แนะนำ โรงแรมที่พัก โตเกียว ญี่ปุ่น อัพเดตล่าสุด

แพลนเที่ยวโตเกียว 4 วัน 3 คืน สไตล์ชิลๆ สำหรับมือใหม่ เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก

Photo: Benny Ang [CC BY-SA 2.0] from flickr.com/photos/evobenny/24208881985/


โตเกียว(Tokyo)เป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นที่ติดอันดับจุดหมายปลายทางยอดฮิตของเหล่านักท่องเที่ยวทั่วทั้งสารทิศ จากความที่มีทั้งความเจริญทันสมัยเต็มไปด้วยเทคโนโลยีต่างๆ หากก็เต็มเปี่ยมด้วยกลิ่นอายวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว อาหารการกินรวมไปถึงวิถีชีวิตที่อาจดูเร่งรีบต้องแข่งกับเวลา แต่ก็แฝงไปด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวที่ไม่สามารถสัมผัสได้จากที่อื่นนอกจากที่โตเกียวเท่านั้น ถึงแม้ว่าระยะเวลาเพียง 4 วัน 3 คืนอาจจะดูน้อยเกินไปสำหรับหลายๆคน แต่ก็ไม่ต้องกังวล เพราะเราได้คัดเอาสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์เด็ดๆสุดฮิตมารวมกัน เพื่อให้คุณได้ใช้เวลาท่องเที่ยวที่มีอยู่อย่างจำกัดคุ้มค่ามากที่สุด ได้สัมผัสกับความเป็นโตเกียว และความเป็นญี่ปุ่นไปพร้อมๆกันเลย ที่สำคัญแพลนเที่ยวอันนี้เราเน้นแบบชิลๆ ไม่อัดมาก เพราะคนที่มาครั้งแรกเราอยากแนะนำให้ค่อยๆเดิน ค่อยๆดู สิ่งต่างๆของญี่ปุ่นแล้วจะเห็นว่าในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของเค้าช่างมีความพิถีพิถันซ่อนอยู่ ให้เราได้กลับมาพูดคุยแลกเปลี่ยนกับคนอื่นๆได้สนุกสนานมากยิ่งขึ้น

 

▌วันแรก

หน้าประตูทางเข้าวัดอาซากุซะ

หน้าประตูทางเข้าวัดอาซากุซะ

ประเดิมวันแรกด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่ต้องมาเช็กอินกันเมื่อมาเยือนยังโตเกียวอย่างวัดอาซากุสะ หรืออีกชื่อที่รู้จัดกันในนามวันเซนโซจิ จุดที่ไม่ว่าใครมาก็ต้องถ่ายรูปนั่นก็คือโคมแดงไซส์ยักษ์ตรงทางเข้าวัดที่เห็นปุ๊บรู้ปั๊บว่าเป็นวัดดังแห่งนี้แน่นอน นอกจากจะมาไหว้พระขอพระให้เป็นสิริมงคลกับชีวิตแล้ว ยังสามารถเดินทางของทานขนมพร้อมช็อปปิ้งเบาๆที่บริเวณถนนนากามิเสะได้อีกด้วย การเดินทางก็ง่ายมาก จากสถานีรถไฟอาซากุสะเดินเท้าต่ออีกไม่เกิน 5 นาที

ช่วงบ่ายๆมายังโตเกียวสกายทรีทาวน์ที่มีสุมิดะอควาเรียม ตั้งอยู่บนชั้นชั้น 5 และ 6 อลังการได้ด้วยการจัดแสดงโลกสัตว์น้ำที่เต็มไปด้วยสัตว์น้ำนานาชนิด อีกทั้งยังมีเพนกวินและแมวน้ำสุดน่ารักที่อยู่ในส่วนโซนอินดอร์ โอเพ่นพูลที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นให้ได้เห็นกันแบบใกล้ชิด  ไม่เพียงเท่านั้นยังมีโปเกมอนเซ็นเตอร์ สกายทรีทาวน์ ตรงโตเกียวโซระมาจิ ที่เอาใจเหล่าสาวกโปเกมอนด้วยสินค้าออริจินัลและลิมิเตตอีกมากมายที่หาซื้อได้ที่นี่เท่านั้น ยังไม่หมดหลังเดินชมนั่นนี่จนเพลินยังสามารถขึ้นไปชมวิวที่จะสวยที่สุดช่วงกลางคืน สามารถเห็นทั้งวิวทิวทัศน์ทั้งเมืองโตเกียว เผลอๆในช่วงกลางวันท้องฟ้าเปิดอาจได้เห็นภูเขาไฟฟูจิอันเลื่องชื่อได้จากจุดนี้อีกต่างหาก การเดินทางมาก็ง่ายๆแค่ลงที่สถานีรถไฟโตเกียวสกายทรีเดิน 5 นาทีถึง เรียกว่า มาที่เดียวครบจบอยู่ได้จนดึกเลย

 

วันที่ 2

ถ้าใครอยากจะชิมอาหารทะเลแบบสดๆหิ้วท้องมาที่ ตลาดปลาสึกิจิ ที่ขึ้นชื่อว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นและยังติดอันดับหนึ่งของโลก  ยิ่งมาเช้าๆก็จะได้เห็นบรรยากาศการค้าขายที่เต็มไปด้วยสีสัน ส่วนด้านนอกที่มีร้านอาหารทะเลแบบสดๆทั้งปลา ปู หอย ปลาหมึก และอื่นๆอีกเพียบ มีมาให้เลือกชิมกันหลากหลายร้าน แถมยังราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับที่ขายทั่วๆไป โดยส่วนนี้เริ่มเปิดตั้งแต่ตี 5 จนถึงช่วงบ่ายๆก็เริ่มปิดกันแล้ว ตลาดบริเวณนี้จะปิดทำการในวันที่ 8 ตุลาคม 2018 แล้วย้ายไปยังบริเวณ Toyosu ในวันที่  วันที่ 11 ตุลาคม 2018 ฉะนั้นใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศแบบดั้งเดิมที่ตลาดแห่งนี้ต้องรีบๆกันนิดนึงก่อนจะย้ายไปที่ใหม่ การเดินทางรถไฟใต้ดินจะสะดวกสุดลงที่สถานีซึกิจิเดินประมาณ 5 นาที

เปลี่ยนบรรยากาศมาเที่ยวแนวประวัติศาสตร์บ้างที่พระราชวังอิมพีเรียลหรือที่หลายๆคนรู้จักกันในชื่อ ปราสาทเอโดะ ซึ่งที่มีมีประวัติศาสตร์นานนับพันปีจากเป็นที่พำนักอาศัยของโชกุนและบุคคลสำคัญ โดยภาพในนอกจากตัวพระราชวังที่มีสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมที่ดึงดูดสายตาแล้ว บริเวณรอบๆยังมีสวนอันร่มรื่นให้เดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจกันได้อีกด้วย การเดินทางเดินจากสถานีโตเกียวประมาณ 15 นาที จากจุดนี้สามารถเดินไปย่านมารุโนะอุจิได้ภายในเวลา 15 นาที โดยนอกจากจะเป็นย่านการค้าทีมีร้านค้า คาเฟ่ที่น่าเดิน ยังสามารถขึ้นรถโตเกียวสกายบัสเที่ยวชมบริเวณรอบๆที่ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

[wp_ad_camp_1]

 

วันที่ 3

Photo: Nick Gray [CC BY-sa 2.0] from flickr.com/photos/nickgray/4534715504

เริ่มต้นวันด้วยการเดินช็อปปิ้งชื่อดังอย่างฮาราจุกุที่มีร้านค้าทั้งสินค้าแฟชั่น ของกระจุกกระจิก รวมไปถึงร้านเครปที่เดินไปทางไหนก็เจอที่แต่ละร้านมีเด็ดแตกต่างกันไป ถ้าเดินจนเต็มอิ่มแล้วอยากหาสถานที่สงบๆพร้อมชมความงามที่แฝงไปด้วยกลิ่นอายความศักด์สิทธิ์ก็เดินมาอีกนิด จะถึงศาลเจ้าเมจิ จิงงู เพราะทั้งสองที่อยู่ไม่ไกลกันมากจากสถานีรถไฟฮาราจุกุเดินเท้าซักไม่เกิน 10 นาทีก็ถึงแล้ว ถ้ายังมีเวลาเหลือๆเดินมาอีก 20 นาทีจากย่านฮาราจุกุมายังโอโมเตะซันโดฮิลส์ GYRE และคิตตตี้แลนด์ ที่ตลอดสองฝั่งทางจะเรียงรายได้ด้วยต้นไม้ที่มีความงามต่างกันไปทุกฤดูกาล

 

Photo: ElHeineken [CC BY-sa 2.0] from commons.wikimedia.org/wiki/File:Akihabara_Night.jpg

บ่ายๆก็มาเดินช็อปปิ้งที่ย่านอากิฮาบาระที่ถือเป็นแหล่งเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แต่ละร้านมีทั้งเล็กใหญ่คละๆกันไปตั้งอยู่สองฝั่งถนนมากกว่า 100 ร้าน รวมทั้งยังมีสินค้าที่เหล่าโอตาคุต้องตาวาวอีกเพียบไม่ว่าจะเป็นสินค้าเกี่ยวกับคาเรกเตอร์การ์ตูนดังๆ โมเดลฟิกเกอร์ ที่มีทั้งรุ่นธรรมดาๆไปจนถึงลิมิเต็ด เอดิชั่น อีกทั้งยังยังมีคาเฟ่แบบเมดคาเฟ่ที่มีสาวเสิร์ฟแต่งตัวคาวาอี้ๆมาให้ได้ชื่นตาชื่นใจอีกด้วย การเดินทางสามาถไปได้หลายสายทั้ง JR Yamanote Line, JR Keihin-Tohoku Line และ JR Sobu Line ลงที่สถานีรถไฟอากิฮาบาระเดินต่ออีกประมาณ 3 นาที

 

วันสุดท้าย

ปิดท้ายกันด้วยชมวิวโตเกียวยามเช้าที่แลนด์มาร์กอันดับหนึ่งอย่างโตเกียวทาวเวอร์ โดยสามารถขึ้นไปดูวิวทิวทัศน์ของเมืองมุมสูงได้สวยมากที่สุดของโตเกียวเลยก็ว่าได้  การเดินทางสามารถเดินเท้าจากสถานีรถไฟอากิฮาบาระได้ในเวลา 10 นาที แล้วถ้ายังพอเวลาเหลืออยากช็อปปิ้งของนิดหน่อยก็แนะนำให้ได้ยังย่านชิบุย่า เพราะมีร้านขายของฝากเพียบ มีให้เลือกกันเยอะแยะในย่านนี้ ที่สำคัญอย่าพลาดมาเยือนยังห้าแยกชิบุย่าอันแสนโด่งดัง การเดินทางเพียงออกมาจากสถานีรถไฟชิบูย่าเดินออกมานิดเดียวก็ถึง พร้อมแวะแชะภาพกับรูปปั้นของเจ้าสุนัขฮาจิโกะด้วย