26 ที่เที่ยวเกียวโต เมืองแห่งศิลปะและวัฒนธรรม 2567
หลังจากปิดประเทศไปหลายปีเพราะโควิด ในที่สุดก็ได้เวลากลับไปเที่ยวญี่ปุ่นกันซักที มาอัพเดตที่เที่ยวเกียวโตล่าสุดกัน
เกียวโต(Kyoto)เป็นเมืองหลงเก่าของญี่ปุ่น เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าเมืองแห่งศิลปะและวัฒนธรรมของญี่ปุ่นอย่างแท้จริง การมาเที่ยวญี่ปุ่นนอกจากเมืองหลวงอย่างโตเกียว(Tokyo)แล้ว เกียวโตก็เป็นอีกเมืองหนึ่งไม่ควรพลาดเพราะเป็นเต็มไปด้วย วัดและศาลเจ้าเก่าแก่โบราณ ซึ่งแต่ละที่ก็จะมีความสวยงาม แตกต่างกันไป ทำให้เมืองเกียวโตมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย
เราจึงรวมเอาที่เที่ยวฮิตๆที่คนไปเที่ยวมาแล้วประทับใจที่สุด 26 ที่เที่ยวเกียวโต เมืองแห่งศิลปะและวัฒนธรรม อัพเดทล่าสุด 2023 เผื่อใครกำลังวางแผนอยู่จะได้ไม่พลาดที่จะใส่เข้าไปในโปรแกรมเที่ยวของตัวเองด้วย
1. วัดคินคะคุจิ หรือวัดทอง (Kinkakuji Temple)
วัดคินคะคุจิ(Kinkakuji) หรือที่หลายคนเรียกกันว่าวัดทองก็เนื่องจากที่วัดนี้จะมีอาคารหลักเป็นสีทองเกือบทั้งหลังตั้งโดดเด่นอยู่กลางน้ำ ทำให้เเกิดเป็นเงาสะท้อนกับพื้นน้ำเบื้องหน้า จนเกิดเป็นภาพที่สวยงามกลายเป็นอีกสัญญลักษณ์หนึ่งของเมืองเกียวโต และวัดคินคะคุจิยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับหลายชายของโชกุนที่สร้างวัดนี้ ให้สร้างวัดกินคะคุจิหรือวัดเงินขึ้นด้วย
2. วัดคิโยะมิซุ หรือวัดน้ำใส (Kiyomizu-dera)
วัดคิโยะมิซุ หรือวัดน้ำใสเป็นหนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของญี่ปุ่น ถูกสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 780 มีน้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากน้ำตกโอโตวะ (Otowa Waterfall)ไหลผ่าน ทำให้เป็นที่มาของชื่อ “วัดน้ำใส” นอกจากนี้ยูเนสโกได้บันทึกให้วัดแห่งนี้ขึ้นเป็นมรดกโลก (UNESCO world heritage sites) อีกด้วย อาคารที่มีชื่อเสียงของวัดแห่งนี้ก็คืออาคารไม้ขนาดใหญ่ ที่เสาของอาคารมีความสูงถึง 13 เมตรจากพื้นดิน และโถงอาคารถูกสร้างให้ยื่นออกไปภายนอกทำให้บริเวณนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยงาม มองเห็นเมืองเกียวโตในฤดูต่างๆ และยังเป็นจุดชมซากุระและชมใบไม้แดงที่ขึ้นชื่อของเกียวโตอีก นอกจากนี้อาคารไม้ของวัดคิโยะมิซุสร้างขึ้นโดยไม่มีการใช้ตะปูตอกแม้แต่ตัวเดียวในการก่อสร้าง
3. ย่านฮิกาชิยาม่า (Higashiyama)
ย่านฮิกาชิยาม่า(Higashiyama)เป็นถนนโบราณสำหรับเดินเล่นช้อปปิ้ง กินบรรยากาศเก่าแก่ของเมืองเกียวโต สองข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านขนมมากมาย โดยย่านนี้จะอยู่บนเนินเขาทางตะวันออกของเกียวโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณระหว่างวัดน้ำใส(Kiyomizudera) ไปจนถึงศาลเจ้ายาซากะ(Yasaka) จะเป็นถนนทางเดินแคบๆ สองข้างทางจะมีอาคารไม้ทรงโบราณแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ซึ่งเป็นทั้งร้านอาหาร ร้านขนมพื้นเมือง ให้ความรู้สึกถึงเมืองเก่าที่ยังคงมีความเป็นเอกลักษ์ของเกียวโตในสมัยก่อนอยู่
4. ศาลเจ้าเทพเจ้าจิ้งจอกอินาริ หรือศาลเจ้าแดง (Fushimi Inari Shrine)
ศาลเจ้าแดงหรือศาลเจ้าจิ้งจอกเป็นศาลเจ้าของศาสนาชินโต(Shinto)ที่มีความสำคัญมากแห่งหนึ่งของเมืองเกียวโต(Kyoto) มีชื่อเสียงโด่งดังจากประตูโทริอิ (Torii Gate) หรือเสาประตูสีแดงที่เรียงตัวกันข้างหลังศาลเจ้าจำนวนหลายหมื่นต้นจนเป็นทางเดินได้ทั่วทั้งภูเขาอินาริ ที่ผู้คนเชื่อกันว่าเป็นภูเขาศักสิทธ์ โดยเทพอินาริจะเป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์ การเก็บเกี่ยวข้าว รวมไปถึงพืชผลไร่นาต่างๆ และมักจะมีจิ้งจอกเป็นสัตว์คู่กาย(บ้างก็ว่าท่านชอบแปลงร่างเป็นจิ้งจอก) จึงสามารถพบเห็นรูปปั้นจิ้งจอกมากมายด้วยเช่นกัน ศาลเจ้าแห่งนี้มีความเก่าแก่มากถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ก่อนสร้างเมืองเกียวโตซะอีก คาดกันว่าจะเป็นช่วงประมาณปีค.ศ. 794 หรือพันกว่าปีมาแล้ว
5. วัดเออิคันโดะ Eikando Temple
วัดเออิคันโดะ (Eikando Temple) หรือวัดเซ็นรินจิ(Zenrinji Temple) นับเป็นวัดที่มีชื่อเสียงในการชมใบไม้แดงในช่วงฤดูใบไม้แดงของเมืองเกียวโตที่หาตัวจับยากอีกแห่งเลยล่ะค่ะ ซึ่งบริเวณที่เป็นจุดชมใบไม้แดงที่เลื่องชื่อของวัดนี้จะอยู่ตรงบริเวณสวนโฮโจ(Hojo) ที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม มีทั้งลำธารเล็กๆ บ่อน้ำ และสะพานเชื่อมต่อกับส่วนที่เป็นอาคาร มีความสวยงามที่สุดในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่จัดแสดงไฟในตอนกลางคืน เรียกได้ว่าสวยทั้งกลางวันฟินทั้งกลางคืน โรแมนติกแบบสุดๆไปเลยค่ะงานนี้
6. วัดบิชามอนโด Bishamon-do Temple
วัดบิชามอนโด Bishamon-do Temple เป็นวัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาในแถบยามาชินะ มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในเรื่องความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสี เส้นทางเดินจะปกคลุมไปด้วยใบเมเปิ้บสีแดงยาวตลอด 2 ข้างทาง ทำให้ดูเหมือนเป็นอุโมงค์ต้นไม้เปลี่ยนสี นอกจากใบไม้เปลี่ยนสีแล้ว ก็ยังเป็นจุดชมซากุระอีกด้วย
7. วัดกินคะคุจิ หรือวัดเงิน (Ginkakuji Temple)
วัดกินคะคุจิหรือวัดเงินแห่งเกียวโต เป็นวัดในนิกายเซนถูกสร้างขึ้นโดยโชกุนอาชิคากะ โยชิมาสะ(Ashikaga Yoshimasa) โดยท่านใช้เวลาในปั้นปลายชีวิตหลังเกษียณอายุอาศัยอยู่ที่นี่ และต้นแบบของวัดแห่งนี้ได้อิทธิพลมาจากวัดคินคะคุจิ(Kinkakuji Temple) หรือวัดทอง ซึ่งเป็นที่พักของปู่ของเขาในช่วงเกษียณอายุเช่นเดียวกัน หลังจากที่ท่านโชกุนเสียชีวิต บ้านของท่านก็ได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นวัดกินคะคุจิหรือวัดเงินในปัจจุบัน
8. ศาลเจ้าเฮอัน (Heian Shrine)
9. ย่านกิออน (Gion)
กิออนเป็นย่านราตรีแห่งเกียวโต ที่จะสามารถเห็นเกอิชาเดินไปมาในบริเวณนี้ได้ ย่านนี้อยู่ใกล้ๆกับศาลเจ้ายาซากะ(Yasaka Shrine) และแม่น้ำคาโมะ(Kamo River) ถนนเส้นหลักจะเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านดื่มชาและร้านอาหารมากมาย ซึ่งแต่ละร้านก็จะการแสดงโชว์จากเกอิโกะ(geiko) และไมโกะ(maiko) ซึ่งสวยงามและเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยในย่านนี้อาคารบ้านเรือนจะเป็นอาคารไม้แบบดั้งเดิม แต่ละหลังจะขนาดไม่ใหญ่ความกว้างประมาณ 5-6 เมตรเท่านั้น และจะเริ่มคึกคักในช่วงเย็นเป็นต้นไป
10. ปราสาทนิโจ (Nijo Castle)
ปราสาทนิโจ(Nijo Castle, 二条城) ตั้งอยู่ที่เมืองเกียวโต โดยถือเป็นอีกสิ่งปลูกสร้างหนึ่งของเมืองที่ได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกของยูเนสโก้ ปราสาทแห่งนี้นั้นมีอายุมานานหลายร้อยปีเลยนะคะ โดยถูกสร้างขึ้นเมื่อประมาณปี ค.ศ. 1603 ในการเป็นที่พำนักอาศัยของท่านโชกุนโทคุกาวะ ที่ถือเป็นบุคคลสำคัญเนื่องจากท่านนั้นเป็นโชกุนคนแรกของสมัยเอโดะราวๆปี ค.ศ.1603-1867ได้ค่ะ ซึ่งการสร้างปราสาทนี้นั้นเรียกได้ว่าไม่ใช่ง่ายๆเลยนะคะ อาจจะเป็นเพราะภายในมีอาคารมากถึงหลายส่วนอีกทั้งในยุคนั้นอาจมีอุปสรรคหลากหลายด้าน จนทำให้ต้องใช้เวลายาวนานกว่าจะสร้างเสร็จ หากที่เห็ฯในปุจจุบันก็ไม่ใช่เฉพาะที่ส้รางในยุคเอโดะเท่านั้นนะคะ ยังมีอีกหลายๆส่วนที่ได้ต่อเติมหรือสร้างขึ้นใหม่อีกภายหลังด้วยล่ะค่ะ
11. ตลาดนิชิกิ (Nishiki Market)
ตลาดนิชิกิ(Nishiki Market)ถือว่าเป็นตลาดที่ดังที่สุดในเมืองเกียวโตทีเดียวค่ะ ดูได้จากคึกคักอยู่ตลอดเวลาและมีผู้คนพลุกพล่าน เดินเลือกซื้ออาหารของสดและของแห้ง มีความหลากหลายของร้านค้าตลอดทั้งเส้น แม้จะเป็นถนนสายช้อปปิ้งสายแคบๆ ความยาวประมาณห้าช่วงตึก มีร้านค้าและร้านอาหารมากกว่า 100 ร้านค้าเรียงรายกันอยู่ มีทั้งของสดของแห้งไปจนถึงอาหารทะเลสดๆ, ภาชนะประกอบอาหาร, มีดญี่ปุ่น, และยังเป็นแหล่งที่มีชื่อเสียงที่มีอาหารตามฤดูกาลให้เลือกซื้อเลือกชิม ที่พลาดไม่ได้เลยจะเป็นสินค้าจำพวกอาหารพื้นเมืองของเกียวโตอย่างเช่น ขนมหวานที่มีเฉพาะเมืองเกียวโต, ผักดอง, และของทะเลตากแห้งแปลกๆ และซูชิแบบดั้งเดิมของเกียวโตอีกด้วย เรียกได้เลยว่าเป็นตลาดที่รวมทุกสิ่งโดยเฉพาะของกินนานาชนิดไว้ให้เลือกอย่างละลานตา จนได้รับฉายานามว่า “Kyoto’s Kitchen”ซึ่งแปลตรงๆได้ว่าครัวของเมืองเกียวโตนั่นเองค่ะ
12. ย่านริมน้ำพอนโตโชะ (Pontocho)
พอนโตโชะ(Pontocho)นั้นเป็นกินพื้นที่บริเวณตั้งแต่ถนนชิโจ(Shijo-dori) ถึงถนนซันโจ(Sanjo-dori) โดยตลอดเส้นทางเดินที่เป็นเส้นแคบๆไม่ใหญ่ไม่เล็กนั้นจะขนานไปกับแม่น้ำคาโมะ พูดได้เลยว่าไม่มีใครในเกียวโตจะไม่รู้จัก เนื่องจากเป็นทั้งแหล่งกินดื่มยอดฮิตและยังเป็นย่านเดินเล่นริมน้ำสุดชิวยามเย็นเลยทีเดียวค่ะ ถ้าใครที่อยากจะมาหาร้านอาหารนั่งบรรยากาศดีๆแนะนำต้องมาที่นี่ด่วนๆ เพราะตลอดสองฝั่งข้างทางมีร้านอาหาร ผับ บาร์ มากมาย โดยเฉพาะยากิโทริ (yakitori) อาหารปิ้งย่างแบบดั้งเดิม ร้านค้าส่วนมากมักจะเปิดให้บริการในช่วงเย็นไปจนถึงดึกๆ จะมีแค่บางร้านส่วนน้อยเท่านั้นที่จะเปิดในช่วงกลางวันซึ่งก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ดีนะคะ ถ้ามาช่วงกลางวันก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบหนึ่ง แต่ถ้าจะดีที่สุดก็คงจะเป็นช่วงค่ำๆนี่แหล่ะค่ะ ยิ่งร้านที่ติดๆริมแม่น้ำคาโมะ (Kamogawa)ที่จะตั้งอยู่ทางฝั่งขวาของเส้นพอนโตโชะ บอกได้เลยว่าบรรยากาศโรแมนติกแบบสุดๆไปเลย เรียกว่าจ่ายหลักร้อยไปจนพันแต่วิวเนี่ยหลักล้านชัดๆ
13. เมืองชนบทคิบูเนะ (Kibune)
คิบูเนะ(Kibune)เป็นเมืองชนบทเล็กๆที่อยู่ในเขาทางตอนเหนือของเกียวโต มีชื่อเสียงด้านความงามตามธรรมชาติที่ผสานกับศิลปะและวัฒนธรรมของญี่ปุ่น โดยมีศาลเจ้าคิบูเนะที่มีชื่อเสียงตั้งอยู่ด้วย ตามตำนานเทพเจ้าเดินทางจากเมืองโอซาก้าโดยใช้เรือสีเหลือง ล่องตามแม่น้ำขึ้นมาที่ภูเขาทางเหนือของเกียวโต และมาถึงปลายทางที่เมืองแห่งนี้ จึงเรียกตั้งชื่อเมืองตามตำนานว่า คิบูเนะ หรือ เรือสีเหลือง
14. เมืองชนบทอาราชิยาม่า (Arashiyama)
อาราชิยาม่า(Arashiyama)เป็นอีกเขตหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมากัน อยู่ทางตะวักตกของเกียวโต จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวชมกันอย่างคับคั่งในช่วงที่ดอกซากุระบานและช่วงใบไม้แดงหรือใบไม้เปลี่ยนสี โดยเฉพาะการนั่งรถไฟสายโรแมนติกซากาโน่(Sagano) และทางเดินป่าไผ่แปลกตาที่อยู่หลังวัดเทนริวจิ วัดดังของอาราชิยาม่า
15. หมู่บ้านชาวประมงโบราณ อิเนะ
16. วัดเอนยาคุจิ (Enryakuji Temple)
17. จุดชมวิวอามาโนะฮาชิดาเตะ (Amanohashidate Sandbar)
18. สตูดิโอโทเออิ (Toei Studio)
สตูดิโอโทเออิ อุซุมาสะ อิกามูระ(Toei Studio) มีอีกสองชื่อเรียกที่ติดปากกันว่า Kyoto Studio Park หรือ Movie Land เรียกว่าเหมือนจำลองเป็นเมืองสมัยยุคเอโดะมาไว้ในที่นี่อย่างไงอย่างงั้นเลยล่ะค่ะ มีความสมจริงมากถึงมากที่สุด นับเป็นสตูดิโอที่เป็นสถานที่ถ่ายทำจริงของภาพยนตร์ดังหลายๆเรื่อง เรื่องความวมจริงที่ให้คะแนนเต็มร้อยเลยงานดีมาก ทั้งอาคารบ้านเรือน ร้านค้าต่างๆล้วนอิงตามรูปแบบตามประวัติศาสตร์ในยุคนั้นเป๊ะๆ โดยมีการจำลองสถานที่สำคัญมาอย่างสะพานเก่านิฮอนบาชิ (Nihonbashi Bridge), ที่ว่าการศาลโบราณ, สถานีตำรวจสมัยเมจิ และ ย่านเมืองเก่าโยชิวาระมาให้เห็นแบบไม่ต้องไปดูที่ไหนเพิ่มเลยก็ได้ ซึ่งที่ยิ่งทำให้อินกับบรรยากาศมากขึ้นก็ตรงการแต่งการของเจ้าหน้าที่ที่แต่งกายย้อนยุคกันหมดนี่แหล่ะ เรียกได้ว่าทรงผมเสื้อผ้ามาเต็มแบบดูรวมๆแล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน
19. ย่านช้อปปิ้งถนนชินเคียวโกกุและเทอระมะชิ Shinkyogoku and Teramachi
ถนนคนเดินที่เป็นเส้นช้อปปิ้งกลางใจเมืองเกียวโตจะมีอยู่หลักๆ 2 เส้นคือ ชินเคียวโกกุ(Shinkyogoku) กับ เทอระมะชิ(Teramachi) ที่อยู่ขนานกัน เป็นตรอกเล็กๆอยู่บนถนนชิโจ โดริ(Shijo Dori)ที่เป็นถนนเส้นหลักวิ่งผ่าใจกลางเมืองเกียวโต
20. หมู่บ้านมิยาม่า (Miyama)
21. วัดเบียวโดอิน (Byodoin Temple)
22. วัดนันเซ็นจิ (Nanzenji Temple)
วัดนันเซ็นจิ (Nanzenji) ตั้งอยู่ในแถวๆเชิงเขากาชิยะมะ ของเมืองเกียวโตนั่งเองค่ะ วัดแห่งนี้นั้นนับเป็นวัดนิกายเซ็นของศาสนาพุทธที่มีความสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเป็นวัดที่มีอาณาบริเวณกว้างขวางมากๆ ภายในนั้นยังเป็นที่ตั้งของอีกหลายๆวัดอีกต่างหาก ซึ่งจริงๆแล้วตัววัดได้ถูกสร้างขึ้นประมาณศตวรรษที่ 13 โดยองศ์จักรพรรดิคาเมยามะ (Kameyama) ที่แรกเริ่มเดิมทีเพียงแค่ต้องการจะสร้างที่พำนักอาศัยช่วงที่ท่านอายุมากๆในวัยเกษียณอายุแล้ว หากภายหลังก็ได้กลายมาเป็นวัดนันเซ็นจิในที่สุด แต่เมื่อเกิดสงครามขึ้นในสมัยมุโรมาชิ (Muromachi )สิ่งปลูกสร้างหลายๆส่วนได้ถูกเผาทำลายลงอย่างมากมาย จนเรียกได้ว่าต้องทำการบูรณะใหม่แทบทั้งหมดในภายหลังแล้วก็อยู่มาจนถึงปัจจุบันนี่แหล่ะค่ะ
23. วัดเรียวอันจิ หรือวัดสวนหิน (Ryoanji Temple)
วัดเรียวอันจิ (Ryoanji) นับได้ว่าเป็นวัดที่สมัยเฮอัน (Heian Period)ที่มีชื่อเสียงมากๆเกี่ยวกับความงดงามของสวนหิน เรียกได้ว่ามากที่สุดในเกียวโตและยังเป็นอันดับต้นของประเทศญี่ปุ่นเลยล่ะค่ะ ซึ่งด้วยความโด่งดังนี่เองทำให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศจำนวนมากในแต่ละวัน ตัวสวนหินนั้นไม่ได้มีหลักฐานแบบชี้ชัดว่าเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ด้วยความมีเอกลักษณ์ของการออกแบบสวนแห่งนี้นี่เองที่ทำให้มีชื่อเสียงขจรไปไกลขนาดนี้ บอกเลยว่าถ้าอยากมาเห็นสวยหินงามๆในเกียวโตที่วัดวัดเรียวอันจินี่ถือว่าเป็นตัวเลือกอันดับแรกเลยทีเดียวเชียวค่ะ
24. วัดโยชิมิเนะเดะระ(Yoshiminedera Temple)
วัดโยชิมิเนะเดะระ(Yoshiminedera Temple) ตั้งอยู่ที่ภูเขาทางทิศตะวันตกของเมืองเกียวโต (Kyoto) นับเป็น เป็นวัดของพุทธศาสนานิกายเท็นได(Tendai)ที่คล้ายๆกับวัดดังอย่างวัดน้ำใส(Kiyomizudera) ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเลยล่ะค่ะ โดยวัดแห่งนี้ค่อนข้างจะมีพื้นที่บริเวณที่กว้างขวาง เต็มไปด้วยทัศนียภาพของธรรมชาติที่พาให้ใจได้ชุ่มชื่น และยังได้สัมผัสกับความเป็นธรรมชาติแบบใกล้ชิด
25. วัดซันจูซันเก็นโด หรือวัดเจ้าแม่กวนอิมพันมือ(Sanjusangendo Temple)
วัดซันจูซันเก็นโด (Sanjusangendo Temple) ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเมืองเกียวโต ซึ่งจะมีอีกชื่อหนึ่งที่คนทั่วๆไปรู้จักกันนั่นก็คือ วัดเจ้าแม่กวนอิม 1000 มือนั่นเองค่ะ พอฟังชื่อปุ๊บก็น่าจะพอรู้ๆกันว่าจุดเด่นของที่นี่น่าจะเป็นแม่กวนอิมแน่ๆ โดยภายในวัดนั้นจะมีองค์เจ้าแม่กวนอิมพันมือ (Senju Kannon)จำนวนมากถึง 1,001 องค์ด้วยกัน วัดแห่งนี้ได้ถูกค้นพบในราวๆปี ค.ศ. 1164 ช่วงที่เพิ่งพบวัดนั้นตัววัดมีความเสียหายที่เกิดจากการถูกไฟไหม้อย่างมาก ต่อมาภายหลังจากที่พบนี่แหล่ะค่ะถึงได้ถูกบูรณะฟื้นฟูส่วนต่างๆจนกลับมาสมบูรณ์อย่างที่ได้เห็นในปัจจุบัน
26. วัดโคเคเดระ หรือวัดสวนมอส (Kokedera Moss Temple)
วัดโคเคเดระ หรือวัดสวนมอส ได้ชื่อมาจากการจัดสวนภายในวัด ที่ถูกปกคลุมไปด้วยต้องมอสเกือบทั้งหมด วัดแห่งนี้ยังได้รับการบันทึกเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้อีกด้วย (Unesco World Heritage Sites) ในการเข้าชมนั้นจะต้องรับได้การอนุญาตจากทางวัดก่อน สามารถทำการจองได้โดยการส่งจดหมายมาที่วัด จากนั้นทางวัดส่งจดหมายเชิญกลับมาให้ และนำจดหมายนั้นมายื่นเมื่อมาถึงได้เลย
>>> แนะนำ โรงแรมที่พัก เด็ด ทั่วเมืองเกียวโต อัพเดตล่าสุด <<<