/ คันโต(Kanto) / อิบารากิ(Ibaraki) / 10 ที่เที่ยวฮิตใน อิบารากิ เมืองแห่งสวนดอกไม้และพระใหญ่ อัพเดท 2023
แนะนำ โรงแรมที่พัก โตเกียว ญี่ปุ่น อัพเดตล่าสุด

10 ที่เที่ยวฮิตใน อิบารากิ เมืองแห่งสวนดอกไม้และพระใหญ่ อัพเดท 2023

top-places-ibaraki

Photo from hitachikaihin.jp


อัพเดตล่าสุดเมื่อ 25 เมษายน 2566

 

จังหวัดอิบารากิ Ibaraki ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือบนเกาะฮอนซู ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเกาะขนาดใหญ่มีภูมิประเทศที่สวยงามของธรรมชาติ ผู้คนรู้จักกันเป็นจำนวนมาก และมีชายฝั่ง Oarai เป็นที่เที่ยวยอดนิยมที่หลายคนเดินทางไปว่ายน้ำและอาบแดดในช่วงฤดูร้อน รวมไปถึงมีสวนสาธารณะที่มีความงดงามเต็มไปด้วยดอกไม้จำนวนมากอย่าง Hitachi Seaside Park โดยเฉพาะดอก Nemophila ที่จะเห็นได้ในฤดูใบไม้ผลิและดอก Kochia ที่เบ่งบานในฤดูใบไม้ร่วง แถมยังเป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์จำนวนมาก สามารถสัมผัสวัฒนธรรมที่หลากหลาย อาทิเช่น ปราสาทมิโตะ เป็นปราสาทดั้งเดิมที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในประเทศญี่ปุ่น ศาลเจ้าคาซามะอินาริ เป็นศาลเจ้าที่ติด 1 ใน 3 ที่มีความสำคัญในญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน และจะมีสถานที่น่าเที่ยวใดอีกบ้างนั้นไปดูกันได้เลย

 

1. สวนฮิตาชิ ซีไซด์ ปาร์ค Hitachi Seaside Park

Photo from hitachikaihin.jp

Photo from hitachikaihin.jp

Photo from hitachikaihin.jp

สวนริมทะเลฮิตาชิ ซีไซด์ ปาร์ค (Hitachi Seaside Park) หรือสวนฮิตาชิ(Hitachi Park) เป็นสวนริมทะเลขนาดใหญ่ ที่มีชื่อเสียงด้านทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม โดยเฉพาะทุ่งดอกโคเชีย(Kochia)ที่โดยปกติจะมีสีเขียว และจะเปลี่ยนเป็นสีแดงในช่วงฤดูใบไม้ร่วงอยู่ที่เมืองฮิตาชินากา(Hitachinaka) ของจังหวัดอิบารากิ อยู่ห่างจากเมืองโตเกียวไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 130 กิโลเมตร

 

 

 

 

2. พระใหญ่ อุชิคุ ไดบุสสึ (Ushiku Daibutsu)

Ushiku-Daibutsu

Photo from https://flickr.com/photos/gaijinbiker/52490342840/

Ushiku Daibutsu

Photo from https://daibutu.net/

พระใหญ่ อุชิคุ ไดบุสสึ แห่ง อิบารากิ

photos by Alberto Gragera from flickr.com/photos/albgra/9660726607 ( cc by 2.0 )

พระใหญ่ อุชิคุ ไดบุสสึ (Ushiku Daibutsu) เป็นพระพุทธรูปปางยืนที่สูงที่สุดของประเทศญี่ปุ่น และเคยเป็นรูปปั้นที่สุงที่สุดในโลกที่ถูกบันทึกไว้โดยหนังสือบันทึกสถิติโลกกินเนสบุ๊ค(Guinness Book of word records)เมื่อปี ค.ศ. 1995 ด้วย จากความสูงถึง 120 เมตร ทำให้สามารถมองเห็นได้ตั้งแต่ใจกลางเมืองโตเกียวเลยทีเดียว

 

 

 

 

3. ศาลเจ้าคาซะมะ อินาริ (Kasama Inari Shrine)

Kasama Inari Shrine

Photo from https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Kasama_Inari_Shrine_05.jpg

Photo by Σ64 from commons.wikimedia.org/wiki/File:Kasama_Inari_Shrine_04.jpg[CC by 3.0]

Photo by On-chan from commons.wikimedia.org/wiki/File:Haiden_of_Kasama_Inari_Shrine01.jpg [CC by 3.0]

ศาลเจ้าคาซะมะ อินาริ (Kasama Inari) หรือคาซะมะ จินจะ(Kasama Jinja) ตั้งอยู่ในเมืองคาซามะของจังหวัดอิบารากิ ถือเป็น 1 ใน 3 ศาลเจ้าอินาริที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ทั้งยังได้รับรางวัล Senior First Rank ซึ่งเป็นอันดับขั้นสูงสุดของการจัดลำดับสำหรับศาลเจ้า ทำให้ได้รับความนิยมในการมาเคารพสัการะบูชาจากชาวญี่ปุ่นรวมถึงนักท่องเที่ยวอย่างมาก เห็นได้จากจำนวนคนที่มาสักการะมีมากถึง 3 ล้าน 5 แสนคนต่อปี โดยเฉพาะช่วงมีปีใหม่ที่มีจะมีนักท่องเที่ยวจำมากมากมาเพื่อสักการะขอพรให้เกิดโชคดีเข้ามาตลอดทั้งปี อีกทั้งช่วงเดือนพฤษภาคมก็ยังสามารถเพลิดเพลินไปกับความงดงามของดอกวิสเตอร์เรียสีม่วงหลากหลายสายพันธุ์ที่จะบานสะพรั่งไปทั่วทั้งบริเวณ

 

 

 

 

4. สวนไคราคุเอน (Kairakuen Garden)

Kairakuen Garden

Photo from https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Kairakuen_%286979436532%29.jpg

สวนไคราคุเอน

photos by vera46 from flickr.com/photos/vera46/2320720654(cc by 2.0 )

สวนไคราคุเอน

photos by vera46 from flickr.com/photos/vera46/2320725986(cc by 2.0 )

สวนไคราคุเอน (Kairakuen Garden) ตั้งอยู่ในเมืองมิโตะ (Mito) เมืองหลวงของจังหวัดอิบารากิ (Ibaraki) ที่บอกเลยว่าคนที่พักเมืองโตเกียวนี่สามารถเดินทางมาเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับได้สบายๆเลยนะคะ เดินทางมาด้วยรถไฟใช้เวลามาประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้นเอง สวนแห่งนี้นับว่าเป็นสวนสวยที่เที่ยวได้ยาวๆตลอดทั้งปี แถมการันตีความดีงามจากการถูกจัดให้เป็นเป็นสวนที่มีภูมิทัศน์สวยงาม 1 ใน 3 ของประเทศญี่ปุ่นด้วยล่ะค่ะ ที่ดังสุดก็คือการมาชมดอกบ๊วย เนื่องจากที่นี่มีภายในมีการปลูกต้นบ๊วยไว้มากว่า 3,000 ต้น คิดดูว่าเวลาบานพร้อมๆกันมันจะตื่นตาตื่นใจแค่ไหน ปกติเราคุ้ยเคยกันแต่ดอกซากุระใช่ไหมคะ บอกเลยว่าดอกบ๊วยนี่สวยสง่าไม่แพ้ดอกซากุระเชียวล่ะค่ะ แถมยังหาดูได้ยากกว่ามากอีกด้วย

 

 

 

 

5. ชายหาดโออาไร (Oarai Beach)

Photo by Kelra 555 from flickr.com/photos/149103574@N03/34645810281[CC by 2.0]

ชายหาดโออาไร (Oarai Beach) รายล้อมไปด้วยโขดหินที่มีความสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในเขตฮิงะชิบะระกิ(Higashiibaraki) ของจังหวัดอิบารากิ (Ibaraki) ใช้เวลาเดินทางจากโตเกียวประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ ตัวหาดทอดยาวจากพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไปจนเกือบถึงท่าเรือโออาไร(Oarai Port) เป็นระยะทางเกือบ 2 กิโลเมตร จุดไฮไลท์ของที่นี่คือความงดงามของแนวหินที่ก่อตัวบริเวณใกล้ชายฝั่งที่ธรรมชาติรังสรรค์การจัดวางอย่างลงตัว ซึ่งเป็นที่ตั้งของซุ้มประตูศาลเจ้า (Kamiiso-no-Torii) หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ซึ่งสามารถมองเห็นดวงอาทิตย์ขึ้น-ลงได้จากจุดนั้น

 

 

 

6. พิธภัณฑ์ไข่ปลาเมทาโกะ (Mentai Park)

Mentai-Park

Photo from https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Kanefuku_kobesanda.jpg

Mentai-Park

Photo from https://www.facebook.com/photo/?fbid=1779798455667055&set=pcb.1779798542333713

Mentai Park เป็นพิพิธภัณฑ์ไข่ปลาเมทาโกะซึ่งเป็นที่ท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ ได้รับความนิยมมากที่สุด พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ในจังหวัดอิบารากิ ผู้ที่มาเที่ยวจะได้สัมผัสวัฒนธรรมที่มีความน่าสนใจ มีกิจกรรมให้ทำมากมาย ซึ่งจะมีความเกี่ยวข้องกับเมนไทโกะ ไม่ว่าจะเป็น การพาทัวร์โรงงานเมนไทโกะ ซึ่งชมกระบวนการผลิตและสามารถทดลองทำเอง รวมไปถึงมีพิพิธภัณฑ์เมนไทโกะ ที่จัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญไว้ให้ศึกษา พร้อมทั้งยังมีที่เที่ยวที่สำคัญนั่นก็คือถนนเมนไต เป็นถนนที่ถูกจำลองขึ้นมาในสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม โดยจะเต็มไปด้วยร้านค้าร้านอาหารที่ทำเมนูเมนไทโกะให้เลือกรับประทานอย่างเอร็ดอร่อย สามารถเลือกรับประทานเมนูนี้ได้หลากหลาย เช่น ข้าวผัดเมนไทโกะ พาสต้าเมนไทโกะ ไอศครีมเมนไทโกะ เป็นต้น เมื่อรับประทานอิ่มท้องแล้วสามารถเดินซื้อของที่ระลึกมากมายกลับไปได้อีกด้วย

วิธีการเดินทาง
เดินทางโดยรถไฟ: ขึ้นสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุดที่จะพาเดินทางไปยัง Mentai Park คือสถานี “Oarai-Isosaki” สาย Joban หลังจากนั้นนั่งรถประจำทางไปยังสวนสาธารณะซึ่งจะใช้เวลา 15 นาทีเท่านั้น
เดินทางโดยรถประจำทาง: มีรถประจำทางหลายสายวิ่งผ่านไปยังสวนสาธารณะ อาทิเช่น ขึ้นรถจากสถานี mito นั่งรถบัสหมายเลข “Oarai line” โดยไปลงที่ป้าย “Mentai Park”

 

 

 

7. พิพิธภัณฑ์ Aquaworld Ibaraki Prefectural Aquarium

Aquaworld Ibaraki Prefectural Aquarium

Photo from https://www.facebook.com/aquaworld.oarai/photos/pb.100057525276503.-2207520000./5660168867331144/?type=3

Aquaworld-Ibaraki-Prefectural-Aquarium-1

Photo from https://www.facebook.com/aquaworld.oarai/photos/pb.100057525276503.-2207520000./6118929631455063/?type=3

พิพิธภัณฑ์ Aquaworld Ibaraki Prefectural Aquarium เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รู้จักกันในชื่อ “Oarai Aquamarine Fukushima” เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงสัตว์น้ำที่มีขนาดใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น มีสัตว์ทะเลจากมหาสมุทรแปซิฟิกหลากหลายชนิดอาศัยอยู่ที่นี่ รวมไปถึงสัตว์ทะเลในเซโตะ อาทิเช่น ปลาฉลาม ปลากระเบน และปลาในเขตร้อน มีอุโมงค์อะคริลิคขนาดใหญ่ที่มีปลาฉลามแหวกว่ายไปรอบๆ ทำให้ผู้ที่เข้ามาชมได้เห็นอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงสัตว์น้ำที่หลากหลาย จัดแสดงในรูปแบบ Interactive เช่น “Touch Pool” โดยที่ผู้เข้าชมจะสามารถสัมผัสสัตว์ทะเลชนิดต่างๆได้ โดยเฉพาะปลาดาวและเม่นทะเล พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังมีจุดไฮไลท์ที่ดึงดูดผู้คนนั่นก็คือ ห้องแมงกระพรุน ที่เต็มไปด้วยแมงกะพรุนหลากหลายชนิด รวมไปถึงมีแมงกระพรุนพระจันทร์ ที่ส่องแสงสวยงามให้ได้ชม ไม่เพียงเท่านั้นยังมีการจัดแสดงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลอีกด้วย เช่น สิงโตทะเล โลมา เป็นต้น โดยสามารถเดินทางเข้ามาชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน

วิธีการเดินทาง
เดินทางด้วยรถไฟ: ขึ้นสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุดคือ “Oarai” นั่งสาย Suigun เพื่อที่จะมายังพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ เมื่อมาถึงแล้วสามารถเดินทางก็จะถึงจุดเป้าหมาย

เดินทางโดยรถประจำทาง: มีรถประจำทางหลายสายที่เดินทางมายังพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ โดยขึ้นรถจากสถานี Mito รถบัสหมายเลข “Oarai line” จากนั้นนั่งมาลงที่ป้าย “Oarai Aquamarine Fukushima”

 

 

 

8. สะพานริวจิน (Ryujin Bridge)

Ryujin-Bridge

Photo from https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Ryujin_Bridge_08.jpg

Ryujin-Bridge

Photo from https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Ryujin_Bridge_13.jpg

สะพานริวจิน Ryujin Bridge เป็นสะพานที่หลายคนรู้จักในชื่อ สะพานเทพเจ้ามังกร ซึ่งสะพานแห่งนี้จะทอดยาวข้ามเขื่อนริวจิน สามารถมองเห็นทัศนียภาพที่สวยงามของธรรมชาติได้ ไม่ว่าจะเป็นภูเขา ทะเลสาบริวจิน โดยสะพานจะมีชื่อเสียงโด่งดังมีความเป็นเอกลักษณ์ในเรื่องการออกแบบ มีความโดดเด่นด้วยรูปปั้นมังกรที่อยู่ทั้งสองด้านของสะพาน ซึ่งมีความเชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งเทพเจ้ามังกรที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบริวจิน ในช่วงเวลาค่ำคืนสะพานริวจินจะถูกตกแต่งด้วยไฟระยิบระยับที่สวยงาม ให้ความรู้สึกที่น่าหลงใหลสะกดทุกสายตาของผู้ที่มาเที่ยว โดยสามารถเดินข้ามสะพานและชมทิวทัศน์สุดตระการตาของทะเลสาบและภูเขาได้รอบด้าน พร้อมทั้งนี้ผู้ที่มาเที่ยวสามารถเดินชมธรรมชาติป่าไม้ซึ่งจะมีเส้นทางเดินป่าที่อยู่บริเวณใกล้เคียงให้เดินชมอีกด้วย เป็นเส้นทางสำรวจธรรมชาติที่สามารถสัมผัสได้อย่างใกล้ชิด

วิธีการเดินทาง
เดินทางโดยรถไฟ: สถานีรถไฟที่อยู่ใกล้กับสะพานริวจิน นั่นก็คือ “Oarai” โดยนั่งสาย Suigun หลังจากนั้นนั่งรถบัสมาไม่ไกลก็จะถึงเขื่อนริวจิน ซึ่งเป็นจุดที่สามารถเดินชมความงดงามของสะพานได้

 

 

 

 

9. ภูเขาสึคุบะ (Mount Tsukuba)

MtTsukuba

Photo from https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Mount_Tsukuba_Rope_Way_2.jpg

MtTsukuba

Photo from https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Mt.Tsukuba_22.jpg

ภูเขาสึคุบะ Mount Tsukuba เป็นภูเขาที่มีชื่อเสียงหรือที่หลายคนเรียกกันว่า สึคุบะซัง ภูเขาแห่งนี้ตั้งอยู่ในภูมิภาคคันนโต เป็นภูเขาที่รู้จักกันในยอดเขาแฝด นันไตซัง ซึ่งเป็นยอดเขาผู้ชาย และเนียวไทซัง ยอดเขาผู้หญิง ที่แห่งนี้มีความสำคัญ เปรียบเสมือนที่ของเทพเจ้าและเทพธิดา บนภูเขาจะมีเส้นทางเดินเขาที่หลากหลายให้ผู้ที่ชอบผจญภัยได้สัมผัสธรรมชาติอย่างเพลิดเพลิน ซึ่งเส้นทางที่ได้รับความนิยมนั่นก็คือกระเช้าลอยฟ้าสึคุบะซัง เป็นพาหนะนำเที่ยวพาขึ้นไปบนยอดเขา ซึ่งจะสามารถเพลิดเพลินไปกับวิวธรรมชาติที่มองเห็นได้รอบด้าน รวมถึงได้เห็นความสวยงามของเมืองสึคุบะอีกด้วย นอกจากนี้ภูเขาสึคุบะยังเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีความสวยงาม เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตในช่วงฤดูใบไม้ร่วง บนภูเขายังเป็นที่ตั้งของวัดและศาลเจ้าหลายแห่ง เช่น ศาลเจ้าสึคุบะซัง ซึ่งเป็นที่ประทับแห่งเทพเจ้าบนหุบเขา

วิธีการเดินทาง
เดินทางโดยรถไฟ: ซึ่งมีสถานีรถไฟใกล้ที่สุดไปยังภูเขา Tsukuba คือสถานี “Tsukuba” สาย Tsukuba Express หลังจากนั้นต่อด้วยรถบัสหมายเลข “Tsukuba-Sanroku” และมาลงยังป้าย “Tsukubasan Ropeway”

 

 

 

10. พิพิธภัณฑ์ศิลปะเซรามิกอิบารากิ (Ibaraki Ceramic Art Museum)

Ibaraki Ceramic Art Museum

Photo from https://visit.ibarakiguide.jp/en/sightseeing/22291/

พิพิธภัณฑ์ศิลปะเซรามิกอิบารากิ Ibaraki Ceramic Art Museum เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงศิลปะเซรามิกอิบารากิ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นศูนย์จัดแสดงศิลปะเซรามิกแบบดั้งเดิม และจัดแสดงศิลปะเซรามิคแบบร่วมสมัยในประเทศญี่ปุ่น มีเครื่องปั้นดินเผาจำนวนมาก ซึ่งเป็นผลงานในยุคเอโดะ ปี ค.ศ 1603-1868 และยุคเมจิ ปี ค.ศ 1868 – 1912 ใครที่สนใจสามารถชมผลงานศิลปะเซรามิกได้มากมาย มีผลงานของศิลปินระดับท้องถิ่นและระดับชาติที่มีชื่อเสียงโด่งดัง นอกจากชมความสวยงามของผลงานเครื่องปั้นดินเผาและเซรามิก ยังสามารถเรียนรู้ประวัติศาสตร์เทคนิคในการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นต่างๆขึ้นมาอีกด้วย

วิธีการเดินทาง
เดินทางโดยรถไฟ: สถานีรถไฟที่ใกล้พิพิธภัณฑ์ก็คือ “Mito” สาย Joban เมื่อมาถึงนั่งรถประจำทางหรือจะใช้วิธีเดินเท้าเพียง 20 นาที ก็มาถึงพิพิธภัณฑ์นั่นเอง

 


ที่เที่ยวแนะนำ - ที่เที่ยวแนะนำ จุดชมซากุระ - จุดชมซากุระ จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี - จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี เป็นมรกดโลก - เป็นมรกดโลก