แนะนำ โรงแรมที่พัก โตเกียว ญี่ปุ่น อัพเดตล่าสุด

อัพเดต เจาะลึก 2023 เบ่งขั้นสุดด้วยตั๋วรถไฟเทพที่นั่งได้ทั่วญี่ปุ่น JR Pass หรือ Japan Rail Pass แบบ All Area Whole Japan 2567


อัพเดตล่าสุดเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2566

 

JR Pass หลังปรับราคาล่าสุดแล้ว ยังคุ้มอยู่ไหม??

 

ตั๋วรถไฟทั่วประเทศ (All Area Japan Rail Pass หรือ JR Pass) เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางไกลข้ามภูมิภาคในประเทศญี่ปุ่น ให้สิทธิ์สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวชั่วคราวที่สามารถพำนักอยู่ในประเทศญี่ปุ่น 15 วัน/90 วันเท่านั้น ตั๋วชนิดนี้ใช้กับรถไฟของบริษัท JR ได้โดยไม่จำกัดครั้ง

 

* JR Pass รูปแบบใหม่หลังโควิด จะไม่ได้เป็นเล่มๆ ที่เวลาเข้าออกประตูกั้นรถไฟต้องเดินออกทางประตูด้านข้างแล้ว แต่จะมีลักษณะเหมือนกับตั๋วรถไฟทั่วไปที่เสียบที่ช่องทางเดินเข้าออกอัตโนมัติได้เลย แต่อย่าลืมหยิบคืนจากเครื่องมาด้วยนะ

รูปแบบใหม่ของ JR Pass เสียบใส่ช่องเหมือนตั๋วรถไฟได้เลย รูปจาก klook.com

 

 

JR PASS งงมั้ย?


สำหรับคนที่ยังไม่เคยไปญี่ปุ่นเองมาก่อนหรือยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับระบบพาสของญี่ปุ่น จะขอคั่นเวลาอธิบายเล็กน้อย สำหรับใครที่รู้ดีอยู่แล้วข้ามไปได้เลยจ้า

การเดินทางในประเทศญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเน้นที่รถไฟเป็นหลัก ซึ่งมักจะดำเนินงานโดยบริษัทรถไฟของรัฐบาลที่เรียกว่า JR หรือ Japan Rail โดยจะแบ่งการดำเนินการออกเป็นบริษัทย่อยตามพื้นที่ เช่น Central Japan, East Japan, West Japan, Kyushu และ Hokkaido แล้วแต่ละส่วนก็มีการออกพาสของตัวเองแบบยิบย่อยมากมาย เช่น Tokyo Wide Pass หรือ Kansai Wide Pass แล้วเรียกทุกแบบว่าเป็น JR Pass เหมือนกัน ทำให้อาจจะสับสนกับ JR Pass ในหน้านี้ได้

สำหรับJR Pass ในหน้านี้จะหมายถึง พาสที่สามารถใช้ได้กับทุกภูมิภาคทุกส่วนของประเทศญี่ปุ่นที่บริหารโดยบริษัท JR และก็มีราคาแพงที่สุดในบรรดาพาสทั้งหมดด้วยเพราะว่านั่งได้ทั่วประเทศญี่ปุ่นเลย ทำให้บางคนเรียกพาสนี้ว่า JR All Area Pass หรือ JR Whole Japan Pass หรือ All Japan Pass อะไรประมาณนี้นั่นเอง

 

 

ชนิดและราคาของ JR Pass


JR Pass แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ Ordinary(รถไฟชั้นธรรมดา) และ Green(รถไฟชั้น1 ที่นั่งกว้างกว่า) แต่ละชนิดจำหน่ายตั๋วสำหรับใช้งาน 7 วัน 14 วัน และ21 วัน
ราคา (วันที่ 1 มีนาคม 2016)

▌GREEN – รถไฟชั้น 1(แบบหรูกว่า) ราคาแพงกว่าประมาณ 30%

7-Days ผู้ใหญ่ ¥70,000
เด็ก(6-11 ปี) ¥35000
 14-Days ผู้ใหญ่ ¥110,000
เด็ก(6-11 ปี) ¥55000
 21-Days ผู้ใหญ่ ¥140,000
เด็ก(6-11 ปี) ¥70000

▌ORDINARY PASS – รถไฟธรรมดา

7-Days ผู้ใหญ่ ¥50,000
เด็ก(6-11 ปี) ¥25,000
 14-Days ผู้ใหญ่ ¥80,000
เด็ก(6-11 ปี) ¥40,000
 21-Days ผู้ใหญ่ ¥100,000
เด็ก(6-11 ปี) ¥50,000

*ราคาข้างต้นเป็นสกุลเงินเยน ค่าใช้จ่ายจริงจะเป็นไปตามสกุลเงินท้องถิ่น(บาท)
ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดดูที่เว็บไซต์ Japan Rail Pass สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม หรือตรวจสอบจากเอเจนซี่ท่องเที่ยว

▌ดูรีวิวและราคาโปรโมชั่น JR Pass ทั้งหมด

 

 

 

ข้อแตกต่างระหว่างรถไฟชั้น 1(Green) กับ แบบธรรมดา(Ordinary)


Green รถไฟชั้น 1 จะมีที่นั่งกว้างกว่า Ordinary ชั้นธรรมดา และผู้โดยสารมักจะมีจำนวนน้อยกว่า ข้อแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยว หากต้องการความหรูหราสะดวกสบายไม่แออัดให้เลือกนั่งรถไฟชั้น 1

นักท่องเที่ยวที่ซื้อตั๋ว Ordinary หากต้องการอัพเกรดไปนั่ง Green จะมีค่าใช้จ่ายต่างหากซึ่งราคาค่อนข้างสูง

ที่นั่งรถไฟขบวนธรรมดา(ordinary)

ที่นั่งรถไฟชั้นธรรมดา(Ordinary)

ที่นั่งรถไฟชั้น 1(Green)

ที่นั่งรถไฟชั้น 1(Green)

 

 

สถานที่ซื้อ


ซื้อได้ทั้งในและนอกประเทศญี่ปุ่น แต่ควรซื้อจากนอกประเทศญี่ปุ่นผ่านเอเจนซี่ท่องเที่ยวที่ถูกกฎหมายเพราะจะมีราคาถูกกว่า แล้วจึงนำเอกสารมาแลกเปลี่ยนตั๋วเมื่อเดินทางมาถึง ตั๋วมีอายุในการแลกเปลี่ยนภายใน 90 วันหลังจากวันซื้อ

exchange order ที่ได้รับเมื่อซื้อตั๋วผ่านเอเจนซี่ท่องเที่ยวนอกประเทศญี่ปุ่น

exchange order ที่ได้รับเมื่อซื้อตั๋วผ่านเอเจนซี่ท่องเที่ยวนอกประเทศญี่ปุ่น

▌ดูรีวิวและราคาโปรโมชั่น JR Pass ทั้งหมด

 

 

การใช้งาน


1. รถไฟ JR
ใช้กับรถไฟ JR Group Railways-Shinkansen ได้ทั่วประเทศ รวมทั้ง Shinkansen, limited express trains, express trains, rapid และ local trains

2. รถไฟ Aoimori Railways เดินทางระหว่าง Aomori กับ Hachinohe
ผู้ใช้สามารถลงได้เพียง 3 สถานี คือ Aomori, Noheji และ Hachinohe รวมถึงการเดินทางไปยังคาบสมุทรชิโมคิตะ(Shimokita Peninsula)ด้วย

3. รถไฟโมโนเรลไปกลับ Haneda Airport-Tokyo

4. ใช้ได้เฉพาะเรือเฟอร์รี่ข้ามฟาก JR Miyajima ferry เท่านั้น (ไม่ครอบคลุมเรือเฟอร์รี่ JR Hakata-Pusan(Korea))

5. รถบัสประจำทาง JR
ใช้ได้กับรถบัสประจำทางท้องถิ่นของบริษัท JR(ไม่รวมรถบัสhighway) ได้แก่
– ยามากูจิ(Yamaguchi)ฮากิ(Hagi)
– สถานีเกียวโต(Kyoto Station)เรียวอันจิ(Ryoanji)ทาคาโอะ(Takao)
– สถานีคานาซาว่า(Kanazawa Station)เคนโรคุเอน(Kenrokuen)
– รถบัส JR ไปยัง ทะเลสาบโทวาดะ(Lake Towada)
– รถบัสนักท่องเที่ยว(tourist loop bus)ในเมืองฮิโรชิม่า(Hiroshima)
– รถบัส(city bus)รอบๆเมืองซัปโปโร(Sapporo)
– รถบัสJRท้องถิ่นไปยังคุซาสึออนเซน(Kusatsu Onsen)

 

 

ข้อจำกัดการใช้งาน ไม่ครอบคลุมรถไฟและเส้นทางดังต่อไปนี้


  • รถไฟ Nozomi Trains
    ผู้ใช้ตั๋ว JR สามารถใช้รถไฟ Hikari Trains ในเส้นทางเดียวกันแทนได้ ซึ่งจะช้ากว่าเล็กน้อย
    หากต้องการใช้บริการรถไฟ Nozomi Trains จะต้องจ่ายราคาเต็ม
  • รถไฟ Mizuho Trains
    ผู้ใช้ตั๋ว JR สามารถใช้รถไฟ Sakura Trains ในเส้นทางเดียวกันแทนได้ ซึ่งจะช้ากว่าเล็กน้อย
    หากต้องการใช้บริการรถไฟ Mizuho Trains จะต้องจ่ายราคาเต็ม
  • รถไฟ JR Trains บางสาย
    มีประมาณ 12 สายที่ไม่สามารถใช้ตั๋ว JR Pass ได้ (รถไฟ Non-JR Track)
  • ช่องและชานชาลาพิเศษ
    ชานชาลาของรถไฟกลางคืนไม่สามารถใช้ตั๋ว JR Pass ได้
  • รถไฟที่ต้องใช้ตั๋วไลเนอร์(Liner Ticket)
    รถไฟในแถบชานเมืองของเครือข่าย JR เช่น Home Liner  ยกเว้น Marine Liner, Seaside Liner และ Ishikari Liner สามารถใช้ตั๋ว JR Pass ได้
  • รถบัสทางหลวง(Highway Buses)

 

 

สิทธิพิเศษเพิ่มเติมสำหรับตั๋ว JR Pass 


  • สำรองที่นั่งโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ผ่านเคาน์เตอร์ที่สถานีรถไฟ JR หลักๆ
  • ส่วนลดสำหรับโรงแรมในเครือ JR
    โรงแรมในเครือ JR เป็นกลุ่มโรงแรมที่ตั้งอยู่ในหรือใกล้สถานีรถไฟ เช่น Metropolitan, Mets, Massocia และ Granvia เป็นต้น โดยสามารถจองห้องพักแบบออนไลน์ได้อย่างสะดวก

 

 

การนับวันหมดอายุของตั๋ว


ตั๋ว JR Pass จะนับระยะเวลาตามปฏิทิน(เที่ยงคืน-เที่ยงคืน) เช่น ตั๋ว 7 วัน เริ่มต้นใช้งานวันแรกเวลาเที่ยงวัน(12:00) จะหมดอายุในเวลาเที่ยงคืน(00:00)ของวันที่เจ็ด

แต่ถ้าคุณนั่งอยู่ในรถไฟเวลาเที่ยงคืนของวันหมดสุดท้ายของตั๋ว คุณยังสามารถนั่งไปได้จนถึงสถานีปลายทางที่ต้องการลง (ยกเว้นกรณีที่คุณเปลี่ยนไปนั่ง Shinkansen, limited express หรือ express train หลังเที่ยงคืน จะไม่สามารถใช้ตั๋วได้)

 

 

การแลกเปลี่ยนตั๋วหลังจากเดินทางมาถึงประเทศญี่ปุ่น


image from KLOOK

เมื่อซื้อตั๋ว JR Pass มาแล้ว หลังจากเดินทางมาถึงประเทศญี่ปุ่นจะต้องนำไปเปลี่ยนเป็นตั๋ว JR Pass (ตามในรูป) ที่สถานีรถไฟหลักของ JR ได้ทั่วประเทศญี่ปุ่น รวมถึง Narita Airport และ Kansai Airport
เอกสารสำคัญที่ต้องใช้: Exchange order + พาสปอร์ต + กรอกใบเอกสารที่ได้รับจากเจ้าหน้าที่

หลักจากที่แลกเป็นตั๋วที่เหมือนกับตั๋วรถไฟแล้ว คุณสามารถเลือกวันเริ่มต้นการใช้งานภายในระยะเวลา 1 เดือน โดยเมื่อเลือกวันแล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

รูปแบบใหม่ของ JR Tokyo Wide Pass เสียบใส่ช่องเหมือนตั๋วรถไฟได้เลย รูปจาก klook.com

 

 

วิธีใช้ JR Pass


ผู้ใช้ตั๋ว JR Pass แบบใหม่ สามารถสอดตั๋วเข้าช่องประตูอัตโนมัติได้เลย

 

 

วิธีสำรองที่นั่ง


ต้องสำรองที่นั่งผ่านเคาน์เตอร์ JR ticket office ล่วงหน้าก่อนวันเดินทางอย่างน้อย 1 วัน
การสำรองที่นั่งมีเฉพาะรถไฟที่เดินทางไกลข้ามเมืองหรือภูมิภาค รวมถึง
– Narita Express(Tokyo-Narita Airport)
– Hayabusa และ Hayate trains(เส้นทางของ Tohoku Shinkansen)
– Komachi Trains(เส้นทางของ Akita Shinkansen)
– รถไฟกลางคืน(ส่วนใหญ่)

หากคุณไปไม่ทันรถไฟขบวนที่สำรองที่นั่งไว้ สามารถรอรถไฟขบวนถัดไปโดยนั่งโบกี้ non-reserved หรือสำรองที่นั่งใหม่

 

 

สรุป JR Pass คุ้มมั้ย?


คุ้มหรือไม่คุ้มจะขึ้นอยู่กับว่า แพลนการเที่ยวของคุณเป็นยังไง ถ้าไปเที่ยวแบบย้ายเมืองไปเรื่อยๆผ่านไปหลายๆภูมิภาค เช่น จากคิวชูทางใต้ไปถึงฮอกไกโด หรือเที่ยว 2-3 ภูมิภาคของเกาะใหญ่ฮอนชู หรือ จากโตเกียว ไป โอซาก้า เกียวโต ฮิเมจิ ฮิโรชิม่า อะไรแบบนี้ ก็ต้องบอกว่าการซื้อ JR PASS นี้คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม แถมจะได้นั่งรถไฟความเร็วสูงหรือชินคันเซนกันจนเบื่อเลยทีเดียว แต่ถ้าคุณจะเที่ยวอยู่แค่ในภูมิภาคเดียวอยู่แค่ 1-2 เมืองอย่างงี้ก็น่าจะไม่ค่อยคุ้ม เพราะ JR PASS แบบทั่วญี่ปุ่นนี้มีราคาที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับพาสแบบอื่นๆที่ครอบคลุมพื้นที่เล็กกว่าซึ่งมีให้เลือกเยอะมากตามแต่ละพื้นที่ เช่น Tokyo Wide passKansai Wide Pass หรือ Hokkaido Pass เป็นต้น

▌ดูรีวิวและราคาโปรโมชั่น JR Pass ทั้งหมด