แนะนำ โรงแรมที่พัก โตเกียว ญี่ปุ่น อัพเดตล่าสุด

แพลนเที่ยวฮอกไกโด พิมพ์นิยม 7 วัน 6 คืน เน้นที่ฮิต เที่ยว กิน ช้อป ครบๆ

Photo by Lionel Leong from flickr.com/photos/lionel-arts/26380528716/ [CC by-sa 2.0]


อัพเดตล่าสุดเมื่อ 11 มกราคม 2566

 

ด้วยความที่ปัจจุบันนี้ มีคนไทยเดินทางไปเที่ยวฮอกไกโดแบบไม่ต้องง้อทัวร์กันจำนวนมาก บางคนก็อาศัยตามรีวิวแล้วไปลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง บางคนก็อาศัยการหาข้อมูลแล้วลองจัดทริปเอง ซึ่งก็อาจจะมีข้อผิดพลาดบ้างเล็กน้อย ในเรื่องของการวนไปวนมาระหว่างสถานที่ อาจจะทำให้เสียเงินและเวลาเดินทางมากกว่าที่ควรจะเป็น เราจึงขอแนะนำโปรแกรมตะลอนเที่ยวฮอกไกโด 7 วัน 6 คืน แบบเก็บให้ครบที่ฮิต แต่จะเน้นเฉพาะตอนใต้และตอนกลางของเกาะที่เดินทางได้ง่ายและสะดวกเท่านั้น เพื่อที่มือใหม่หรือคนที่เคยไปครั้งแรกจะได้ไม่ต้องปวดหัวเรื่องการเดินทางมากนัก รวมทั้งโปรแกรมนี้ก็จะไม่ได้จัดแบบแน่นมากนัก จะได้มีเวลาเที่ยวแบบช้าๆได้บ้าง หรือถ้าใครฟิตจัด จะอัดโปรแกรมเพิ่มจากนี้ก็ย่อมได้

 

▌วันที่ 1

ช่วงเช้า : เริ่มจากการเดินทางออกจากประเทศไทย โดยสายการบินที่ท่านจองไว้ (บางสายการบินอาจจะบินตรง แต่บางที่ก็อาจจะต้องไปต่อเครื่องอีก) คะเนว่าเครื่องบินน่าจะถึงสนามบิน New Chitose ช่วงเช้า เวลา 07.00 – 09.30 น. จากนั้นนั่งรถไฟ JR ไปเปลี่ยนสายที่สถานี Minami-Chitose เพื่อไปลงที่สถานี Hakodate ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง จะถึง Hakodate ประมาณ 12.00 – 13.00 น. เพิ่งมาถึงวันแรกกำลังฟิต ต้องเที่ยวหนักหน่อย

Photo by elminium from flickr.com/photos/lumen850/5458050013/ [CC by 2.0]

ช่วงบ่าย : ชมป้อมโงเรียวกาคุ หรือ ป้อมดาว 5 แฉก ป้อมปราการสมัยเอโดะที่ปัจจุบันเปิดให้เข้าชมในโซนที่ทำการผู้สำเร็จราชการที่อยู่ใจกลางป้อม และหอคอยที่จะทำให้เห็นทัศนียภาพรูปดาว 5 แฉกของป้อมอย่างชัดเจน โดยการนั่งรถรางสาย 2 หรือ สาย 5 ไปลงที่ Goryokaku Koen Mae แล้วเดินต่อไปทางทิศเหนืออีก 750 เมตร

Photo by Jow from flickr.com/photos/128817170@N08/15711794480/ [CC by-nd 2.0]

พอบ่ายแก่ๆหรือเย็นๆ ให้ไปชมวิวภูเขาฮาโกดาเตะ หนึ่งในสามจุดชมวิวกลางคืนที่สวยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น โดยการนั่งรถประจำทางจากสถานี Hakodate ไปที่ยอดเขาได้เลย (ใช้เวลาประมาณ 30 นาที)

เมื่อเดินชมป้อมโงเรียวกาคุ และชมวิวที่ภูเขาฮาโกะดาเตะเรียบร้อยแล้ว ก็จะเป็นเวลาเย็นพอดี ขอแนะนำให้มาช้อปปิ้ง และทานอาหารเย็นที่โกดังอิฐแดงคาเนะโมริ จะให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในยุคดั้งเดิมของญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก อิ่มหนำสำราญจนหมดแรงก็กลับเข้าที่พักใน Hakodate ค้าง 1 คืน ก่อนที่จะตะลุยวันต่อไปได้เลย

 

▌วันที่ 2

Photo by sodai gomi from flickr.com/photos/sodaigomi/28970937875/ [CC by 2.0]

ช่วงเช้า : เดินชมตลาดเช้า Hakodate Morning Market เพื่อทานอาหารทะเลสดใหม่ เมนูแนะนำของตลาดแห่งนี้ คือ อูนิอิคุระดงบุริ หรือข้าวหน้าหอยเม่นทะเลและไข่ปลาแซลมอน หรือจะลองไปตกหมึกแบบสด ๆ แล้วประกอบอาหารตรงนั้นเลยก็ได้ ตลาดอยู่ไม่ไกลจาก สถานี Hakodate มากนัก เพียงแค่เดินไปทางขวา แล้วข้ามถนนไปก็ถึงแล้ว จากนั้นก็เช็คเอ้าท์ออกจากที่พัก เดินทางต่อไปซัปโปโร โดยการนั่งรถไฟ JR ไปลงที่สถานีซัปโปโร ใช้เวลาประมาณ 3.5 ชั่วโมง (ควรจะถึงประมาณ 12.00 – 13.00 น. จะดีที่สุด) เมื่อไปถึงแล้วให้ฝากกระเป๋าไว้ที่สถานีรถไฟ Sapporo กันก่อน

Photo by MIKI Yoshihito from flickr.com/photos/mujitra/8346369496 [CC by 2.0]

ช่วงบ่าย : เดินทางไปเที่ยวเมืองออนเซนที่ โจซังเคออนเซ็น ที่ได้ชื่อว่าเป็น “ห้องนั่งเล่นแห่งซัปโปโร” เนื่องจากมีทิวทัศน์เบื้องหลังที่สวยงาม ด้วยการนั่งรถบัสหมายเลข 7 หรือหมายเลข 8 จากสถานี Sapporo Station Bus Terminal มาลงที่ Jozankei Onsen ใช้เวลาประมาณ 1.15 ชั่วโมง

ย่านทะนุกิโคจิ

photos by Wing1990hk from commons.wikimedia.org/wiki/File:Tanuki_Koji_Shopping_Arcade_Shops_201406.jpg(cc by 3.0)

ช่วงเย็น : เมื่อเดินเล่นหรือแช่ตัวจนสบายตัวแล้ว ก็กลับมาพักผ่อนที่ซัปโปโรโดยการนั่งรถประจำทางกลับมาเช่นเดิม แล้วไปช้อปปิ้งที่ ย่านทานูคิโคจิ ด้วยการนั่งรถไฟใต้ดินสาย Namboku มาลงที่สถานี Susukino เดินออกไปทางออก 1 จนกว่าจะเจอซุ้มประตูรูปนกเพนกวิน เมื่อเดินจนเหนื่อยแล้ว ก็มาทานราเม็งที่ ซูซูกิโนะ ที่อยู่ไม่ไกลจากทานูคิโคจิมากนัก อิ่มแล้วก็ค้างคืนที่ซัปโปโร 1 คืน

 

[wp_ad_camp_1]

 

▌วันที่ 3

ย่านจัตุรัสและ-พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี

photos by 663highland from commons.wikimedia.org/wiki/File:Marchen_Crossing_Otaru03s5.jpg(cc by 3.0)

Photo by Janne Moren from flickr.com/photos/jannem/4285832199/ [CC by-sa 2.0]

ช่วงเช้า-บ่าย : เดินทางไปท่องเที่ยวที่เมืองโอตารุ อดีตเมืองท่าเล็ก ๆ ที่ยังคงเสน่ห์ความเป็นญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ด้วยการนั่งรถไฟ JR จากสถานีซัปโปโร มาลงที่สถานีโอตารุเลย (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง) ชมวิวริมคลองโอตารุ ที่เต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ และร้านอาหารญี่ปุ่น ท่ามกลางบรรยากาศสุดโรแมนติก น่าจะเดินเที่ยวเล่นได้ตั้งแต่สายๆไปจนถึงบ่ายคล้อย ก็จะเริ่มมีถนนช้อปปิ้งเล็ก ๆ ที่ชื่อซาไกมาจิ เหมาะสำหรับการเดินหาอาหารทะเลสดใหม่ หรือจะเลือกซื้อเครื่องแก้วที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองน่ารักแห่งนี้กลับไปเป็นของฝากก็เป็นความคิดที่ดี

ช่วงเย็น : เดินทางกลับมาที่ซัปโปโร ค้าง 1 คืน ถ้ายังมีเวลาว่างพอก็แนะนำให้มาเดินเล่นที่ ย่านสถานีรถไฟ JR Sapporo เพื่อซื้อของเล็กน้อยจากห้างสรรพสินค้าชื่อดังในย่านนี้

 

▌วันที่ 4

วันนี้มี Option ให้เลือกคือ ถ้าไปช่วงหน้าร้อนที่มีดอกไม้บานเต็มที่ก็แนะนำให้ไปที่เมือง Furano – Biei แต่ถ้าไม่ใช่ แนะนำไปที่ เมืองออนเซน Noboribetsu

เที่ยวช่วงดอกไม้บาน เที่ยว Furano-Biei: 

Photo by Yoshiki from flickr.com/photos/e29616/1028397369/ [CC by 2.0]

ช่วงเช้า : เดินทางไปที่เมืองฟูราโน่ เพื่อชมทุ่งดอกไม้ ด้วยการนั่งรถไฟไปลงที่สถานี Kimifurano แล้วเดินต่อขึ้นไปบนเนินเขา หากไม่สะดวกจริง ๆ สามารถนั่งแท็กซี่ต่อขึ้นไปได้ ใช้เวลาประมาณ 5 นาที ก็จะเจอทุ่งดอกไม้ที่มีความสวยงามสุดลูกหูลูกตา มีฉากหลังเป็นเทือกเขาโทชิ จะเดินเล่น หรือจะนั่งรถแทร็กเตอร์ไปตามทุ่งเพื่อชื่นชมความงามก็แล้วแต่ความชื่นชอบ

Photo by Tetsuji Sakakibara from flickr.com/photos/tetsuji0105/22038116161/ [CC by-sa 2.0]

ช่วงบ่าย : เดินทางต่อไปที่สระอะโออิเคะ หรือสระน้ำสีฟ้า ด้วยการนั่งรถไฟจากสถานี Kimifurano ไปยังสถานี Biei แล้วโดยสารรถบัสไปลง Shirogane Aoiike Iriguchi ก็จะพบสระน้ำสีฟ้าสว่างสดใสที่เกิดจากแร่ธาตุบางชนิดจากภูเขาไฟ (โปรแกรมนี้สามารถตัดออกได้ หากรู้สึกว่าเหนื่อยหรือเพลียมากแล้ว) เมื่อเที่ยวครบ ก็เดินทางกลับมาซัปโปโร ค้างอีก 1 คืน

 

ถ้าไปช่วงอื่นๆ เที่ยวเมืองออนเซน Noboribetsu: 

Source: Noboribetsu Onsen Dai-ichi Takimotokan from agoda.com/th-th/noboribetsu-onsen-dai-ichi-takimotokan/hotel/noboribetsu-jp.html

ช่วงเช้า – บ่าย : เดินทางไปเที่ยวชมย่านบ่อน้ำร้อนโนโบริเบทสึ ที่ว่ากันว่าเป็นบ่อน้ำร้อนที่มีชื่อเสียงที่สุดในฮอกไกโด เนื่องจากมีบ่อน้ำร้อนที่มีแร่ธาตุต่างกันถึง 11 ชนิด โดยการนั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานี Noboribetsu แล้วต่อด้วยรถบัสประจำทางมาลงที่ Noboribetsu Onsen จะลงแช่ออนเซ็นสักพัก หรือจะเดินถ่ายรูปเล่นอย่างเดียวก็ได้ตามความต้องการ จากนั้นให้เดินต่อไปทางทิศเหนือ ก็จะเจอหุบเขานรกจิโงคุดานิ หุบเขาสุดงมงามตามธรรมชาติ ที่เป็นแหล่งต้นน้ำของบ่อนำร้อนโนโบริเบทสึ บริเวณหุบเขาแห่งนี้ เคยถูกใช้เป็นฉากหนึ่งในภาพยนตร์เรื่อง “แฟนเดย์ แฟนกันแค่วันเดียว” อีกด้วย

ช่วงเย็น-ค่ำ : ให้เลือกกลับไปย่านที่เราชอบของซัปโปโรอีกทีได้ เช่น ย่าน Susukino, Odori, Tanuki, หรือ สถานี Sapporo เพราะเชื่อว่าน่าจะยังเดินกันไม่ครบ

 

▌วันที่ 5

วิวที่ลานสกีคิโรโระ

วันนี้เราจะไปเที่ยวสกีรีสอร์ทกันบ้าง มาฮอกไกโดทั้งทีก็ต้องได้เห็นวิวลานหิมะแบบเต็มตาๆกันหน่อย ซึ่งฮอกไกโดเองก็มีชื่อเสียงด้านสกีรีสอร์ทมากในระดับโลกด้วย เห็นได้จากตามเมืองสกีต่างๆจะมีชาวต่างชาติมากมายไม่ต่างจากตามชายหาดต่างๆของบ้านเรา สกีรีสอร์ทที่เราจะแนะนำก็คงต้องเป็น คิโรโระ(Kiroro Ski Resort) สกีรีสอร์ทชื่อดังไม่ไกลจากเมืองซัปโปโรที่มีเจ้าของเป็นคนไทย จึงมีครูฝึกชาวไทยอยู่ด้วย อีกทั้งยังดังมาจากการเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ดังเรื่องหนึ่งของ GTH ที่ชื่อว่า “แฟนเดย์ แฟนกันแค่วันเดียว” ด้วย วิธีการเดินทางไปก็ไม่ยากให้ จากซัปโปโร โดยสารรถไฟ JR สาย Rapid Airport ไปลงที่ JR Otaru Chikko(S13) ใช้เวลา 13 นาที จากสถานีจะมีรถบัสรับส่งฟรีของทางโรงแรม น่าจะใช้เวลาเที่ยวอยู่ที่นี่ได้ซักครึ่งวันสำหรับคนไม่ได้เล่นสกี

Photo by Toby Oxborrow from flickr.com/photos/oxborrow/52132266/ [CC by-sa 2.0]

ช่วงบ่ายกลับเข้าเมืองซัปโปโร แล้วเดินทางไปชม Sapporo Beer Museum พิพิธภัณฑ์เบียร์ที่โด่งดังที่สุดในญี่ปุ่น (และเบียร์ก็ขายดีที่สุดในญี่ปุ่นด้วย) ภายในมีประวัติความเป็นมาของเบียร์ยี่ห้อนี้ ขั้นตอนการผลิตเบียร์ และพิเศษสุดคือแจกเบียร์ให้ชิมฟรี ใครที่ชอบแนวนี้ สามารถเดินทางด้วยการนั่งรถไฟมาลงที่สถานี Odori แล้วต่อรถบัส Loop 88 Factory ก็จะถึงพิพิธภัณฑ์เลย

Photo by 利用者:Haseyu- from commons.wikimedia.org/wiki/File:View_of_Sapporo_TV_Tower_from_Odori_Park(2011).JPG [CC by 0.0]

พอตกเย็นเริ่มมืด ก็ให้แวะเที่ยวที่ Sapporo TV Tower หอส่งสัญญาณโทรทัศน์ของเมืองซัปโปโร ที่มีความสูง 142.7 เมตร เพื่อชมวิวเมืองซัปโปโรในระดับความสูง 90 เมตร และถ้าโชคดีไปเจอช่วงที่มีการจัดเทศกาลอยู่พอดี ก็จะพบความคึกคักจากนักท่องเที่ยวและขบวนแห่ของงาน รวมทั้งเดินเล่นที่สวนสาธารณะด้านล่างของหอคอยนี้ด้วยเลย สามารถเดินทางได้ โดยนั่งรถไปมาลงที่สถานี Odori ทางออกหมายเลข 27 ใช้เวลาเดินต่อ 5 นาที

 

▌วันที่ 6

Photo by Lionel Leong from flickr.com/photos/lionel-arts/26380528716/ [CC by-sa 2.0]

ช่วงเช้าไปทัวร์โรงงานช็อคโกแล็ต (Shiroi Koibito) ใครที่ชอบของหวาน โดยเฉพาะคุกกี้เนยไส้ไวท์ช็อคโกแลตที่เป็นของขึ้นชื่อฮอกไกโด ก็อยากแนะนำให้ลองมาทัวร์โรงงานช็อคโกแลตชิโอริ โคอิบิโตะดูสักครั้ง เพราะคุณจะได้เห็นวิธีการทำคุกกี้สุดอร่อยทุกขั้นตอน และยังได้ซื้อขนมหวานชนิดอื่น ๆ ในราคาพิเศษกลับไปลองทานอีกด้วย การเดินทางเริ่มต้นจากสถานี Odori แล้วต่อด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินสาย Tozai ไปลงที่สถานี Miyanosawa แล้วเดินไปอีก 10 นาทีก็จะถึงโรงงานช็อคโกแลตแห่งนี้

Photo by 663highland from commons.wikimedia.org/wiki/File:131103_Hokkaido_University_Botanical_Gardens_Sapporo_Hokkaido_Japan19o.jpg [CC by-sa 3.0]

ช่วงบ่าย: เก็บตกในเมืองซัปโปโรมีให้เลือกไปเดิน ชมตึกเก่าที่แถวอาคารที่ทำการรัฐเก่าพร้อมกับชมสวนพฤษศาสตร์ซัปโปโร หรือจะไปแวะไปสวนสัตว์มารุยะมะ(Maruyama Zoo) สวนสัตว์ประจำเมืองซัปโปโรแทนก็ได้ ดีและน่าไปทั้งคู่แล้วแต่ชอบเลย แต่แบบแรกจะฟรี

Photo by redlegsfan21 from flickr.com/photos/redlegsfan21/16735871442/ [CC by-sa 2.0]

ช่วงเย็น : นั่งกระเช้า ขึ้น เขาโมอิวะ(Moiwa) ที่เป็นภูเขาชื่อดังของเมืองซัปโปโรชมวิวเมืองกันซะหน่อย แนะนำให้ไปถึงยอดเขาก่อนจะมืดสนิทจะสวยงามที่สุด

เมื่อเที่ยวจนครบ ก็ค้างที่ซัปโปโร อีก 1 คืน ก่อนที่จะเตรียมตัวเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้

 

▌วันที่ 7

หากเดินทางกลับในเที่ยวบินรอบบ่าย ก็ขอแนะนำให้แวะไปเดินเล่นฆ่าเวลาที่ Rera Outlet Mall เอาท์เล็ทที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น โดยการนั่ง Shuttle Bus จากสนามบินไป ใช้เวลาในการเดินทางเพียง 10 นาทีเท่านั้น ก่อนที่จะเดินทางกลับประเทศไทยอย่างสวัสดิภาพ

 

และนี่ก็คือแพลนการเดินทางท่องเที่ยวฮอกไกโด 7 วัน 6 คืนนั่นเอง อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงแพลนที่วางไว้คร่าวๆ เท่านั้น โดยคุณสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ ซึ่งก็รับรองเลยว่าการเดินทางไปเที่ยวฮอกไกโดของคุณในครั้งนี้ จะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน

 

▌เรื่องฮิตอื่นๆของฮอกไกโด