แนะนำ โรงแรมที่พัก โตเกียว ญี่ปุ่น อัพเดตล่าสุด

รวม 7 เส้นทางรถไฟชมวิว ทีเด็ด ทั่วประเทศญี่ปุ่น 2567

Photo by Ippukucho from commons.wikimedia.org/wiki/File:DaiichiTadamigawaBridge.jpg [CC by 2.0]


การท่องเที่ยวโดยรถไฟในญี่ปุ่นนี่ถือว่าได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวมากๆ เพราะเป็นการได้ไปสัมผัสถึงบรรยากาศของพื้นที่นั้นๆได้แบบใกล้ชิดที่สุด ยิ่งบางเส้นทางที่มีรถไฟโบราณหัวจักรไอน้ำให้ได้ลองขึ้นกันอีกต่างหาก จะหาความฟินแบบนี้ได้จากที่ไหน ครั้งนี้เราจึงได้รวบรวม 7 เส้นทางรถไฟท่องเที่ยวเด็ดๆที่คุณไม่ควรพลาดทั่วญี่ปุ่น เรียกได้ว่าไม่ไปถือว่าผิดของมันต้องไปโดนซักครั้งนะออเจ้า ไม่อย่างนั้นพลาดของดีไม่รู้นะเออ

 

1. Sagano Scenic Railway

Photo by pang yu liu from flickr.com/photos/pangyuliu/29307753666/ [CC by-sa 2.0]

Sagano Scenic Railway หรือที่รู้จักกันในชื่อ Sagano Romantic Train ถ้าพูดถึงเส้นทางรถไฟวิวงามๆในหมู่คนไทยนั้น เส้นทางนี้นับว่าติดอันดับความนิยมต้นๆเลยก็ว่าได้ เส้นทางนี้จะตั้งอยู่ในจังหวัดเกียวโต ตัวรถไฟจะเป็นแบบย้อนยุคๆหน่อยหัวรถจักรโบราณที่หาดูได้ยากในยุคปัจจุบัน สามารถสัมผัสอากาศดีๆระหว่างทางได้เพราะหน้าต่างเป็นแบบเปิดรับลม แถมหลังคายังทำจากกระจกใสทำให้สามารถมองเห็นวิวได้แบบเต็มอิ่ม (ตู้แบบนี้จะมีเพียงตู้เดียวเท่านั้น) เส้นทางจะมีความลัดเลาะตามแนวหุบเขามองเห็นลำน้ำโฮะซึ (Hozugawa River) ที่ไหลผ่าน เริ่มต้นจากสถานีTorokko Saga สุดสายที่สถานี Kameoka Torokko โดยจะมีความงามที่แปรเปลี่ยนไปตามสภาวะอากาศ แต่ช่วงที่คนนิยมมากที่สุดน่าจะเป็นฤดูใบไม้เปลี่ยนผลิที่จะมีจุดที่เป็นเหมือนอุโมงค์ต้นซากุระที่พากันผลิดอกบานสะพรั่งสีชมพูอ่อน และฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ตลอดเส้นทางจะเต็มไปด้วยสีสันของสีเหลือส้มแดงแต่งแต้มให้บรรยากาศคลาสสิกมากๆจนสมฉายาที่ได้รับการขนานนามว่าเส้นทางสายโรแมนติก ซึ่งจะเปิดวิ่งตั้งแต่ช่วงมีนาคมไปจนถึงธันวาคมของทุกปี

จังหวัด : เกียวโต

ค่าโดยสาร : ผู้ใหญ่ 620 เยน เด็ก (อายุตั้งแต่ 6 – 11 ปี) 310 เยน

 

 

2. Gono Line

A post shared by Kz (@niepongt3) on

เส้นทางที่ถือว่าเป็นสายที่ทุกคนยกให้สวยครบครันที่สุดแล้ว เพราะไม่ว่าจะภูเขาก็มีหรือจะชอบทะเลก็มา สองธรรมชาติที่งดงามมาให้เห็นในสายเดียว เริ่มต้นตั้งแต่จังหวัดอาโอะโมะริไปจนถึงจังหวัดอากิตะ ในส่วนของเทือกเขานี่ไม่ธรรมดาเพราะเป็นเทือกเขาชิระกะมิที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกจากยูเนสโก อีกทั้งยังได้ยลชายฝั่งของทะเลญี่ปุ่นที่มองเห็นถึงวิวทิวทัศของเกาะฮอนชูอันโด่งดังอีกด้วย ตัวรถไฟมีสิ่งอำนวยความสะดวกพรั่งพร้อมไม่ถึงกับทันสมัยแต่ก็ให้กลิ่นอายความคลาสสิกไม่เบา บอกได้เลยว่าเป็นสายที่ลงตัวมากที่สุดที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง

จังหวัด : อาโอโมริ(Aomori) และ อากิตะ(Akita)

ค่าโดยสาร : ผู้ใหญ่ 3,350 เยน เด็ก (อายุตั้งแต่ 6 – 11 ปี) 1,675 เยน

 

 

3. Torokko Electric Railway

A post shared by akira_vs1 (@akira_vs1) on

เส้นทางจะจะได้สัมผัสกับบรรยากาศของหุบเขาที่รายล้อมอย่างใกล้ชิด เริ่มต้นจากสถานี Unazuki ไปสิ้นสุดที่สถานี Keyakidaira ลัดเลาะไปตามแนวเทือกเขาคุโรเบะ (Kurobe Gorge) เรียกว่าได้ทั้งความหวาดเสียวเบาๆไปพร้อมๆกับความงดงามของธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ไปตลอดทาง ที่พิเศษกว่าวิวทิวทัศน์ก็เห็นจะไม่พ้นรถไฟนี่แหล่ะ เพราะจะเป็นรถไฟท่องเที่ยวโดยเฉพาะที่ทำให้อินกับการเดินทางสุดๆ มีให้เลือกสามแบบได้แก่ Regular passenger trains เป็นแบบเปิดโล่ง ที่นั่งต่อแถวสี่คน ไม่มีพนักพิงชิลขั้นสุด ถ้าต้องการสะดวกขึ้นมาอีกนิดก็ต้อง Special passenger trains ที่จะมีหน้าต่างใสบานใหญ่ ที่นั่งแต่ละแถวประกอบด้วยหนึ่งพับและสามที่นั่งถาวร (จ่ายเพิ่ม 370 เยน) และสุดท้าย “Relax” passenger trains แบบชั้นหนึ่งหรูสุด ที่นั่งแต่ละแถวประกอบด้วยสามที่นั่ง ที่พนักพิงหลังปรับเอนได้นั่งสบายสุด (จ่ายเพิ่ม 530 เยน) แนะนำเลยว่าถ้ามาช่วงปลายปีถ้าไม่อยากสัมผัสลมหนาวแบบเต็มๆให้เพิ่มเป็นอีกสองแบบหลังจะดีกว่า โดยจะสามารถมาท่องเที่ยวขึ้นรถไฟได้ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนไปจนถึงปลายเดือนพฤศจิกายนของทุกปี

ค่าโดยสาร : ผู้ใหญ่ 1,710 เยน เด็ก(อายุตั้งแต่ 6 – 11 ปี)  860 เยน

 

 

4. Aizu Railway

เส้นทางของจังหวัดฟุกุชิมะที่จะทำให้คุณไปเข้าไปสัมผัสบรรยากาศความเป็นชนบทของญี่ปุ่นที่จะผ่านท่องทุ่งไร่สวนที่เขียวขจีช่วงฤดูร้อน ไปจนถึงป่าไม้ที่มีต้นไม้เรียงกันแน่นขนัด พร้อมทั้งได้ชมทัศนียภาพของเมืองออนเซ็นที่อยู่ละแวกนี้อีกด้วย ช่วงที่สวยที่สุดน่าจะเป็นฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่สองข้างทางจะรายล้อมไปด้วยใบไม้หลากสีสันแต่งแต้มให้ดูมีความงดงามที่แทบไม่สามารถละสายตาได้ทีเดียว รถไฟสำหรับท่องเที่ยวจะมีความน่ารักแบบเรียบๆที่เหมาะมากๆสำหรับรับลมชมวิว โดยเส้นทางจะเริ่มที่สถานี Aizu Wakamatsu ไปจบที่สถานี Tounoheturi

ค่าโดยสาร : ผู้ใหญ่ 1,140 เยน เด็ก(อายุตั้งแต่ 6 – 11 ปี)  570 เยน

 

 

5. Fujikyu Railway

Photo from Official Site www.fujikyu-railway.jp

สำหรับคนที่มองหาเส้นทางที่สามารถมองเห็นภูเขาฟูจิต้องเส้นนี้เลย โดยรถไฟที่จะวิ่งเป็นขบวนชื่อว่า Fujisan View Express มีรูปลักษณ์ที่สุดแสนจะทันสมัย ภายในก็มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกพร้อมตกแต่งด้วยวัสดุไม้เพื่อเพิ่มความรู้สึกอบอุ่นมากขึ้น โดยเริ่มต้นที่สถานี Otsuki ไปสิ้นสุดที่สถานี Kawaguchiko ผ่านด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้และจังหวัดยามานาชิ ช่วงที่ไปแล้วชมภูเขาฟูจิสวยที่สุดน่าจะช่วยฤดูร้อนและฤดูใบไม้ผลิที่ฟ้าจะใสโปร่งทำให้มองเห็นภูเขาฟูจิได้ชัดๆ

ค่าโดยสาร : ผู้ใหญ่ 1,140 เยน เด็ก(อายุตั้งแต่ 6 – 11 ปี)  570 เยน

 

 

6. Oigawa Railway


เส้นทางที่มีความพิเศษสุดๆตรงรถไฟเป็นแบบรถจักรไอน้ำ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์การท่องเที่ยวของจังหวัดชิซุโอกะก็ว่าได้ มันเป็นอะไรที่ฟินมากที่ได้ขึ้นรถไฟที่มีอายุเกือบร้อยปีเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปสมัยโบราณอย่างไรอย่างนั้น แต่ก็มีให้เลือกอีกขบวนที่เป็นรถไฟ Ikawa-sen ระบบ ABT ที่ระยะทางจะสั้นกว่าและก็ราคาถูกกว่าอยู่พอสมควร นอกจากจะได้ชมวิวทิวทัศน์ของเทือกเขาป่าไม้ แม่น้ำ สะพานต่างๆแล้วนั้น ที่นี่ยังได้ชมไร่ชาที่กว้างสุดลูกหูลูกตานับเป็นวิวที่หาชมได้ยากจากที่อื่น โดยเฉพาะช่วงยอดนิยมอย่างฤดูร้อนและฤดูใบไม้ผลินี่สวยพีคมากๆ ที่สำคัญยังมีข้าวกล่อง Eki-benที่ถือเป็นของขึ้นชื่อของเมืองที่จะหาทานได้เฉพาะที่นี่เท่านั้นอีกด้วย

ค่าโดยสาร :

  • สายรถไฟ SL (รถจักรไอน้ำ) ผู้ใหญ่ 2,610 เยน เด็ก(อายุตั้งแต่ 6 – 11 ปี) 1,305 เยน (จากสถานี Kanaya ถึงสถานี Senzu ทั้งหมด 19 สถานี )
  • สายรถไฟ Ikawa-sen ระบบ ABT ผู้ใหญ่ 1,280 เยน เด็ก(อายุตั้งแต่ 6 – 11 ปี) 640 เยน (จากสถานี Senzu ถึงสถานี Ikawa ทั้งหมด 14 สถานี)

 

 

7. Tadami Line

Photo by Ippukucho from commons.wikimedia.org/wiki/File:DaiichiTadamigawaBridge.jpg [CC by 2.0]


เส้นทางรถไฟของจังหวัดฟุกุชิมะที่วิ่งไปจนถึงจังหวัดนีงะตะ เริ่มตั้งแต่สถานี Aizu Wakamatsu ไปสิ้นสุดที่สถานี Koide ซึ่งเป็นเส้นทางที่จะตัดผ่านเมือกเขาทำให้ได้ชื่นชมความสวยงามของธรรมชาติป่าไม้ไปตลอดเส้นทาง แต่ช่วงที่งดงามแปลกตาน่าจะเป็นช่วงฤดูหนาวที่ป่าและพื้นที่รอบๆต่างขาวโพลนไปหมดประหนึ่งหลุดเข้ามาในเมืองหิมะในเทพนิยายก็ไม่ปาน เรียกว่าสวยจนแทบลืมหายใจ อีกช่วงหนึ่งที่ฮอทฮิตไม่แพ้กันก็เป็นฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ก็สวยงามต่างกันไคนละแบบจะมาทั้งสองฤดูก็ถือว่าได้สัมผัสความงามที่แม้จะเป็นพื้นที่เดียวกันแต่ให้ความงามที่แต่งกันอย่างไม่น่าเชื่อ

ค่าโดยสาร : ผู้ใหญ่ 7,310 เยน เด็ก(อายุตั้งแต่ 6 – 11 ปี)  3,655 เยน

 


ครบครันเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับรถไฟชินคันเซน สำหรับคนไปเที่ยวญี่ปุ่น
เที่ยวญี่ปุ่น เดือนตุลาคม เป็นยังไง ไฮไลท์เด็ดห้ามพลาด และที่เที่ยวเด็กเจ๋งๆ