แนะนำ โรงแรมที่พัก โตเกียว ญี่ปุ่น อัพเดตล่าสุด

รีวิวตะลอนเที่ยวโตเกียว แบบตัวปลิว ชิลได้อีก แบบ 4 วัน 3 คืน


อัพเดตล่าสุดเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2566

 

ทริปนี้เราจะพาไปเที่ยวโตเกียวหลายๆแห่งที่ฮอตฮิต แต่สิ่งที่แปลกใหม่ พิเศษสุดๆในทริปรอบนี้ของพวกเราก็คือ การเลือกซื้อตั๋วและการจองกิจกรรมทั้งหมดของทริปให้เสร็จก่อนตั้งแต่อยู่ที่เมืองไทย เพราะนักเดินทางสายชิลแบบเรา ก็ไม่อยากจะไปต่อคิวซื้อตั๋วหรือบัตรต่างๆมากมาย และไม่อยากไปลุ้นเอาหน้างานสำหรับร้านอาหารบางแห่ง แต่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเราเลยก็คือ ราคาที่ถูกกว่าไปซื้อหน้างานนั่นเอง!

 

Day 0

เตรียพร้อมกันก่อน
ทริปนี้อะไร อะไรจะง่าย จบใน Application เดียวด้วย KLOOK ซื้อทุกอย่างไว้ล่วง หน้าแล้ว ข้ามหลายๆขั้นตอนยุ่งยาก ข้ามการต่อแถว ร้านอาหารก็ไม่ต้องโทรไปจองให้ KLOOK จัดการให้หมด

▌ตั๋วการเดินทาง และ ซิมการ์ด

– SUICA IC CARD

 

 

▌ตั๋วเข้าสถานที่

 

 

▌ร้านอาหาร

 

 

เนื่องจากทริปนี้เดินทางโดยใช้รถใต้ดินเยอะ เลยใช้บัตร Tokyo Subway คุ้มมาก ปกติต้องไปหาซื้อตามสถานีใหญ่ๆ หรือบางจุดตามสนามบิน แต่ครั้งนี้เราซื้อผ่าน KLOOK พร้อมๆกับ SUICA IC CARD และ SIM เพื่อที่จะรับพร้อมกันกันที่สนามบินเลย ไม่ต้องวิ่งไปตามแต่ละจุดขายของแต่ละอัน ทำให้ช่วยประหยัดเวลาได้เยอะเลยสะดวกรวดเร็วด้วยไม่วุ่นวาย

สามารถซื้อง่ายๆผ่าน Application KLOOK หรือ ทางเว็ปได้เลย จ่ายล่วงหน้าผ่านบัตรเครดิตได้เลย และยิ่งมีส่วนลดยิ่งถูกกว่าการไปซื้อที่ญี่ปุ่นด้วย

 

 

รอบนี้เครื่องลงที่ Narita จะเดินทางไป สถานี UENO เพื่อไปที่โรงแรม เลยวางแผนว่าจะใช้ รถ Keisei Skyliner สามารถซื้อล่วงหน้าผ่าน KLOOK ได้เลยทั้งขาไปและกลับ และมีส่วนละ จาก KLOOK ทำให้ถูกกว่าไปซื้อที่ญี่ปุ่น

 

บัตรรถใต้ดินก็ซื้อผ่าน KLOOK ได้เช่นกัน มีทั้งแบบ 24, 48, 72 ชั่วโมงจำหน่าย คราวนี้ซื้อแบบ 24 กับ 72 ชั่วโมงประกบกันให้ครบ 4 วัน

 

Sim การ์ดก็ซื้อผ่าน KLOOK และไปรับที่สนามบินทีเดียวรวมกับอย่างอื่นได้เลย มีแบบ Unlimited ขายด้วยน่าซื้อใช้มากสำหรับสายดูซีรี่ระหว่างเดินทาง ดูให้จุใจไปเลย

ถ้ายังไม่มี SUICA บางทีเราต้องวิ่งไปหาตู้ JR เพื่อซื้อ เสียเวลามาก เพราะบางทีสนามบินคนต่อแถวยาว แต่ถ้าซื้อผ่าน KLOOK สามารถรับพร้อมอย่างอื่นได้ แถมมีส่วนลดอีก ยิ่งถูก

 

ร้านอาหารดังๆหลายร้าน อยากไปกิน แต่ถ้าไปต่อคิวหน้าร้าน หรือไปลุ้นก็ไม่รู้ว่าจะมีที่มั้ย หรือต้องต่อแถวนานหรือเปล่า เลยทำการจองล่วงหน้าผ่าน KLOOK ไปก่อน เลือกวันที่ เลือกเซ็ตอาหาร ไปเลย ไปถึงร้านแล้วมีที่แน่นอน จะจองล่วงหน้าเองก็คุยหรือโทรไปญี่ปุ่นลำบาก หรือบางทีไม่รู้จะกินอะไร ก็ค้นหาใน KLOOK ก็มีร้านที่ญี่ปุ่นดีๆ ดังๆ จองยากๆ คนนิยม ให้เลือกมากมาย ไม่ต้องไปทะเลาะกันว่าจะกินอะไรดีในแต่ละมื้อ และร้านที่ไปจะอร่อยมั้ย เพราะ KLOOK เลือกมาแต่ร้านดีๆรวมถึงรีวิวจากผู้ใช้งานจริงให้อ่านอีกเพียบ

 

 

Day 1

เริ่มต้นวันแรกนั่งเครื่อง ANA NH806 จาก สุวรรณภูมิ 7:24 พนักงานดูแลอย่างดี

นั่งราวๆ 6 ชั่วโมงก็มาถึง สนามบินญี่ปุ่นที่ นาริตะ ประมาณบ่าย 3 พอผ่าน ตม.ออกมาก็ไปแลกรับ ตั๋วที่ซื้อล่วงหน้ามาหมดเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Tokyo Metro , Sim, SUICA IC CARD, KEISEI รวมไปถึงตั๋ว OEDO-ONSEN-MONOGATARI ก็รับที่สนามบินได้เลย ออกมาแล้วไปทางซ้าย รับตั๋วต่างๆของ KLOOK จะอยู่ก่อนถึง Visitor Center

สามารถนำ BOOKING ที่ซื้อไว้ล่วงหน้า แสดง QR Code ให้พนักงาน Scan ได้เลย เสร็จแล้วก็จะได้ตั๋วตัวจริงมาเลย สะดวก ไม่ต้องคอยไปต่อทีละแถว แต่ละบัตร ทำให้เสียเวลาหลายรอบกว่าแบบปกติที่กว่าจะออกจากสนามบินได้ ทำให้เสียเวลาและวุ่นวายมาก แต่ทริปนี้ซื้อล่วงหน้าผ่าน KLOOK ง่าย สะดวก จบที่เดียว

ส่วน ตั๋ว KEISEI ต้องลงไปแลกและจองรอบรถที่ SKYLINER & KEISEI Information Center แค่แสดง QR Code จาก Application KLOOK กับ Passport ก็สามารถแลกรับตั๋วรถได้เลย แล้วก็ทำการจองรอบรถเข้าเมืองไป UENO กับพนักงานได้เลย แล้วเราก็จะได้ตั๋วรถไฟออกมา

 

แล้วก็เดินไปขึ้นรถไฟตามรอบเวลาที่เราจองได้เลย โดยเอาตั๋วสอดที่ช่องรับตั๋ว

ขาไปจากสนามบิน พอสอดตั๋ว ก็ไปดึงตั๋วอออกที่ปลายช่องอีกฝั่งหนึ่งเพื่อ ไปเสียบอีกทีขาออกที่สถานี UENO

เสร็จแล้วเอาของไปเก็บที่โรงแรมก่อน แล้วออกมาหาอะไรทานกัน ซึ่งเย็นนี้เราจองร้านอาหารทะเลยอดฮิตแห่งหนึ่งผ่าน KLOOK ไว้ นั่นคือร้าน Isomaru Suisan มิโซะปูในตำนาน ที่สาขา Asakusa เราเดินทางโดยใช้ รถใต้ดิน ผ่านบัตร Tokyo Metro กัน หลังจากที่ได้ตั๋วมาแล้วก็ใช้ได้เลย ตั๋วจะนับเวลาใช้ตั้งแต่เริ่มครั้งแรก จนหมดชั่วโมงตามตั๋วที่ซื้อไว้

 

 

▌ISOMARU SUISAN BAR


พอมาถึงร้าน Isomaru Suisan ตามเวลาและสาขาที่เราจอง ก็เข้าไปแจ้งพนักงานเลยว่าเรามาแล้ว แสดง KLOOK ที่เราจองได้เลย

Isomaru Suisan คือร้านอาหารทะเลสดชั้นดี แต่งร้านสไตล์บ้านริมทะเล เปิดตลอด24ชั่วโมง ดังมากในหมู่คนไทย ยิ่ง คานิมิโซะอันแสนหวาน เลื่องลือกันมาก
ของเขาสดจริงๆ พนักงานจะพาเราไปโต๊ะที่จองไว้ให้ผ่าน KLOOK แล้วอาหารก็จะทยอยๆมาเสิร์ฟ ตามคอร์สที่เราเลือกไว้

หอยเชลล์ตัวใหญ่มากกกก สดมากด้วย ปลาหมึกก็สด ไม่เหนียวไม่คาวเลย

มาแล้ววว คานิมิโซะ มันปูในตำนาน ทุกคนมาต้องสั่งนะ มันหอม หวานมันมากๆ ทานกับข้าวก็อร่อย

ของทอดไม่ได้คาดหวังแต่ดีกว่าที่คิดเยอะเลย ไม่เลี่ยน แป้งบางๆไส้แน่นๆ
กินอย่างอื่นสักพักหอยเชลล์สุกแล้ววววว น้ำที่ออกมาหวานมาก เนื้อมันกันแล้วเคี้ยวเพลินมาก ชุ่มฉ่ำเนื้อไม่เละ สู้ฟันดีมาก ค่อยๆกัดยิ่งมีน้ำออกมา

อ่า พิมพ์แล้วหิววววววววว

 

▌TOKYO SKYTREE


หลังจากที่ทานอิ่มแล้วจาก Isomaru Suisan ก็ค่อยๆเดินย่อยเดินไปที่ Tokyo Skytree ที่อยู่ห่างไม่มากจาก Asakusa หรือจะนั่งรถไฟไปก็ได้แล้วแต่สะดวก

ค่อยๆเดินไปถ่ายรูป Tokyo Skytree ไปเรื่อยๆ หลายๆมุม สวย

เราสามรถเดินไปแลกตั๋วได้เลย เดินขึ้นบันไดเลื่อนตามป้ายไปเลย แล้วแสดง Booking ที่จองผ่าน KLOOK แค่นั้นเอง สะดวกมากมาย

ได้ตั๋วมาอย่างไว เสร็จแล้วก็นำตั๋วที่ได้ไปแสกนขึ้นไปชมวิว Tokyo Skytree กัน

ลิฟท์ไวมาก นิ่งมากด้วย แทบไม่รู้เลยว่าขึ้นมาสูงมากแล้ว วิว Tokyo ยามค่ำคืนจาก Tokyo Skytree สวยดี

หลังจากนั้นเราสามารถขึ้นไปชั้นสูงสุดได้ ก็ใช้ตั๋วใบเดิมแสกนขึ้นลิฟท์ต่อไปได้อีก อยู่อีกด้านนึง จากที่เราขึ้นมา

ลิฟท์ขึ้นไปชั้นสูงสุดมีช่องให้มองขึ้นไปด้วย ขึ้นไปตอนกลางคืนได้เห็นแสงไฟของเมืองโตเกียวยามค่ำคืน ดูสวยงาม แต่มละมุมที่มองจาก Tokyo Skytree ก็เห็นไม่ซ้ำกันดูเพลินๆไม่เบื่อ

มีของที่ละลึกขายข้างบนร้านไม่ใหญ่ แต่ด้านล่างมีร้านใหญ่คอยทำให้เงินในกระเป๋าเราสั่น เพราะอะไรๆก็น่าซื้อไปหมด ขนมก็มี Limited เฉพาะที่นี่หลายอย่างเลย ไม่ซื้อไม่ได้แล้ว มีมุมให้ถ่ายลงไปด้วย ถ้าใครกลัวความสูง หวิวแน่นอน

 

 

Day 2

วันนี้เราจะไป Tokyo Disneyland กัน กับแวะชมดอกซากุระ

▌Tokyo Disneyland

ปกติการไป Tokyo Disneyland เราจะต้องเดินทางไปเอง และต้องไปต่อแถวซื้อตั๋วที่หน้า Gate อีก ใช้เวลามากมาย แต่ KLOOK มีขาย ตั๋ว Tokyo Disneyland + พร้อมรถบัสไปรับจากจุดต่างๆได้ ไปส่งถึงที่เลย และมีส่วนลดจาก KLOOK ยิ่งถูกเข้าไปอีก เพราะไปซื้อที่ Tokyo Disneyland ก็ไม่มีส่วนลดอะไรแบบ KLOOK

เลือกไปขึ้นรถบัสจาก โรงแรม Shinjuku Washinton ก็ไปตามจุดนัดได้เลย จะมีพนักงานมาเช็คชื่อเรา แล้วเอาตั๋วดิสนี่ตัวจริงมาให้เราเลย เราจะได้ไม่ต้องไปต่อแถวซื้อที่ดิสนี่แลนด์อีก ข้ามการต่อแถวซื้อตั๋วสะดวกมาก พอถึงเวลา รถบัสก็พาเราไปยังดิสนี่แลนด์ ราวๆครึ่งชัวโมงก็ถึงแล้ว

พอถึงก็ผ่านการตรวจกระเป๋าตามปกติ ที่นี่มีลอคเกอร์ให้ฝากกระเป๋าได้ ถ้าใครอยากไปเล่นแบบตัวปลิว ก็หยอดเหรียญฝากกระเป๋าตามไซซ์กระเป๋าได้เลย

หลังจากนั้นเราก็ข้ามแถวซื้อตั๋วไปเลยเพราะเราได้ตั๋วตัวจริงมาแล้ว ทำให้เราก็เดินไปที่ Scan ตั๋วเข้า Disneyland ได้ทันที เยี่ยมไปเลย

เข้าไปเล่นได้อย่างรวดเร็ว สะดวกด้วย

 

 

บ่ายๆ แวะออกมาหาซากุระถ่ายรูป เลยไปที่ สวนโคอิชิกาว่า โคระอุเอ็น(Koishigawa Korauen) แต่ช่วงนั้นยังไม่บานพีคมาค พึ่งเริ่มบานเอง เสียดาย

แล้วไปแวะต่อที่ ศาลเจ้ายาสุกุนิ (Yasukuni Shrine) ซึ่งบานค่อนข้างเยอะแล้ว สวยงาม คนญี่ปุ่นก็มาถ่ายรูปกันเยอะแยะเลย ขนาดวันธรรมดานะเนี่ย

 

และไปถ่ายมุมนิยมที่ สวนจิโดริงะ ฟูชิ (Chidori-ga-fuchi) ที่เป็นคูน้ำแล้วมีซากุระบานเลียดกับน้ำ กำลังบานสวยและแต่ก็ยังไม่ถึงกับ Full Bloon แต่ขนาดนี้ยังสวยมากแล้ว

 

แล้วไปแวะถ่ายรูปที่ แม่น้ำ Meguro ดูเส้นทาง ซากุระยาว เป็นกิโล มีร้านค้ามาออกร้านขายของมากมายเป็นงานเทศกายย่อมๆเลย ซากุระบานรอบๆแม่น้ำสวยมาก เยอะมากด้วย ถ่ายได้หลายมุมเลย

ที่นี่มี Starbucks Reserved สาขาที่ใหญ่ที่สุดในโลกพึ่งเปิดด้วย คอกาแฟต้องมาเยี่ยมชมนะ ตอนนี้พึ่งเปิดคิวจะยาวหน่อย แต่ก็คุ้มค่ากับการรอ

เสร็จแล้วแวบกลับไป Disneyland ไปดูขบวนพาเหรด “ตอนขอออกมาจาก Disneyland อย่าลืมปั้มมือละ จะได้กลับเข้าได้อีกรอบ”

 

 

 

Day 3

ตารางทริปของเราวันนี้กลางวันไปกิน ร้านเต้าหู้แบบไคเซกิที่ร้านโทฟูคิชีสะ แถวชินจูกุ แล้วบ่ายๆไป Tokyo Joypolis แล้วไปแช่ออนเซนที่ Oedo Onsen Monogatari แล้วตอนเย็นไป ดูโชว์ที่ Robot Restaurant วาวๆๆๆๆ

 

▌TOFU KICHIZA


เราทำการจองร้านผ่าน KLOOK ช่วยอำนวยความสะดวกในการจองร้านอาหารญี่ปุ่นได้ง่ายๆแค่กดใน Application KLOOK ได้เลย ยิ่งใช้ส่วนลดราคายิ่งถูกกว่าไปสั่งเองจ่ายเองที่ร้านอีก ร้านนี้คือ ร้านโทฟูคิชิสะ (とうふ料理吉座) อยู่ที่ชินจูกุ มีการนำเสนอการทานอาหารแบบไคเซกิ(Kaiseki) หรือชุดอาหารแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม เสริฟเป็นคอร์สกับเต้าหู้เนื้อดี และเนื้อหลากหลายชนิดให้เลือก ซึ่งเนื้อวัวนั้นนุ่มละลายมาก ร้านตั้งอยู่ที่ชั้น 8 ห้าง KEIO หน้าสถานีชินจูกุเลย

พอกินเสร็จเราก็ไปหาอะไรเล่นเบาๆช่วยย่อยอาหารนั่นก็คือไปเล่นที่ Tokyo Joypolis

 

 

▌TOKYO JOYPOLIS

Tokyo Joypolis เหมือนกับเป็น Arcade แต่เป็น Theme Park เป็นสวนสนุกย่อมๆเลย มีทั้งรถไฟเหาะ 4D เจ๋งๆ เกมยิงปืน เลเซอร์เกม บ้านผีสิง ตู้คีบ และอื่นๆอีกมาก เราสามารถใช้เวลาเล่นที่นี่ได้ทั้งวัน เพราะทุกอันสนุกมาก ยิ่งมากับเพื่อนยิ่งสนุก มาก็ไม่ยาก อยู่ที่ Odaiba นี่เอง

 

 

▌OEDO ONSEN MONOGATARI


หลังจากเล่น Tokyo Joypolis เหนื่อยแล้วก็นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Telecom Center แล้วก็เดินไปได้เลย ที่นี่ก็มีล็อคเกอร์เผื่อใครแบกกระเป๋าใหญ่ๆมา พอถึงเราก็เอาตั๋วที่รับตั้งแต่สนามบินมาเข้าไปใช้บริการออนเซนได้เลย

 

 

▌ROBOT RESTAURANT

ค่ำๆเราก็มาดูการแสดงที่ Robot Restaurant อยู่ที่ Kabukicho Sakura-dori ถ้าเราจองผ่าน KLOOK มา จะมีช่องพิเศษ VIP ให้ด้วย แค่เอา QR Code ให้พนักงานแสกนก็เป็นอันจบ และที่นี่มีลอคเกอร์ให้ฝากของได้ จะได้ดูโชว์อย่างสนุกไม่พะรุงพะรัง ของ KLOOK จะมีแบบ Bento ให้เลือกด้วย จะได้มีอาหารทานช่วงการแสดง แต่เอาจริงๆดูเพลินมากๆจนเกือบไม่ได้ทานเลย

พอเข้ามาเสร็จแล้วก็เดินมาข้างๆ ขึ้นลิฟท์ไปชั้น 3 ก่อนเพื่อรอเขาเตรียมการแสดง

พอถึงเวลาเขาก็จะเรียกลงไปชั้นใต้ดิน เพื่อไปดูโชว์

ข้าวกล่องเป็นแบบมีปูนขาว ที่อุ่นให้ร้อนได้นาน พอกินตอนพักก็อุ่นกำลังพอดี

การแสดงแต่ละอันอลังการเกินกว่าที่คิดไว้

คนแสดงดูอินกับบทมากๆ ดูทุ่มเทการแสดงสุด อย่างที่เราคาดหวังได้จากคนญี่ปุ่น แม้ว่าตอนแรกก็กลัวจะเบื่อ เพราะคิดเอาเองว่าเป็นแบบขายนักท่องเที่ยวไรงี้ แต่พอได้ดูจริงๆแล้วเพลินมาก คนแสดงดูเต็มที่กับบทมาก ทำให้เราทั้งสนุกและชื่นชมไปด้วย

 

 

Day 4

วันนี้วันสุดท้ายแล้ว เย็นๆไปขึ้นเครื่อง จาก Keisei UENO เลยแพลนกันว่าไปชมซากุระที่ UENO PARK แล้วค่อย ไปเปิดประสบการณ์การกินปลาปักเป้ากันที่ร้าน GUENPIN FUGU ก็แล้วกัน

ก่อนอื่นก็เช็ตเอาท์โรงแรม แล้วเอากระเป๋าไปฝากไว้ที่ตรงสถานี KEISEI UENO กันก่อน ที่สถานีมีทั้งแบบตู้ลอคเกอร์ให้ฝาก มีหลายขนาดให้เลือก ราคาก็ต่ายกันไป 300-700 เยน แต่ถ้าใบใหญ่มาก จะต้องไปฝากที่ Baggage Service ราคาเหมาทั้งวัน 900 เยน เวลา 9:00 – 18:00 (แอบบอกว่า ถุงเขาพอให้นับรวมกับกระเป๋าเป็น 1 ชิ้นได้ถุงนึง)

 

พอฝากกระเป๋าเสร็จ ก็ไปจองรอบรถ KEISEI SKYLINER ไป Narita ก่อน โดยเราซื้อผ่าน KLOOK ไว้ล่วงหน้าแล้ว สะดวกมากมาย

พนักงานจะทำการแสกนQR Code ใน Application KLOOK แล้วเราก็สามารถบอกเวลาที่อยากไปถึงสนามบินได้เลยว่าะขึ้นรถไฟรอบไหน กะเวลาให้ดีนะ เดี๋ยวตกเครื่อง

แป๊บเดียวก็ได้ตั๋วมาแล้ว ไม่ได้ลำบากอะไรเลย ก็สามาไปเดินเที่ยว UENO PARK ได้อย่างสบาบใจ

 

▌UENO PARK

ช่วงปลายมีนาถึงต้นเมษา เป็นช่วงที่ดอกซากุระกำลังบานสวยเลย เรามาล่า Full Bloom ซากุระที่นี่แหละ ซากุระบานสะพรั่งไปทั้งสวนเลย สวยงามมาก มีคนมาจับจองที่ปูเสื่อ เพื่อการชมดอกไม้หลายเจ้าเลย

 

เสร็จแล้วเดินออกจากสวนไปกินปลาปักเป้ากัน

 

 

▌GUENPIN FUGU


เราสามารถจองร้าน Guenpin Fugo ผ่าน KLOOK ล่วงหน้าได้ก่อน ไม่ต้องลุ้นว่าจะมีที่หรือเปล่า แถมจองผ่าน KLOOK มีส่วนลดถูกกว่ามาจ่ายที่ร้านด้วย

ออกจากสวน UENO แล้วไปทางขวา เดินเลยตึกม่วงไป
แล้วเดินตรงไปเรื่อยๆ ข้ามไฟแดงไป ร้านจะอยู่ในซอยข้างๆป้ายรถเมล์ หันขวา เจอซอยนี้เดินเข้าไปเลย

เข้ามานิดเดียวก็ถึงร้าน

โชว์ Booking ที่เราจองไว้ใน KLOOK ให้พนักงานได้เลย แล้วพนักงงานก็จะพาเราไปที่โต๊ะที่จองไว้ สะดวกมาก ไม่วุ่นวาย
อาหารจะค่อยๆทยอยมาเสิร์ฟ เป็นคอร์ส เริ่มจาก Entree ก่อน เป็น ยำหนังปลาปั๊กเป้า ทานแล้วสดชื่นมากหอมน้ำพอนสึ หนังปลาปักเป้า ทานครั้งแรก หนังมีความหนามากครับ คล้ายๆหนังหมูเข้มข้นเคี้ยวเพลิน ไม่เคยเจอแบบนี้ในหนังปลามาก่อน
ต่อด้วยซาชิมิปลาปักเป้า เปิดประสบการณ์ใหม่อีกแล้ว เนื้อปลาไม่คาวเลย กัดไปแล้วขาดไม่เหนียว มีความกรอบนิดๆ ไม่น่าจะหาได้จากซาชิมิปลาอื่นๆ ยิ่งเคี้ยวยิ่งเพลิน กรึบๆลงคอไปเลย น้ำจิ้มพอนซึก็เข้ากัน

 

ต่อไปก็มาถึงชาบูชาบูเนื้อปลาปักเป้า หม้อแปลกตาแค่ตะกร้าสานกับกระดาษแทนหม้อ กระดาษชั้นดีจะได้ดูดซับมันของปลาปักเป้าที่ออกมา น้ำซุปจะได้ใสน่ารับประทานตลอดเวลา

พนักงานจะค่อยๆบรรจงหยิบเนื้อปลาทีละส่วนลงหม้ออย่างพิถีพิถัน รวมถึงผักเป็นส่วนๆด้วย
คอยอธิบายว่าเนื้อส่วนไหนคือส่วนไหน ส่วนไหนต้องใช้เวลาต้มนานแค่ไหน หนังแค่แกว่งๆแล้วขึ้น ส่วนเนื้อต้ม 3 นาที

เสร็จแล้วพนักงานจะทำข้าวต้มให้ ด้ยน้ำซุปที่เหลือจากการต้มปลาปักเป้า

มีซอร์เบย์ยูซึ ปิดท้ายเป็นของหวาน

กินเสร็จก็เดินกลับไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ แล้วก็นั่งรถไฟ KEISEI SKYLINER ไปสนามบิน จบทริปสี่วันสามคืน

ทริปนี่ขอบคุณ KLOOK ผู้ใหญ่ใจดีที่เสนออะไรที่สะดวกให้เรา ง่าย สะดวก ข้ามขั้นตอน ข้ามคิวต่างๆมากมาย เที่ยวโตเกียวแบบตัวปลิว ชิลได้อีก

 

นอกจากนี้ KLOOK ก็ยังมีตั๋วและพาสอีกมากมาย ทั่วญี่ปุ่น


ไปไซตามะต้องไม่พลาด 15 ที่เที่ยวมากเสน่ห์ ของจังหวัดน่ารัก ติดโตเกียว
เทศกาลเบียร์โอเอโดะฤดูใบไม้ผลิ Spring Oedo Beer Festival 2019