที่เต็มไปด้วยแมงกะพรุนหลากหลายชนิด รวมไปถึงมีแมงกระพรุนพระจันทร์ ที่ส่องแสงสวยงามให้ได้ชม ไม่เพียงเท่านั้นยังมีการจัดแสดงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลอีกด้วย เช่น สิงโตทะเล โลมา เป็นต้น โดยสามารถเดินทางเข้ามาชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน
วิธีการเดินทาง
เดินทางด้วยรถไฟ: ขึ้นสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุดคือ “Oarai” นั่งสาย Suigun เพื่อที่จะมายังพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ เมื่อมาถึงแล้วสามารถเดินทางก็จะถึงจุดเป้าหมาย
เดินทางโดยรถประจำทาง: มีรถประจำทางหลายสายที่เดินทางมายังพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ โดยขึ้นรถจากสถานี Mito รถบัสหมายเลข “Oarai line” จากนั้นนั่งมาลงที่ป้าย “Oarai Aquamarine Fukushima”
8. สะพานริวจิน (Ryujin Bridge)
สะพานริวจิน Ryujin Bridge เป็นสะพานที่หลายคนรู้จักในชื่อ สะพานเทพเจ้ามังกร ซึ่งสะพานแห่งนี้จะทอดยาวข้ามเขื่อนริวจิน สามารถมองเห็นทัศนียภาพที่สวยงามของธรรมชาติได้ ไม่ว่าจะเป็นภูเขา ทะเลสาบริวจิน โดยสะพานจะมีชื่อเสียงโด่งดังมีความเป็นเอกลักษณ์ในเรื่องการออกแบบ มีความโดดเด่นด้วยรูปปั้นมังกรที่อยู่ทั้งสองด้านของสะพาน ซึ่งมีความเชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งเทพเจ้ามังกรที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบริวจิน ในช่วงเวลาค่ำคืนสะพานริวจินจะถูกตกแต่งด้วยไฟระยิบระยับที่สวยงาม ให้ความรู้สึกที่น่าหลงใหลสะกดทุกสายตาของผู้ที่มาเที่ยว โดยสามารถเดินข้ามสะพานและชมทิวทัศน์สุดตระการตาของทะเลสาบและภูเขาได้รอบด้าน พร้อมทั้งนี้ผู้ที่มาเที่ยวสามารถเดินชมธรรมชาติป่าไม้ซึ่งจะมีเส้นทางเดินป่าที่อยู่บริเวณใกล้เคียงให้เดินชมอีกด้วย เป็นเส้นทางสำรวจธรรมชาติที่สามารถสัมผัสได้อย่างใกล้ชิด
วิธีการเดินทาง
เดินทางโดยรถไฟ: สถานีรถไฟที่อยู่ใกล้กับสะพานริวจิน นั่นก็คือ “Oarai” โดยนั่งสาย Suigun หลังจากนั้นนั่งรถบัสมาไม่ไกลก็จะถึงเขื่อนริวจิน ซึ่งเป็นจุดที่สามารถเดินชมความงดงามของสะพานได้
9. ภูเขาสึคุบะ (Mount Tsukuba)
ภูเขาสึคุบะ Mount Tsukuba เป็นภูเขาที่มีชื่อเสียงหรือที่หลายคนเรียกกันว่า สึคุบะซัง ภูเขาแห่งนี้ตั้งอยู่ในภูมิภาคคันนโต เป็นภูเขาที่รู้จักกันในยอดเขาแฝด นันไตซัง ซึ่งเป็นยอดเขาผู้ชาย และเนียวไทซัง ยอดเขาผู้หญิง ที่แห่งนี้มีความสำคัญ เปรียบเสมือนที่ของเทพเจ้าและเทพธิดา บนภูเขาจะมีเส้นทางเดินเขาที่หลากหลายให้ผู้ที่ชอบผจญภัยได้สัมผัสธรรมชาติอย่างเพลิดเพลิน ซึ่งเส้นทางที่ได้รับความนิยมนั่นก็คือกระเช้าลอยฟ้าสึคุบะซัง เป็นพาหนะนำเที่ยวพาขึ้นไปบนยอดเขา ซึ่งจะสามารถเพลิดเพลินไปกับวิวธรรมชาติที่มองเห็นได้รอบด้าน รวมถึงได้เห็นความสวยงามของเมืองสึคุบะอีกด้วย นอกจากนี้ภูเขาสึคุบะยังเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีความสวยงาม เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตในช่วงฤดูใบไม้ร่วง บนภูเขายังเป็นที่ตั้งของวัดและศาลเจ้าหลายแห่ง เช่น ศาลเจ้าสึคุบะซัง ซึ่งเป็นที่ประทับแห่งเทพเจ้าบนหุบเขา
วิธีการเดินทาง
เดินทางโดยรถไฟ: ซึ่งมีสถานีรถไฟใกล้ที่สุดไปยังภูเขา Tsukuba คือสถานี “Tsukuba” สาย Tsukuba Express หลังจากนั้นต่อด้วยรถบัสหมายเลข “Tsukuba-Sanroku” และมาลงยังป้าย “Tsukubasan Ropeway”
10. พิพิธภัณฑ์ศิลปะเซรามิกอิบารากิ (Ibaraki Ceramic Art Museum)
พิพิธภัณฑ์ศิลปะเซรามิกอิบารากิ Ibaraki Ceramic Art Museum เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงศิลปะเซรามิกอิบารากิ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นศูนย์จัดแสดงศิลปะเซรามิกแบบดั้งเดิม และจัดแสดงศิลปะเซรามิคแบบร่วมสมัยในประเทศญี่ปุ่น มีเครื่องปั้นดินเผาจำนวนมาก ซึ่งเป็นผลงานในยุคเอโดะ ปี ค.ศ 1603-1868 และยุคเมจิ ปี ค.ศ 1868 – 1912 ใครที่สนใจสามารถชมผลงานศิลปะเซรามิกได้มากมาย มีผลงานของศิลปินระดับท้องถิ่นและระดับชาติที่มีชื่อเสียงโด่งดัง นอกจากชมความสวยงามของผลงานเครื่องปั้นดินเผาและเซรามิก ยังสามารถเรียนรู้ประวัติศาสตร์เทคนิคในการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นต่างๆขึ้นมาอีกด้วย
วิธีการเดินทาง
เดินทางโดยรถไฟ: สถานีรถไฟที่ใกล้พิพิธภัณฑ์ก็คือ “Mito” สาย Joban เมื่อมาถึงนั่งรถประจำทางหรือจะใช้วิธีเดินเท้าเพียง 20 นาที ก็มาถึงพิพิธภัณฑ์นั่นเอง



